“จะว่าไปก็ถูก”เซี่ยอันน่าคิดอยู่แป๊บหนึ่งแล้วถามอีกว่า “ถ้ามีโอกาสเธอจะเอาคืนวู่จิ่งยังไง”
“ตาต่อตาฟันต่อฟัน” ฉีฉีวางส้อมลงและถามอย่างสงสัย “เซี่ยอันน่าทำไมเธอถามคำถามแปลกๆแบบนี้”
เซี่ยอันน่ารีบยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไรฉันแค่สมมติ”
“งั้นก็อย่าเอาเวลาไปเสียกับคนอย่างนั้นเลยไม่มีประโยชน์”
“แต่วู่จิ่งทำร้ายเธอยังไงก็ต้องถูกลงโทษ ฉันก็เลยคิดอยู่ว่าบทลงโทษไหนถึงจะพอดี”
“เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เธอไม่ต้องกังวลใจ แต่เธอต้องถูกควบคุมตัวแน่”
อันน่าก้มหน้าลงและพูดเบาๆ “ถ้ามันมากกว่านั้นล่ะ”
“อะไร”
เธอหันไปยิ้มให้ฉีฉีและพูด “พวกเราไม่ต้องพูดถึงเธอแล้ว ฉันช่วยหวีผมดีกว่า จะกลายเป็นรังนกอยู่แล้ว”
พูดจบเธอก็เดินมาข้างหลังฉีฉีเพื่อช่วยหวีผม
นิ้วมือของเซี่ยอันน่าค่อยๆไล้ไปทั่วหัวของฉีฉี ฉีฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเซี่ยอันน่ามีอะไรในใจ
เมื่อฉีฉีหลับลงแล้ว เซี่ยอันน่าจึงออกมาจากห้อง สูดอากาศที่สวนชั้นล่าง
ขณะที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวก็มีคนมานั่งข้างเธอและถามว่า “ข้างเธอมีคนนั่งอยู่ไหม”
เมื่อได้ยินเสียงนี้เซี่ยอันน่าก็ตกตะลึง เงยหน้าขึ้นไปก่อนจะเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของคนคนหนึ่ง
“คุณเย่”
คนที่นั่งอยู่ข้างเซี่ยอันน่าก็คือเย่ชูวเสวี่ย
“นี่ฉันให้เธอเรียกว่าชูวเสวี่ยไม่ใช่หรอ ทำไมเรียกห่างเหินขนาดนั้น”
เซี่ยอันน่าเม้มปากเล็กน้อย และพยักหน้าลง จากนั้นก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้เธอจึงถามอย่างกังวล “ชูวเสวี่ยเธอมาอยู่นี่ได้ยังไง ไม่สบายหรอ”
“เปล่า ฉันได้ยินมาว่าเธอมีปัญหา ก็เลยอยากมาดู การดูแลคนป่วยลำบากมาก ให้ฉันช่วยหาพยาบาลให้ไหม”
“ที่นี่มีพยาบาลพิเศษ เสี่ยวอวี้หลินหาไว้ให้แล้วเธอไม่ต้องกังวล”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเย่ชูวเสวี่ยก็รู้สึกแปลกใจมาก
“ว้าว คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวอวี้หลินจะเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คงมีแต่กับเธอสินะที่เขาจะใส่ใจและอดทนได้มากขนาดนี้”
คำพูดของเย่ชูวเสวี่ยทำให้เซี่ยอันน่าได้แต่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แค่แป๊บเดียวเซี่ยอันน่าก็นึกอะไรขึ้นได้จึงถาม “ใช่สิฉันลามานาน ร้านขนม….”
“เธอไม่ต้องห่วง ตรงนั้นปกติดี มีคนมาทำงานแทน เธอยุ่งเรื่องของตัวเองก็พอ”
หลังจากได้ยินอย่างนั้นเซี่ยอันน่าก็พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ขอโทษจริงๆ ตอนแรกว่าจะตั้งใจทำงาน แต่ก็เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น”
“เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น แต่ช่วงนี้อุบัติเหตุของเธอดูจะเยอะเป็นพิเศษ”
การแสดงออกของเย่ชูวเสวี่ยมีความหมายอะไรบางอย่าง
แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้คิดมาก เธอพยักหน้าตาม “ใช่ ฉันโชคร้ายมาก”
“นี่ไม่ใช่เพราะความโชคร้าย มีคนตั้งเป้ามาที่เธอ”
“ก็คือวู่จิ่งไม่ใช่หรอ เธอโดนจับไปแล้ว คงมาก่อเรื่องกับฉันไม่ได้อีกแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเย่ชูวเสวี่ยก็คิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่พูด
เธอยืนขึ้นตบไหล่เซี่ยอันน่า “โอเค ไม่ต้องห่วงเรื่องร้านขนมนะ รอทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้วค่อยกลับไปทำงาน”
“โอเค ทราบแล้วค่ะ”
“เธอก็ดูแลตัวเองดีดีนะ อย่าเพลียเกินไปละ”
“สบายใจได้”
เย่ชูวเสวี่ยยิ้มให้เซี่ยอันน่าอีกครั้งและเดินจากไป
แต่เธอไม่ได้ขับรถออกไปจากโรงพยาบาล เธอยังคงจอดเอาไว้ตรงลานจอดรถ
ตรงนั้นมีคนคนหนึ่งกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่
เย่ชูวเสวี่ยเดินมายืนข้างเสี่ยวอวี้หลิน และหัวเราะเยาะว่า “นายเปลี่ยนเป็นคนเชื่อฟังอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้จักเป็นห่วงคนอื่น บอกมาว่าทำไมต้องใช้ฉันออกหน้า”
“เซี่ยอันน่ามีอุปสรรคในใจ ฉันหวังว่าจะมีคนช่วยเธอได้”
“นายหมายถึงความวิตกในใจใช่ไหม ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอก เมื่อกี้ฉันไปหาเธอมาแล้ว สภาพจิตใจของเธอยังโอเคอยู่ ไม่ได้แย่ขนาดนั้น นายสบายใจได้”
เสี่ยวอวี้หลินพยักหน้าและพูด “วันนี้ขอบใจมาก”
เย่ชูวเสวี่ยเกาจมูกและเตือนเขา “เสี่ยวอวี้หลิน บางทีนายโหดกว่านี้อีกหน่อยก็ได้นะ”
“โหดหรอ”
“นี่ ตัวนายก็น่าจะรู้ตัวดี”
เย่ชูวเสวี่ยพูดแปลกๆเสร็จก็ขับรถออกไป
“ต้องการจะพูดอะไรกันแน่”
เสี่ยวอวี้หลินขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นก็ยิ้มออกมา
.....
เพื่อให้เรียนทัน เซี่ยอันน่าจึงยืมเล็คเชอร์ของเพื่อนมาจด เธอกลับไปโรงเรียนทุกสองสามวันเพื่อเอาเนื้อหามาเรียนกับฉีฉี
แล้ววันนี้เซี่ยอันน่าก็กลับไปเอาเล็คเชอร์อีกครั้ง เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูเธอก็ได้กลิ่นหอมของดอกลิลลี่
ตอนที่เซี่ยอันน่าอยู่ เธอจะไม่ปักดอกลิลลี่ไว้ในห้อง เพราะฉีฉีไม่ชอบกินดอกลิลลี่
พยาบาลผู้ช่วยก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นในห้องจึงไม่มีทางมีกลิ่นของดอกลิลลี่
วันนี้มีคนมาเยี่ยมฉีฉีหรอ
เซี่ยอันน่าเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเห็นดอกลิลลี่บนโต๊ะ
“ฉีฉีวันนี้มีคนมาหรอ”
“ใช่”
ฉีฉีตอบพร้อมกับยื่นปากไปข้างหลังโกรธๆ
เซี่ยอันน่าหันหน้าไปมอง ก่อนจะเห็นซู่เฉียวเฉียวปรากฏตัวขึ้น
ซู่เฉียวเฉียวกำลังช่วยฉีฉีจัดเสื้อผ้าอยู่
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าจึงยิ้มให้ “ฉันเห็นฉีฉีได้รับบาดเจ็บจึงมาเยี่ยม”
แต่ฉีฉีกลับไม่รับน้ำใจ เธอหันหน้าไปอีกข้าง “เธอก็รู้ไม่ใช่หรอว่าฉันเจ็บเพราะใคร ไม่ต้องมาเสแสร้งแถวนี้”
คำพูดของฉีฉีทำให้ซู่เฉียวเฉียวรู้สึกอึดอัด
แต่เธอก็ไม่คิดจะจากไป ยังคงหน้าด้านอยู่ต่อไป
“วู่จิ่งไม่ถูก ฉันก็หวังว่าฉันจะได้ช่วยดูแลฉีฉีเพื่อชดใช้ความผิดของเธอ”
ซู่เฉียวเฉียวแสดงท่าทีอ่อนลง แต่ฉีฉีก็ไม่รับน้ำใจ เธอพูดอย่างเย็นชา “กว่าฉันจะมีชีวิตมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่จำเป็นต้องให้เธอมาดูแล”
“ฉัน.....”
เซี่ยอันน่าพูดขัดคำพูดของซู่เฉียวเฉียว “เธอกลับไปก่อนเถอะ เธออยู่ก็ไม่ช่วยอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้ และฉีฉีก็ต้องการความสงบ เธออยู่ที่นี่ฉีฉีจะสบายใจได้ยังไง”
ซู่เฉียวเฉียวหลุบตาลง และยืนขึ้นอย่างทำอะไรไม่ได้ “โอเคงั้นฉันกลับก่อน แต่เซี่ยอันน่าเธอไปส่งฉันหน่อยได้ไหม”
เซี่ยอันน่ารู้ว่าซู่เฉียวเฉียวมีอะไรจะพูดกับเธอ
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็เดินตามไป
เมื่อเดินไปถึงบริเวณที่ไม่มีคน ซู่เฉียวเฉียวก็หันหน้ากลับมาจับมือของเซี่ยอันน่า และพูดอย่างวิงวอน เซี่ยอันน่าขอร้องล่ะ ช่วยขอร้องเสี่ยวอวี้หลินให้หน่อยได้ไหม ถ้าเขาไม่รามือ วู่จิ่งต้องตายแน่”
เซี่ยอันน่าตกใจถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“วู่จิ่งพยายามทำร้ายเธอ และก็ได้ถูกจับตัวไปแล้ว ได้รับการลงโทษแล้ว แต่เสี่ยวอวี้หลินก็ยังคงเอาคืนแทนเธอ เขาสั่งให้คนในนั้นไปสั่งสอนวู่จิ่ง แต่ด้วยวิธีการไหนฉันก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เธอเป็นบ้าแล้ว เธอไม่ได้เป็นคนปกติอีกต่อไปแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...