เซี่ยอันน่าหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปถามผู้ช่วยว่า"มีการเพิ่มกิจกรรมนอกสคริปต์ทำไมไม่มีใครบอกฉัน"
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ช่วยเห็นเซี่ยอันน่าพูดใส่อารมณ์แบบนี้ เขาตกใจและนิ่งอึ้งไปก่อนพูดว่า"ฉันก็ไม่รู้ว่าคุณอันน่าไม่รู้ นึกว่าตกลงกันเรียบร้อยแล้ว"
"งั้นก่อนเริ่มรายการ ฉันไม่ได้พูดถึงกระเป๋าเครื่องสำอางเลยและไม่มีการจัดกระเป๋าให้เป็นระเบียบ เธอไม่รู้สึกแปลกใจบ้างหรือ?"
ผู้ช่วยทำสีหน้างงงวยพร้อมกับส่ายหัว
"ดีมาก"
เซี่ยอันน่ายิ้มและพูดแค่สองคำ แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้รู้สึกเสียวสันหลังมาก
ผู้ช่วยมองไปที่เซี่ยอันน่าด้วยความหวาดกลัว "คุณอันน่าไม่เป็นไรใช่ไหมคะ"
"ฉันไม่เป็นไรหรอก แต่เธอสิ ดูเหมือนว่าจะต้องเปลี่ยนนายจ้างแล้วล่ะ"
ผู้ช่วยตกใจมากจึงถามออกไปว่า "หมายความว่ายังไงคะ"
"ความหมายของฉันก็คือเธอถูกเลิกจ้างแล้ว"
พูดจบเซี่ยอันน่าก็ลุกขึ้นเดินออกไป แต่ผู้ช่วยยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม เพราะทำอะไรไม่ถูก
เซี่ยอันน่าดูเหนื่อยล้าเมื่อเธอกลับมาถึงที่อพาร์ทเมนท์
ป้าของเธอที่กำลังนั่งดูทีวี เมื่อเห็นเธอกลับมาก็รีบวิ่งไปต้อนรับ
"ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง ป้านึกว่าจะกลับมาดึกๆซะอีก"
"ฉันเหนื่อยมาก ขอตัวเข้าห้องก่อนนะ"
“ อาหารเย็นเสร็จแล้ว เดี๋ยวป้ายกเข้าไปให้นะ”
เซี่ยอันน่าไม่สนใจป้าของเธอ แล้วปิดประตูเข้าห้องไป
ลูกพี่ลูกน้องเคี้ยวหมากฝรั่งในปากแล้วพูดผ่านๆว่า: "ดูแล้ววงการบันเทิงก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น เห็นอันน่าเหนื่อยเหมือนหมากลับทุกวันเลย"
เวลานี้ป้าของเธอไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดอย่างเย็นชาว่า: "แกเห็นแต่ด้านที่ยากลำบากของมัน แต่ทำไมไม่เห็นด้านที่สวยงามของมัน อย่าโลภเด็ดขาด ไม่งั้นสุดท้ายจะไม่ได้อะไรเลย"
หลังจากอาบน้ำ เซี่ยอันน่าก็เช็ดผมด้วยผ้าขนหนู
ป้าของเธอเดินถ้วยอาหารร้อนๆมาเคาะประตูของเซี่ยอันน่าด้วยรอยยิ้ม
"อันน่า ไม่ได้ทานข้าวเย็นแน่ๆ ป้าทำข้าวหม้อดินมาให้ทานจ้ะ"
ป้าเป็นคนขี้เกียจมาโดยตลอด ทำไมอยู่ๆถึงทำอาหารมาให้เธอได้อย่างไร? มันต้องมีอะไรแน่ๆ
เซี่ยอันน่ามองที่ป้าของเธอด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งแล้วพูดว่า "ขอบคุณมากค่ะ"
"อย่าเอาแต่ลดน้ำหนักนะ ผู้หญิงดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลจะดูดีกว่า หลังจากนี้เธอก็จะเป็นคุณนายแล้ว มีเนื้อมีหนังนิดหน่อยถึงจะดูเป็นคนมีเงินมีทอง"
ยิ่งป้าของเธอพูดไม่หยุด เซี่ยอันน่าก็ยิ่งรู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้น
เซี่ยอันน่าทันไม่ไหวจึงไล่ป้าออกจากห้องไป
จากนั้นเธอจ้องมองไปที่ข้าวอบหม้อดินแล้วขมวดคิ้ว
เธอลุกขึ้นถือข้าวอบหม้อดินั้นไปเทลงในชักโครก จากนั้นก็หยิบคุกกี้หนึ่งห่อออกมาจากกระเป๋าเพื่อระงับความหิว
ตั้งแต่วันนั้นเซี่ยอันน่าก็ไม่ได้กินข้าวที่บ้านรวมทั้งการดื่มน้ำด้วย
แต่เธอแสร้งทำเป็นดีต่อหน้าป้าของเธอโดยที่ป้าของเธอไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด
ป้าของเธอคิดเพียงว่าเซี่ยอันน่ากำลังรักษารูปร่างและตั้งใจที่จะกินน้อยลง
แต่ไม่เป็นไรตราบใดที่เซี่ยอันน่าตกหลุมพรางนี้ ทุกอย่างก็จบสิ้น!
ไม่กี่วันต่อมาข่าวที่น่าตกใจก็แพร่กระจายไปทั่วสารทิศ
ดาราสาวที่กำลังมาแรงในวงการบันเทิงถูกสงสัยว่าเสพยาและกำลังอยู่ในการควบคุมของตำรวจ
ผู้คนจำนวนมากกำลังเสพข่าวดราม่าด้วยความตื่นเต้น พวกเขารอตำรวจแถลงผลการตรวจปัสสาวะ จากนั้นก็ทำให้ดาราสาวหายไปจากวงการบันเทิงอย่างสิ้นเชิง
แต่ว่าผลการตรวจปัสสาวะออกมาปรากฏว่าดาราสาวเป็นผู้บริสุทธิ์
ในไม่ช้าดาราสาวก็รีบจัดงานแถลงข่าวประณามรายงานข่าวเท็จและกล่าวว่ามีคนวางแผนใส่ร้ายเธอ
เธออาศัยการแถลงข่าวครั้งนี้อธิบายข่าวเท็จครั้งที่แล้วและชี้เป้าไปที่ป้าของเธอ
ในระหว่างการฟ้องร้องของเธอ พฤติกรรมที่เลวร้ายราวกับผีดูดเลือดของป้าของเธอถูกเปิดเผยออกมา ทำให้ผู้ต่างก็ก่นด่าและสาปส่ง
ไม่เพียงเท่านั้นตำรวจยังร่วมมือในเรื่องนี้และเข้าจับกุมป้าพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของเธอเพราะพวกเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ในที่สุดชีวิตของเซี่ยอันน่าก็กลับคืนสู่ความสงบ และฉีฉีก็สามารถกลับไปอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ได้
หลังจากแก้ปัญหาที่ยุ่งยากผ่านไปแล้ว เซี่ยอันน่าควรจะรู้สึกว่ามีความสุข
แต่กลับกลายเป็นว่าเซี่ยอันน่ารู้สึกเหนื่อยและเหนื่อยมากอยากจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่แล้วไปในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักและเก็บซ่อนตัวเองไว้ในที่แห่งนั้น
แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเซี่ยอันน่า ในไม่ช้าปัญหาอื่นก็ตามมาถึงเธอ
......
ในห้องอาหารหรูหราเซี่ยอันน่าและเสี่ยวอวี้หลินกำลังนั่งเผชิญหน้ากัน
เสียงเพลงไวโอลินที่แสนไพเราะทำให้บรรยากาศสงบและอ่อนโยนมาก
เสี่ยวอวี้หลินหั่นสเต็กด้วยท่าทางที่ละเมียดละไมพร้อมกับเล่าเรื่องตลกให้เซี่ยอันน่าฟังเป็นครั้งคราว
แม้ว่าเสี่ยวอวี้หลินจะเล่าสนุกแค่ไหน แต่รอยยิ้มและเสี่ยงหัวเราะของเซี่ยอันน่าดูไม่ค่อยผ่อนคลายเท่าไหร่
เธอรู้ว่าเสี่ยวอวี้หลินชวนเธอมาทานอาหารค่ำในวันนี้ไม่ได้มาเพื่อเล่าเรื่องตลก
หลังจากนั้นไม่นานเสี่ยวอวี้หลินก็วางมีดและส้อมลงแล้วถอนหายใจ
"อันน่าผมรอให้คุณบอกความจริงกับผมมาโดยตลอด"
เธอหลีกเสี่ยงที่จะสบตาเขา
เธอเงยหน้าขึ้นก็มิอาจหลบเลี่ยงสายตาของเสี่ยวอวี้หลินไปได้
"ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันแก้ปัญหาด้วยตัวฉันเองได้"
"นี่คือทางออกของคุณ?"
"ฉันพ้นมลทินแล้วนี่ไม่ใช่ทางออกหรือ"
เสี่ยวอวี้หลินส่ายหัวและพูดว่า "นี่เป็นเพียงทางออกของคุณแต่ไม่ใช่ของผม เซี่ยอันน่าคุณมันเห็นแก่ตัวจริงๆ"
โดนตำหนิครั้งนี้ทำให้เซี่ยอันน่ารู้สึกอธิบายไปต่อไม่ถูก
"คุณใช้โอกาสจากเรื่องนี้เพื่อกำจัดญาติที่มาเกาะคุณแถมยังเป็นการเพิ่มความนิยมให้กับคุณได้อีก แต่ผมล่ะ ครอบครัวของผมจะยอมให้ผมคบหากับผู้หญิงที่มีชีวิตซับซ้อนเช่นนี้หรือ?"
คำพูดเหล่านี้ทำให้เซี่ยอันน่าตกตะลึงใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีเสี่ยวอวี้หลินก็กังวลที่จะพูดแบบนี้ออกมา
ทันใดนั้นเธอยิ้มอย่างขมขื่นก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า "ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละ มันไม่ใช่การหลอกลวงที่จะสามารถปกปิดนิสัยกระจอกของตัวเองได้ คุณมาคบหากับฉันคุณก็น่าจะรู้แล้ว จะมาคิดเสียใจภายหลังมันก็......"
"เซียอันน่า!"
ก่อนที่เซี่ยอันน่าจะพูดจบ เสี่่ยวอวี้หลินก็สั่งให้เธอหยุดพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
สิ่งที่ผมอยากฟังไม่ใช่แบบนี้!”
"แล้วคุณอยากฟังอะไร"
"การพึ่งพาผมเพื่อแก้ปัญหามันยากขนาดนี้เลยหรือ"
เซี่ยอันน่าเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า: "ฉันสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง แล้วทำไมฉันถึงต้องการคนอื่นพึ่งพาคนอื่นล่ะ ฉันไม่อยากทำให้คุณเดือดร้อนคุณควรจะมีความสุข"
"ถ้าคนสองคนไม่แก้ปัญหาร่วมกันหรือร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน คุณคิดว่าความสัมพันธ์นี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน?"
เมื่อได้ยินเสี่ยวอวี้หลินพูดด้วยคำที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ทำให้เซี่ยอันน่าเงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
สองสายตาสบตากัน ทันใดนั้นเซี่ยอันน่าก็รู้สึกผิดในใจ
เซี่ยอันน่ากำลังคิดว่าตัวเองพึ่งพาเขาได้จริงๆหรือ?
เซี่ยอันน่าถามตัวเองซ้ำๆแต่พบว่าไม่มีคำตอบในใจหรือว่าเธอไม่มีความกล้าที่จะคิดหาคำตอบเลย
ความรักของเสี่ยวอวี้หลินเป็นเหมือนกับภูเขาสูงหนึ่งหมื่นฟุต แล้วเซี่ยอันน่ายืนอยู่บนนั้นเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่งดงาม แต่เธอก็สามารถตกลงไปในเหวได้ทุกวินาที
ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง เซี่ยอันน่าต้องการควบคุมมันด้วยตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...