อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถานการณ์จะอันตราย แต่ก็เป็นโอกาสที่จะให้ป้าและลูกพี่ลูกน้องหายไปจากชีวิตของตัวเองโดยสิ้นเชิง
แต่ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรเพราะเป็นปัญหาที่ค่อนข้างจัดการยาก
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยอันน่ายังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะฉีกหน้าป้าของเธอหรือไม่
ในขณะที่เซี่ยอันน่ากำลังลังเลในการตัดสินใจอยู่นั้น ก็ได้มีผู้มาเยือนมาที่บ้าน
ติ๊งต่อง......
เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน เซี่ยอันน่าก็รีบไปเปิดประตู
เมื่อเธอเห็นคนที่ยืนอยู่นอกประตูเธอก็นิ่งอึ้งไปสักพัก
"สวัสดี เซี่ยอันน่า"
เธอกระพริบตาสองสามครั้ง เธอพูดออกมาด้วยความไม่น่าเชื่อว่าแขกผู้มาเยือนจะเป็น "ชูวเสวีย!?"
"ทำสีหน้าอะไรของเธอ เห็นฉันทำยังกับเห็นผี" เย่ชูวเสวียหัวเราะขบขันพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นก็เดินเข้ามาในบ้าน
"เสี่ยวอวี้หลินไม่อยู่บ้านเหรอ?"
“ไม่อยู่ ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะค่อนข้างยุ่ง”
"อ่อ ไม่น่าแปลกใจหรอก"
เซี่ยอันน่าข้าไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำชามาเสริฟ์สองแก้ว เธอวางแก้วน้ำชาไว้ข้างหน้าของเย่ชูวเสวียแล้วพูดว่า "นั่งก่อนสิ นี่น้ำชา"
เย่ชูวเสวียนั่งลงบนโซฟาจิบน้ำชาแล้วก็พูดว่า "ฉันโทรหาเธออยู่ตลอด ทำไมเธอถึงไม่รับสายเลย นึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอแล้วซะอีก"
"โทรหาฉัน?" เซี่ยอันน่าหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาดูจากนั้นก็ยักไหล่อย่างขอโทษและพูดว่า "แบตหมดอ่ะ"
"เธอนี่มันจริงๆเลย แต่ไม่น่าแปลกใจหรอกมีข่าวลือแบบนั้นน่าจะมีสายโทรเข้ามาก่อกวนเธอมากมายเลยใช่ไหม การปิดเครื่องก็ยังพอหลีกเลี่ยงได้"
เซี่ยอันน่ายิ้มอย่างขมขื่น "เธอก็ดูข่าวนั้นเหมือนกันเหรอ"
"ฉันดูข่าวนั้นแล้วแต่ฉันไม่เชื่อเลย อันน่าเป็นคนยังไง และความสัมพัธ์กับเสี่ยวอวี้หลินยังไงฉันรู้ดี ข่าวนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก"
เซี่ยอันน่ารู้สึกชื่นใจมากที่มีเพื่อนเชื่อมั่นในตัวเธอ รอยยิ้มค่อยๆปรากฎบนใบหน้าของเธอ
"ขอบใจเธอมากนะ ชูวเสวีย"
"ไม่เป็นไร พวกเราเป็นเพื่อนกัน ความเชื่อใจต้องมีอยู่แล้ว"
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่น พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเซี่ยอันน่าก็เดินออกมาจากห้องด้วยหน้าตางัวเงีย พร้อมกับแสดงสีหน้าที่สุดจะรำคาญ
"ใครกันวะ มาคุยกันเสียงดังน่ารำคาญ คนมันจะนอนก็นอนไม่หลับ"
เมื่อลูกพี่ลูกน้องคนนี้เบิกตามองเย่ชูวเสวียอย่างชัดเจน ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
"โอ้โฮ ได้เจอสาวสวย"
สายตาของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ที่มองมาทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจในครั้งแรกที่พบเจอ
เย่ชูวเสวียไม่ชอบเขาเป็นอย่างมาก ขมวดคิ้วถามเซี่ยอันน่า "อันน่า คนนี้คือใครเหรอ?"
"อ้อ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเองแหละ เขาจะพักอาศัยอยู่ที่นี่สักพัก"
เย่ชูวเสวียกับเซี่ยอันน่าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้อนรับลูกพี่ลูกน้องคนนี้
แต่เขาไม่รู้ตัวเลยและเข้าไปนั่งเบียดระหว่างเซี่ยอันน่ากับเย่ชูวเสวีย แล้วถามด้วยรอยยิ้ม: "สวัสดีคนสวย ชื่ออะไรเหรอ?"
เนื่องจากความไว้หน้าเซี่ยอันน่า เย่ชูวเสวียไม่อยากพูดอะไรที่เกินไปแต่ดูจากสีหน้าของเธอแล้วเธอกำลังอดทนเอาไว้
เซี่ยอันน่ารู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูกจึงเอื้อมมือไปสะกิดลูกพี่ลูกน้องของเธอ: "พี่คะ เก็บอาการนิดหนึ่งเธอเป็นเพื่อนของฉัน!"
“เพื่อนแล้วไง อยากรู้จักไม่ได้เหรอ?”
“เธอไม่ใช่คนที่อยู่ระดับเดียวกันกับพี่ พี่ไม่มีอะไรเทียบเธอได้!”
โดนหักหน้าต่อหน้าสาวสวย เขาค่อยข้างไม่พอใจเป็นอย่างมากแล้วขึ้นเสียงพูด "คำพวกนี้ฉันไม่อยากฟัง อีกไม่นานฉันก็จะเป็นผู้จัดการของเสี่ยวซื่อกรุ๊ปแล้ว มีอะไรที่เทียบไม่ได้เหรอ?"
"เธอเป็นคนที่อยู่ในตระกลูร่ำรวยที่มีชื่อเสียง ตั้งแต่หัวจรดเท้าพี่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเธอเลย!"
"อยู่ในตระกลูร่ำรวยที่มีชื่อเสียง งั้นฉันยิ่งอยากรู้จักเธอมากยิ่งขึ้น"
เมื่อเห็นท่าทีที่แย่ขึ้นเรื่อยๆของลูกพี่ลูกน้อง เธอก็เตือนทันที: "ฉันจะเตือนพี่อีกครั้ง กลับเข้าห้องไปซะ อย่ามารบกวนพวกเรา!"
"เธอ……"
"ถ้าพูดอีกคำฉันไล่พี่ออกไปแน่!"
ในใจของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ไม่อยากยอม แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรเซี่ยอันน่าได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเก็บความโกรธเอาไว้ในใจแล้วกลับเข้าห้องไป
เมื่อเห็นเขากลับเข้าห้องไปแล้ว เย่ชูวเสวียจึงถามว่า "เกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันรู้สึกมึนงง?"
เซี่ยอันน่ายิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า: "ถ้าให้เล่าอย่างสั้นๆก็คือ มีนกที่ทำรังเองไม่เป็นแต่อยากครอบครองรังของนกตัวอื่นอ่ะ"
"เรื่องนี้เสี่ยวอวี้หลินไม่สนใจจัดการเลยเหรอ?"
เซี่ยอันน่าถอนหายใจแล้วพูดอย่างแผ่วเบา “เขาไม่รู้เรื่องนี้อ่ะ ฉันอยากจัดการมันด้วยตัวฉันเอง ไม่อยากให้เขารับรู้”
เซี่ยอันน่ามีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง และเธอไม่ต้องการให้เสี่ยวอวี้หลินเห็นด้านที่ตกอยู่ในที่นั่งลำบากของเธอ
ถ้ามองตามความสามารถของเสี่ยวอวี้หลินแล้วเขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้จริงๆหรือ? แต่ถ้าตอนนี้เขารู้แล้วทำไมเขาไม่เข้าไปแทรกแซง?
แปลกและก็แปลกมาก
เย่ชูวเสวียขมวดคิ้วครุ่นคิด แต่ยังคิดไม่ออกเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเดินเข้ามา
เงาของคนนั้นตกกระทบมาที่ศีรษะของเย่ชูวเสวีย เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเป็นผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตรและมีสายตาที่ค่อนข้างดุ
ป้าของเธอเอามือกอดอกถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: "เซี่ยอันน่า พี่เธอบอกว่าเธอรังแกเขาเหรอ!?"
เมื่อเห็นป้ามาเซี่ยอันน่าก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
แม่ลูกคู่นี้ไม่คิดจะให้คนอื่นอยู่อย่างสงบสุขบ้างเหรอ
เพราะมีเพื่อนอยู่ด้วยเซี่ยอันน่าเลยต้องพยายามสงบสติอารมณ์แล้วไกล่เกลี่ยให้เรื่องจบ "ตอนนี้มีแต่พวกคุณเท่านั้นที่รังแกฉัน ขอถามหน่อยถ้าฉันจะรังแกพวกคุณบ้างจะทำได้อย่างไร? ถึงทำได้จริงๆแต่การอยู่แบบสงบสุขไม่ต้องมีเรื่องกันจะดีกว่ามาก"
"เชอะ เธอมีคนหนุนหลังอยู่แล้วมีอะไรที่ไม่กล้าทำเหรอ"
เห็นได้ชัดว่าป้าของเธอไม่ต้องการที่จะจบเรื่อง ป้าของเธอเลิกคิ้วและมองไปที่เย่ชูวเสวียที่นั่งอยู่ข้างๆเธอด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
"สาวคนนี้เหรอที่พี่เธอพูดถึงก็ไม่ได้ดูพิเศษอะไร แล้วพี่แกมีอะไรที่ไม่คู่ควรกับเธอเหรอ"
ทำไมยังไม่ยอมจบเรื่อง
เซี่ยอันน่าพยายามระงับความโกรธแล้วพูดว่า "พูดอีกครั้งดิ นี่คือเพื่อนของฉัน อย่ามายุ่งกับเธอ"
"เพื่อนก็อาจจะกลายเป็นพี่สะใภ้เธอในอนาคตได้นะ"
เย่ชูวเสวียหัวเราะให้กับท่าทางที่ตรงไปตรงมาและมั่นใจของป้าคนนี้ แล้วเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ใจดีว่า "ขอโทษนะคะ ฉันมีแฟนแล้วค่ะ"
"มีแฟนแล้วก็เลิกกับแฟนได้ ลูกชายของป้านานๆจะเจอคนที่ถูกใจ ลองคุยกับเขาก่อนก็ได้นะ"
"ป้าฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่องเหรอคะ!"
"เฮ้ย เธอนี้มันอะไรกัน ลูกชายของฉันชอบเธอ ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของเธอแล้ว!"
เย่ชูวเสวียควบคุมอารมณ์เต็มที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของเซี่ยอันน่า เธอคงเดินหนีออกไปแล้ว
เซี่ยอันน่ามองดูเย่ชูวเสวียด้วยสายตาที่ขอโทษ ก่อนหันหน้าไปพูดกับป้าของเธอ "เพื่อนของฉันคนนี้ค่อนข้างมีฐานะที่สูงศักดิ์ ถ้าทำอะไรไปโดยพลการ ทำให้เธอโกรธเข้า อย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะ"
"เชอะ ฉันเจอเรื่องแบบนี้มาไม่น้อย"
"ดังนั้น ถ้าไม่ถือลองเจออีกสักครั้งสิ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...