"หุบปาก!"
เขายิ้มอย่างนุ่มนวล ในรอยนั้นมีด้วยความเห็นอกเห็นใจ สงสารและความไม่ไยดีปนอยู่ในนั้นด้วย
"ในสายตาของคุณ ยังไงเราก็เป็นคนที่กำลังจะตายอยู่แล้ว ถึงรู้แล้วจะทำอะไรได้?แทนที่จะพูดออกมาตรงๆ ก็ถือว่าบอกให้เรารู้ว่ากำลังจะตายเพื่อใคร"
ต้วนอีเหยากำลังโมโหพี่หก เพียงครู่หนึ่งพี่หกก็สูญเสียเหตุผลของเขาไป
แต่เขาก็กลับมาใจเย็นอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว มีน้ำเสียงเหน็บแนมขณะที่พูดว่า: "ผู้หญิงเจ้าเล่ห์ ฉันรู้ เธอกำลังพยายามล้วงความลับ ฉันไม่ยอมให้เธอทำสำเร็จหรอก อีกอย่างเธอบอกว่าเธอมาเพื่อเซี่ยอันน่า แต่ฉันมองยังไงก็รู้สึกว่าเธอกำลังหลอกใช้เธอเพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาวของครอบครัวตระกูลเย่ของพวกเธออยู่"
พี่หกยิ้มให้เซี่ยอันน่าและพูดว่า "พูดตามตรง ถ้าเธอค้นพบความจริง เธอเลือกที่จะฆ่าเซี่ยอันน่าเพื่อปกปิดความจริงไหม?"
คราวนี้ก่อนที่ต้วนอีเหยาจะเอ่ยปากพูด เซี่ยอันน่าก็พูดออกมาว่า "คุณเลิกยุให้รำตำให้รั่วได้แล้ว ถ้าเทียบกับปีศาจที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาแบบคุณ ยังไงฉันก็จะเชื่อในพี่อีเหยาทั้งหมด"
พี่หกส่ายหน้าด้วยความเสียดายและพูดว่า: "อย่างเธออ่ะ มันไร้เดียงสาจริงๆ โลกนี้เลวร้ายกว่าที่เธอคิด การที่เธอทำดีกับคนอื่นแบบนี้ ไม่ได้แปลว่าเธอจะได้รับผลตอบแทนเช่นนั้นเหมือนกัน"
เซี่ยอันน่าอุทานและพูดว่า: "ตลกจริงๆ จู่ๆคนชั่วก็สอนให้คนอื่นมีความเมตตาและรู้จักสิ่งตอบแทน"
"ความชั่วของบางคนอยู่แค่ภายนอกแต่ความชั่วของบางคนซ่อนอยู่ภายใต้ความซื่อสัตย์นั้น ยิ่งทำให้คนรู้สึกขยะแขยง!"
“ความหมายของนายคือ คนในครอบครัวตระกูลเย่เลวกว่านาย?”
"ถูกต้อง บางทีตอนนี้พวกเธออาจจะยังไม่เข้าใจ แต่อีกไม่นานพวกเธอจะได้เปิดหูเปิดตาและพวกเธอจะได้รู้ว่าสำหรับฉันไม่ถือว่าเป็นคนเลวเลย"
ในขณะที่พี่หกพูดแบบนี้ ใบหน้าของเขาก็ดูจริงจัง ในดวงตาที่เย็นชาตลอดเวลามีกลิ่นไอที่ไม่ปกติอยู่
สิ่งนี้ทำให้เซี่ยอันน่าตกตะลึง เธอจ้องไปที่ดวงตาพี่หก ราวกับว่าเธอถูกใครบางคนสะกดจิตวิญญาณเอาไว้
ทันใดนั้นก็มีคนผลักเซี่ยอันน่าและดึงสติของเธอกลับมา
"อันน่า อย่าหลงกลเขา ผู้ชายคนนี้กลัวโลกใบนี้จะสงบสุข ดังนั้นทุกคนต่างตายไปเพื่อรับใช้เขาถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว"
พี่หกยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและพูดว่า "เพราะหวังดีกับพวกเธอฉันเลยเตือนพวกเธอไว้ แต่พวกเธอกลับมาเข้าใจฉันผิด ช่างเถอะ ฉันจะไม่พูดอะไรเพื่อโน้มน้าวพวกเธออีกต่อไป ดังนั้นให้ความจริงสอนพวกเธอเป็นบทเรียนแล้วกัน”
หลังจากพูดจบพี่หกก็หันหลังจากไป
เมื่อเห็นว่าพี่หกไปแล้ว ต้วนอีเหยาก็หันไปจับมือเซี่ยอันน่าไว้และพูดว่า "อันน่าอย่าไปฟังไอ้บ้านั่น"
"แน่นอนว่าฉันไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่ ... " เซี่ยอันน่าขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า "ตกลงในปีนั้นเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เขาเกลียดตระกูลเย่แบบนี้"
“เรื่องพวกนี้เราไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก ผู้อาวุโสของตระกูลเย่ไม่ใช่สิ่งของวางโชว์ เขารู้ว่าต้องทำยังไง สิ่งเดียวที่เราต้องทำในตอนนี้คือกลับบ้านอย่างปลอดภัย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เซี่ยอันน่าก็ถอนหายใจอย่างเศร้าโศกเล็กน้อยและมีความสิ้นหวังปนอยู่ในนั้นจากนั้นก็พูดว่า: "หลายวันที่เธอมาก็เห็นมันมาตลอด พื้นที่รอบๆทั้งหมดเต็มไปด้วยน้ำทะเล เราไม่สามารถออกไปได้เว้นแต่พี่หกจะปล่อยไป"
"มีตั้งหลายล้านวิธี ถ้าเธอยอมแพ้เองก็ไม่มีโอกาสชนะจริงๆ"
เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วคำพูดนี้ก็ฟังดูสมเหตุสมผล เซี่ยอันน่าแตะศีรษะของเธอและพูดอย่างรู้สึกผิดว่า: "อืม เป็นเพราะฉันมองโลกในแง่ร้ายเกินไป"
ต้วนอีเหยาจับมือเซี่ยอันน่าแน่นขึ้นและพูดว่า "อันน่า เธอต้องเชื่อในตัวฉันและครอบครัวบ้านตระกูลเย่ นี้ไม่ใช่จุดจบสุดท้ายของเราแน่นอน!"
เมื่อเห็นดวงตาที่แน่วแน่ของต้วนอีเหยา เซี่ยอันน่าก็พยักหน้า แต่ในใจยังคงรู้สึกไม่มั่นใจและมันก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
...
การตามหาเบาะแสของพี่หกก็ล้มเหลวอีกครั้ง
สิ่งนี้เกือบจะทำให้เสี่ยวอวี้หลินเป็นบ้าและทำให้เขาทำตัวบ้าคลั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขารู้ดีว่าการกระทำบางอย่างของเขาจะไม่ได้รับอนุญาตจากคนรอบข้าง จึงเริ่มคิดแผนการร้ายๆด้วยตัวเองโดยไม่ร่วมมือกับครอบครัวตระกูลเย่
ทุกคนค่อยๆค้นพบความผิดปกติของเสี่ยวอวี้หลินอย่างช้าๆและเมื่อเขาเตรียมดำเนินการเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง ก็หยุดเขาไว้ได้
"เสี่ยวอวี้หลิน นายทำอะไร?"
"จัดกำลังพลและเตรียมรับมือกับการโจมตี"
"นายบ้าหรือไง พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยน้ำทะเลและไม่มีที่กำบัง เพียงแค่คนของนายปรากฏตัวพวกเขาจะถูกโจมตีอย่างบ้าคลั่งและกองทัพทั้งหมดจะถูกกวาดล้าง!"
“แต่ก็ไม่ใช่ไม่ลงมือทำอะไรเลย จะเฝ้าแบบนี้ไปเรื่อยๆงั้นหรอ!” เสี่ยวอวี้หลินขยี้ผมของเขาเหมือนคนบ้า พร้อมกับพึมพำว่า “ผ่านไปหลายวันแล้ว ผมไม่สามารถรอได้อีกต่อไป!”
"เสี่ยวอวี้หลิน นายใจเย็นๆลงหน่อย!" เย่จิงเหยียนขมวดคิ้วแล้วจับไหล่ของเสี่ยวอวี้หลิน จากนั้นก็พูดว่า "อีเหยาก็อยู่ข้างใน ความกังวลของฉันไม่ได้น้อยไปกว่านายเลย แต่ถ้าเราเคลื่อนไหวอย่างประมาท ก็จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย!"
เขานั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้าทรุดโทรม น้ำเสียงขอเสี่ยวอวี้หลินแหบแห้งและพูดว่า: "ฉันเข้าใจเหตุผลดีแต่ฉันไม่สามารถนั่งรอให้ความตายมาเยือนได้"
"เราได้รับการยืนยันเวลาและพร้อมที่จะประลองกับพี่หกแล้ว"
การยืนยันในครั้งนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินตกตะลึง
เขาเงยหน้าขึ้นมองเย่จิงเหยียนและถามว่า "คุณป้ากับคุณลุงตกลงแล้วหรือ?"
"ใช่ สิ่งที่นายต้องทำตอนนี้คืออดทนรอและอย่าสร้างปัญหาในตอนนี้"
ประโยคนี้ทำให้เสี่ยวอวี้หลินตกอยู่ในภวังค์ชั่วขณะ จากนั้นเขาก็พึมพำว่า: "สิ่งที่ผมทำได้ มีแค่เรื่องสร้างปัญหาหรอ?"
“เป็นห่วงมากไปจะสร้างความวุ่นวายขึ้นมาได้ นายในตอนนี้ตกอยู่ในความสับสนเลยไม่สามารถตัดสินได้ตามปกติ สิ่งที่เรากำลังเผชิญไม่ใช่ศัตรูธรรมดา แต่เป็นคนที่เกลียดครอบครัวตระกูลเย่เข้ากระดูกดำ เป็นพี่หกที่เรารู้จักอย่างลึกซึ้ง ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีญาติสนิทที่ตกอยู่ในมือเขา ยิ่งล้มเหลวไม่ได้"
มองเข้าไปในดวงตาของเสี่ยวอวี้หลินโดยตรงและพูดว่า "ฉันเข้าใจความรู้สึกของนายดี แต่ในช่วงเวลาที่วิกฤตแบบนี้เราไม่มีสิทธิ์ที่จะล้มเหลว นาย ไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้อีกต่อไปแล้ว!"
ดวงตาที่เจ็บปวดของเย่จิงเหยียน เข้าไปสกิดที่ก้นบึ้งของหัวใจเสี่ยวอวี้หลิน
เสี่ยวอวี้หลินเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า จากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึม: "คุณพูดถูก ผมจะรีบจัดการกับตัวเองให้เร็วที่สุด"
"ฉันจะให้เวลานายสองสามวัน นายจัดการกับตัวเองก่อน รู้สึกว่าตัวเองโอเคแล้วค่อยมาเข้าร่วมกับเรา"
“โอเค”
ครั้งนี้หลังจากปลอบเสี่ยวอวี้หลิน เย่จิงเหยียนก็แจ้งเวลาและสถานที่นัดพบให้ต้วนอีเหยาทราบ
ต้วนอีเหยาไม่รอช้า ไปหาพี่หกแล้วจดเวลาและสถานที่วางไว้บนโต๊ะเขา
พี่หกชำเลืองมองไปด้านข้างแล้วถามว่า "นี้อะไร?"
"เวลาและสถานที่นัดพบกับครอบครัวตระกูลเย่"
พี่หกเลิกคิ้วขึ้น แยกไม่ออกว่าเขาโกรธหรือมีความสุขและถามว่า "เย่ฉ่าวเฉิน มาอังกฤษแล้วหรือ?"
"ใช่"
"ดีมาก" ทันใดนั้นรอยยิ้มของพี่หกก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายมากและถามว่า "พวกเธอไม่กลัวว่าพอฉันโกรธขึ้นมาแล้วลงมือฆ่าเย่ฉ่าวเฉินหรอ?"
ต้วนอีเหยาแสดงท่าทีออกมาอย่างเย็นชาและขี้เกียจเยาะเย้ยเขา จากนั้นก็พูดว่า: "นายมีความสามารถนั้นหรือเปล่าเถอะ"
"ฉันจะทำให้เธอดูว่าฉันมีความสามารถนี้หรือเปล่า"
เธอไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระ จึงหันหลังและกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ตอนนี้เซี่ยอันน่ากำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
"อันน่า เตรียมตัวให้พร้อมในช่วงสองวันนี้เรามีโอกาสได้ออกไปจากที่นี้แล้ว!"
เซี่ยอันน่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องเศร้าหรือมีความสุขและเธอถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า "จริงเหรอ?"
"แน่นอน ถ้าออกจากที่นี้เธอก็ไม่ต้องทนกลัวอีกต่อไป"
อันดับแรกเซี่ยอันน่ารู้สึกมีความสุขอย่างมาก จากนั้นไม่นานเธอก็เปลี่ยนกลายเป็นใบหน้าที่เศร้าแทน
เมื่อมองไปที่ทะเลและท้องฟ้าที่เป็นสีเดียวกัน เซี่ยอันน่าก็พูดว่า "แต่เราจะออกไปยังไงล่ะ?บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยน้ำทะเล อยากออกไปโดยไม่ให้คนอื่นรู้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก"
“ถ้าพี่หกออกจากเกาะไป เกาะนี้ก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเราทั้งหมด เพียงแค่เขาออกจากที่นี้นานพอ ถ้าอยากไปจากที่นี้ มันก็ง่ายราวกับแค่พลิกฝ่ามือ”
พี่หกเคยออกจากที่นี้มาก่อน แต่ต้วนอีเหยาไม่เคยลงมือ
ตอนนี้ตัดสินใจแล้ว เป็นไปได้ว่า ...
ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้น เซี่ยอันน่าถาม "ยากมาก คุณชายเย่และคุณนายเย่มาอังกฤษแล้ว?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...