มู่ยู่วฉีรอจนไม่เห็นแม้แต่เงาของฉีฉี เขาจึงสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
แต่ทันทีที่เขาขับรถออกไป ก็มีคนหนึ่งเดินออกมาจากที่ลับมือๆด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
ใกล้จะสายเต็มทีแล้ว ฉีฉีเลยวิ่งเหยาะๆ
แต่การวิ่งในครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกปวดท้องและรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวขึ้นมาทันที
แต่ว่าในตอนที่ฉีฉีกำลังทนต่อความเจ็บปวดและกำลังเตรียมจะขึ้นบันได แต่ระหว่างทางกลับเกิดเหตูการณ์ที่ทำให้เธอต้องชะงัก
คนที่มาขวางเธอไว้ตรงหน้าก็คือชายใส่แว่น เขาจ้องเธอด้วยสีหน้าท่าทางที่ลึกลับมาก
ฉีฉีพูดด้วยน้ำเสียงโมโหว่า " หลีกทางด้วย! "
ชายใส่แว่นทำราวกับว่าไม่ได้ยิน และถามกลับว่า " เมื่อวานเธอออกไปกับใคร? "
" ฉันจะออกไปกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยหรอ? "
" เธอเป็นแฟนฉัน จะไม่เกี่ยวกับฉันได้ไง! "
ฉีฉีหัวเราะแห้งแล้วตะคอกใส่เขาว่า " นายบ้าไปแล้วรึเปล่า ใครเป็นแฟนนายไม่ทราบ! หลีกไปเร็วๆ ฉันจะสายแล้ว "
ในขณะที่พูด เธอก็ทำท่าจะวิ่งผ่านชายใส่แว่นไป
แต่ชายใส่แว่นกลับคว้าแขนฉีฉีไว้อย่างแรงและกะทันหันมาก ทำให้ฉีฉีรู้เจ็บ
" ตอนนี้ทำเป็นมากลัวสาย แล้วทำไมเมื่อคืนไม่เห็นกระตือรือร้นในการกลับบ้านเลย? เธอพูดมาสิ เมื่อคืนเธอไปไหนมาบ้าง แล้วอยู่กับใคร? "
ฉีฉีสะบัดมือชายใส่แว่นออก เธอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า " ฉันจะพูดอีกรอบนะ มันไม่เกี่ยวกับนาย อย่ามาเจ้ากี้เจ้าการชีวิตฉัน! "
ไอ้บ้านี่ มาสร้างความรำคาญใจให้ฉันแต่เช้าเลย น่ารำคาญจริงๆ
สีหน้าของฉีฉีแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากคุยกับชายใส่แว่น
แต่ชายใส่แว่นทำราวกับว่ามองไม่ออก เขาจ้องหน้าฉีฉีด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมแล้วถามเธอว่า " บอกมาเดี๋ยวนี้นะ เธออยู่กับผู้ชายที่มาส่งเธอเมื่อกี้ใช่ไหม? "
ฉีฉีรู้สึกรำคาญมาก เธอเลยพูดกวนประสาทเขาไปว่า " ใช่ แล้วจะทำไม? "
คำพูดของเธอทำให้ความหวังอันน้อยนิดในแววตาของชายใส่แว่นนั้นสลายหายไป "
ชายใส่แว่นหัวเราะแห้งแล้วพูดว่า " หัวหน้าห้องบอกกับฉันว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี ไม่มีค่า ตอนแรกฉันยังไม่เชื่อ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ก็มีแค่คนโง่อย่างฉันเท่านั้นแหละที่เชื่อเธอ! ฉีฉี ฉันดีกับเธอมากขนาดนี้ เธอทำไมถึงยังกล้าออกไปมั่วกับชายอื่นอยู่อีก! แล้วยังนอนค้างคืนกับเขาอีก! "
" ในหัวสมองนายคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่เนี่ย เราเป็นแค่เพื่อนกัน! ไม่ได้ทำอะไรแย่ๆแบบที่นายคิดไปเอง! "
" เหอะ ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองจะเป็นแค่เพื่อนกันได้ยังไง! พวกเธอสองคนมันก็คือหญิงก็ร้ายชายก็เลว ช่างเหมาะสมกันเสียจริง! "
คำพูดของชายใส่แว่นทำให้ฉีฉีโมโหมาก เธอกำหมัดแน่นและมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรจากนั้นก็พูดคู่เขาว่า " ไอ้บ้า ถ้ายังพูดมั่วๆอีก ระวังตัวไว้ด้วยนะ "
" คนที่ต้องระวังตัวน่าจะเป็นเธอมากกว่านะ! ฉันให้โอกาสเธอแล้วก็คิดว่าเธอจะกลับตัวกลับใจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นคนที่อยากได้สามีคนอื่นจนตัวสั่น ถึงกับยอมเป็นชู้! "
ชายใส่แว่นยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห รู้สึกว่าตัวเองตาบอดไปจริงๆที่มองว่าฉีฉีเป็นสาวน่ารักไร้เดียงสา เธอในตอนนี้ในสายตาของชายใส่แว่นมีแต่ความรังเกียจ ขยะแขยง ทุกการกระทำของเธอ เธอก็แค่ทำเพื่อโปรยเสน่ห์และยั่วผู้ชายก็เท่านั้นแหละ
แต่ฉีฉีกลับมึนงงกับคำพูดของชายใส่แว่น
" นี่นายพูดอะไรของนาย? เป็นชู้อะไรกัน? "
พอเห็นว่าฉีฉียังจะมาแสแสร้งแกล้วเขาอีก เขาเลยตะโกนบอกว่า " เธอคิดว่าฉันตาบอกหรอ ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นสามีของเซี่ยอันน่าไงหรือว่าไม่ใช่? เธอนี่มันเป็นเพื่อนสนิทของเซี่ยอันน่าสะเปล่า แต่กลับแอบเล่นชู้กับสามีเธอลับหลัง! ฉันนี่มันตามืดตามัวจริงๆที่ไปตกหลุมรักผู้หญิงร้ายๆอย่างเธอได้ "
ที่แท้ เขาก็คิดว่ามู่ยู่วฉีคือเสี่ยวยู่วหลินนี่เอง
ฉีฉีทั้งโมโหและรู้สึกว่ามันน่าขำ เธอพูดว่า " ฉันคิดว่านายคงตาบอดจริงๆ! "
ชายใส่แว่นคิดว่าฉีฉีหัวเราะเยาะเขา เขาจ้องหน้าเธอแล้วตะคอกใส่เธอว่า " แน่จริงก็พูดอีกรอบสิ! "
" หรือว่านายว่าไม่ใช่? เขาไม่ใช่เสี่ยวยู่วหลิน เขาคือน้องชายของเสี่ยวยู่วหลิน เขาชื่อมู่ยู่วฉี ถึงพวกเขาทั้งสองจะหน้าตาคล้ายกัน แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นแยกไม่ออกสะหน่อย นายทำไมถึงได้จำคนผิดสะอย่างนั้น? และอีกอย่าง เสี่ยวยู่วหลินและเซี่ยอันน่าพวกเขาไปฮันนีมูนกันอยู่ เขาคงแยกร่างได้สินะถึงได้แอบกลับมาหาฉันได้! "
ชายใส่แว่นที่กำลังโมโหเขาไม่ยอมฟังคำอธิบายใดๆทั้งนั้น เขาพูดว่า " ข้ออ้าง นี่มันคือข้ออ้างชัดๆ ฉันจะไม่เชื่อคำพูดของเธออีกต่อไปแล้ว! "
ฉีฉีก็เหนื่อยที่จะอธิบาย เขาอยากคิดยังไงก็ปล่อยเขาคิดไปเถอะ ถึงยังไงก็ไม่ได้เดี่ยวอะไรกับตัวเธออยุู่แล้ว
แต่ว่าตอนนี้ ใกล้จะเข้าเรียนสายเต็มทีแล้ว ฉีฉีไม่อยากเข้าเรียนสายด้วยสาเหตุที่ไร้สาระ เธอขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเร่งรีบว่า " แล้วผีที่ไหนอยากให้นายเชื่อไม่ทราบ รีบหลีกไปเดี๋ยวนี้ ถ้านายยังไม่หลีกอีก ฉันจะตะโกนให้คนมาช่วยแล้วนะ "
ชายใส่แว่นจ้องหน้าฉีฉีด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและอาฆาต เขาตะโกนว่า " ฉีฉี ฉันไม่ยอมให้เรื่องนี้มันผ่านไปแล้วจบลงง่ายๆแบบนี้หรอก เธอกล้ามาล้อเล่นกับความรู้สึกฉันเธอต้องชดใช้ให้สาสม! "
พอพูดจบชายใส่แว่นก็หันหลังเดินออกไป แต่ฉีฉียังคงมึนๆงงๆอยู่และรู้สึกว่าตัวเองนี่มันโชคร้ายจริงๆเลย
ไอ้คนนี้ สมองมีปัญหารึเปล่าวะ ป่วยเป็นโรคเพ้อฝันแน่ๆ สมองแบบนี้ยังจะไปสอบเข้าปริญญาโทอีก ควรเอาเวลาไปหาหมอเช็คอาการหน่อยจะดีกว่า
ฉีฉีมองบนใส่ชายใส่แว่นที่กำลังเดินจากไป จากนั้นก็รีบวิ่งไปเข้าห้องเรียน
ฉีฉีมาตรงเวลาพอดี เธอไม่ได้มาสาย
แต่ว่า ตั้งแต่ฉีฉีก้าวขาเข้ามาในห้องเรียน เธอรู้สึกว่าสายตาที่ทุกคนใช้มองเธอมันแปลกๆ
ตอนที่เดินผ่านหัวหน้าห้อง ผู้หญิงคนนั้นยังหัวเราะแห้งให้เธอได้ยินด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ
คนพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด ผ่านไปแค่คืนเดียว ราวกับว่าเปลี่ยนเป็นคนละคน......
ฉีฉีหาที่นั่งได้พอดี เธอนั่งลงและกำลังจะหยิบหนังสือขึ้นมา แต่เสียงพูดที่เย็นชาของหัวหน้าห้องก็ดังขึ้นสะก่อน
" เฮ้ เธอยังกล้านั่งกับเธออยู่อีกหรอ ระวังติดโรคนะ! "
พอผู้หญิงข้างๆได้ยินแบบนั้น เธอก็รีบย้ายไปนั่งที่อื่นทันที
ฉีฉีก็คิดว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นหมายถึงอาการลำไส้อักเสบของเธอ ฉีฉีเลยรีบส่ายหน้าแล้วขมวดคิ้วพูดกับหัวหน้าห้องว่า " นี่เธอมีความรู้รึเปล่า โรคแบบนี้มันติดต่อกันไม่ได้ "
พอเห็นว่าฉีฉี " ยอมรับ " มันออกมาออก โทนเสียงของหัวหน้าห้องก็ดังขึ้น
" หึ เธอยอมรับออกมาเองแล้วสินะ ผู้หญิงไร้ศีลธรรมแบบเธอทำไมถึงได้มาเรียนห้องเดียวกับพวกฉันได้? ชื่อเสียงและเกียรติที่เราทุกคนสร้างมาอย่างยาวนาน กลับโดนเธอทำลายมันไปกับมือ "
เช้าวันนี้มันเป็นวันอะไรกันเนี่ย ทำไมเจอแต่คนพูดจาแปลกๆ?
ฉีฉีขมวดคิ้วแล้วพูดว่า " ฉันก็แค่ป่วยเป็นลำไส้อักเสบ มันทำไมถึงได้ไปเกี่ยวกับเรื่องศีลธรรมได้? "
" หึ อย่ามาหาข้ออ้าง ใครจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอป่วยเป็นโรคอะไร! "
" เธอ......"
" อาจารย์มาแล้ว "
การทะเลาะกันที่กำลังเกิดขึ้นต้องยุติลงเพราะการปรากฏตัวขึ้นของอาจารย์ แต่ทั้งสองฝ่ายกับจ้องหน้ากันด้วยสายตาที่ไม่ยอมแพ้กันทั้งคู่
พอฉีฉีนั่งลง เพื่อนๆรอบข้างของเธอก็รีบลุกขึ้นยืนทันที ราวกับว่าร่างกายเธอมีก๊าซพิษอย่างนั้นแหละ
ฉีฉีรู้สึกหดหู่ ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอรู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่ถูกทิ้งโดดเดี่ยว
หลังจากเลิกเรียน เพื่อนๆทุกคนเดินออกไปทั้งเป็นคู่และเป็นกลุ่ม มีเพียงฉีฉีคนเดียวที่เดินออกไปคนเดียวอย่างน่าสงสาร
ฉีฉีเงยหน้าขึ้นมาแล้วได้เจอกับเพื่อนผู้หญิงที่เธอสนิท
เธอรีบเดินเข้าไปขวางพวกเธอไว้
" ไปกินชานมไข่มุกด้วยกันไหม? ฉันเลี้ยง "
หญิงสาวพวกนั้นรีบหุบยิ้มทันที และพวกเธอทำเหมือนรังเกียจเธอ
" เอาไว้ก่อนเถอะ ครั้งที่แล้วเธอบอกว่าพวกเราอ้วนไม่ใช่หรอ ตอนนี้เรากำลังลดน้ำหนักอยู่ "
พูดๆอยู่ พวกเธอก็เดินออกไปเลย
ผอม อ้วน อะไรกัน ก็แค่ล้อเล่นเอง ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ว่าตอนนี้พวกเธอกลับใช้เหตุผลแบบนี้เพื่อนหลีกเลี่ยงเธอ นี่มันเห็นได้ชัดเจนมากว่าคนพวกนี้ไม่อยากอยู่ร่วมกันกับเธอ
ฉีฉีขมวดคิ้ว และเดินไปขวางพวกเธอไส้อีกทีแล้วถามออกไปตรงๆว่า " พวกเธอเป็นอะไรไป เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยทำไมตอนนี้ถึงทำเหมือนไม่อยากสนใจฉัน? "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...