ฉีฉีตกใจมากและเธอเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันทีที่เธอกำลังจะขยับปากพูดมันกลับเป็นเสียงครวญครางออกมาแทน
การนอนหลับไปเมื่อกี้มันส่งผลดีมากจริงๆ ตอนที่หลับเธอไม่รู้สึกปวดท้องเลยแม้แต่น้อย แต่พอตื่นขึ้นมาท้องมันกลับปวดมากขึ้นมากๆ ปวดขนาดนี้นี่มันจะฆ่ากันชัดชัด!
พอมู่ยู่วฉีได้ยินเสียงของฉีฉี เขาก็เร่งความเร็วในการวิ่งให้เร็วมากขึ้น
พอเจอคุณหมอและพยาบาลเขาก็พูดขึ้นทันทีว่า " ผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง เธอปวดมากถึงขั้นสลบไปแล้วหนึ่งครั้ง "
" กรุณาส่งผู้ป่วยมาให้กับทางเราด้วยค่ะ เราจะรีบทำการตรวจอาการทันที "
และเพราะแบบนี้เอง ฉีฉีจึงถูกส่งตัวให้ไปอยู่ในมือหมอ หลังจากนั้นเธอก็หันหน้าไปมองมู่ยู่วฉีที่ตอนนี้สีหน้าของเขาดูกังวลมาก ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนมันก็ไกลมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำไมจู่ๆถึงได้มีความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจากลากันเพราะกำลังจะตายเนี่ย?
ฉีฉีส่ายหัวไปมาเพื่อที่จะไม่คิดถึงเรื่องอัปมงคลแบบนั้น
หลังจากผ่านการตรวจและการรักษาฉุกเฉิน ก็ได้ทราบถึงผลตรวจของฉีฉี
ก่อนที่จะแจ้งผลตรวจนั้น คุณหมอขมวดคิ้วและสีหน้าท่าทางของคุณหมอจริงจังมาก
ฉีฉีมองดูปฏิกิริยาของเขา เธอรู้สึกเหมือนฟ้ากำลังจะพังทลายลงมาอย่างไงอย่างนั้น
" คุณหมอ ฉันจะตาบไหมคะ? "
" เธอ......"
" ฮือ ฮือ ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังสาวขนาดนี้ ในอนาคตฉันยังอยากจะเป็นผู้จัดการดาราอยู่นะ ฮือ ฮือ -------"
คุณหมอยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ ฉีฉีก็คาดการณ์ถึงผลตรวจอย่างน่าเศร้า และเธอก็เศร้าใจมาก
คุณหมอไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่โบกมือไปมาแล้วพูดว่า " สบายใจได้ เธอไม่ตายหรอก เธอก็แค่กินอาหารไม่ตรงเวลา และจู่ๆก็มากินมากเกินไปอีกทั้งยังกินอาหารดิบอีก เลยทำให้มีอาการลำไส้อักเสบ แค่ฉีดยา กินยา เธอก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว "
ลำไส้อักเสบ......
ผลตรวจนี้มันเปลี่ยนไปกะทันหันมากๆ บนใบหน้าของฉีฉียังคงมีน้ำตาไหลอยู่เลย เธอได้แต่มองหน้าคุณหมอด้วยอาการมึนงง
พอคุณหมอเห็นท่าทีของฉีฉี เขาก็ยิ้มแล้วถามว่า " เป็นอะไรไป บอกว่าเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ยังไม่สบายใจอีกหรอ? "
" แน่นอนว่าต้องไม่ใช่แบบนั้นอยู่แล้ว ฉันก็แค่แปลกใจนิดหน่อย ว่าแต่ทำไมเมื่อกี้ท่าทางของคุณหมอต้องจริงจังมากขนาดนั้นด้วย มันทำให้ฉันคิดว่าฉันป่วยเป็นโรคอะไรร้ายแรงสะอีก "
" คันๆจมูกนิดหน่อย เหมือนจะอยากจามออกมา แต่ก็จามไม่ออกเลย อดไว้มันเลยรู้สึกอึดอัด "
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
เมื่อนึกถึงเรื่องน่าอายที่เธอทำเมื่อกี้ ฉีฉีก็อดไม่ไหวเลยหัวเราะออกมา
แต่ไม่นาน เธอก็ยิ้มไม่ออก
ว่าไม่ได้ ครั้งนี้ที่ฉีฉีมีอาการลำไส้อักเสบมันต้องเป็นสืบเนื่องมาจากการกินอาหารดิบๆพวกนั้นแน่ๆ
ในตอนนั้น มู่ยู่วฉีก็ได้บอกฉีฉีแล้วว่าให้กินน้อยหน่อย แต่ฉีฉีกลับยืนยันว่าไม่เป็นไร
ไม่คาดคิดเลยว่าแค่ในพริบตาเดียว ตัวเธอก็ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาแล้วจริงๆ
ฉีฉียิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีหน้าที่จะเจอมู่ยู่วฉีอีกต่อไป
แต่พอไม่อยากเจอใคร คนนั้นก็มักจะมาปรากฏตัวให้เห็นอยู่เรื่อย
ก็เหมือนกับตอนนี้
มู่ยู่วฉีได้ยินมาจากพยาบาลว่าฉีฉีทำการตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาเลยมาที่หาเธอที่ห้องผู้ป่วย
แต่พึ่งจะก้าวท้าวเข้ามา มู่ยู่วฉีก็เห็นฉีฉีนั่งหันหลังให้เขา และนั่งขดตัวเป็นรูปกุ้งเชียว
ฉีฉีกำลังแกล้งหลับ แต่โทรศัพท์ของเธอนั้นช่างไม่ให้ความร่วมมือเลย จู่ๆก็ดังขึ้นสะอย่างนั้น
จริงๆเลย!
ฉีฉีบ่นอยู่ในใจคนเดียว จากนั้นก็ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์
" ฮัลโหล ฉีฉี เธออยู่ไหน? "
เสียงนั้น มันเหมือนเป็นเสียงของชายใส่แว่น
ไอ้นี่ ตามรังควานไม่เลิก!
ฉีฉีอารมณ์เสียมากๆ เธอเลยโมโหใส่ชายใส่แว่น
" ตอนนี้ฉันจะนอน อย่ามารบกวนฉัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ได้! "
พอพูดจบ ฉีฉีก็วางสาย จากนั้นก็หลับตานอนต่อ
ที่ฉีฉีพูดแบบนั้น ก็เพื่อให้มู่ยู่วฉีได้ยินและหวังว่าเขาจะออกจากห้องผู้ป่วยไป อย่าได้ถามอะไรเซ้าซี้เลย
แต่น่าเสียดาย ที่คนอย่างมู่ยู่วฉีนั้นเขาไม่รู้จักคำว่าถอย เขาทำเป็นแต่พุ่งชนอย่างเดียว
เขาเดินอ้อมไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉีฉีแล้วยื่นหน้าไปมองเธอจากนั้นก็ยิ้ม
" สีหน้าดีขึ้นมากแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรมากแล้วนะ "
แต่ว่าฉีฉีกลับไม่ได้ตอบคำถามมู่ยู่วฉี แต่เธอกลับพลิกตัวหันไปอีกด้านหนึ่งแทน
พอเห็นการกระทำของฉีฉีแปลกไป มู่ยู่วฉีก็อึ้งไปสักพักแล้วถามว่า " เธอเป็นอะไร รู้สึกไม่สบายหรอ? "
" เปล่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันสบายดี "
น้ำเสียงของฉีฉีแหบแห้งเล็กน้อย น้ำเสียงนั้นมันเหมือนกับว่าส่งสัญญาณให้มู่ยู่วฉีรู้ว่าตอนนี้ฉีฉียังคงเป็นคนป่วยอยู่ เธอต้องการความดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ
พอคิดได้แบบนั้น มู่ยู่วฉีก็มองหน้าเธออย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า " แต่ว่าสีหน้าเธอยังดูไม่ค่อยดีนัก ฉันคิดว่าเธอควรต้องได้รับการดูแล "
ฉีฉีเอาผ้าห่มมาปิดหน้าไว้แล้วพูดว่า " ก็แค่กินมากไปหน่อยจะต้องได้รับการดูแลบ้าอะไร อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่สิ "
" นี่มันไม่ใช่กินมากไป แต่เธอมีอาการลำไส้อักเสบ อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้ อีกทั้งต้องดูแลและจัดการให้ดี ฉันว่านะตอนที่เธออ่านหนังสือทบทวนในมหาวิทยาลัยเธอต้องกินข้าวไม่ตรงเวลาและไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดีแน่ๆ "
มู่ยู่วฉีไม่ได้พูดถึงเรื่องอาหารญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเบี่ยงเบนไปพูดประเด็นอื่น ทำให้ฉีฉีไม่รู้สึกอายในเรื่องนี้มากเท่าไหร่
พอได้ยินคำพูดของมู่ยู่วฉี ฉีฉีก็โผล่หัวออกมาจากผ้าห่มแล้วพยักหน้าจากนั้นพูดว่า " ใช่ ทบทวนและเรียนหนักไปหน่อยจนบางทีก็ลืมกินข้าวไปบ้าง "
" เธอเนี่ย อยากเอาแต่คิดว่าตัวเองยังสาว แล้วอาเรื่องสุขภาพมาล้อเล่น มันไม่คุ้มหรอกนะ ฉันนะเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาโดยตรงเลยแหละ "
ฉีฉีลืมเรื่องที่เธออายและกังวลไปทันที เธอมองหน้ามู่ยู่วฉีด้วยความอยากรู้แล้วถามว่า " แต่ก่อนคุณก็เคยป่วยเป็นลำไส้อักเสบหรอ? "
" ไม่ใช่ แต่ก็เกือบๆ ก็เป็นเพราะว่างานยุ่งอีกนั่นแหละ ยุ่งจนไม่มีเวลาใส่ใจตัวเอง สุดท้ายก็ต้องเข้าโรงพยาบาล ช่วงที่นอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล มันก็ทำให้ฉันตระหนักขึ้นได้ว่าชีวิตของเรามีคุณค่ามากขนาดไหน แต่เรื่องหรือสิ่งที่เราพยายามวิ่งตามหามันไม่มีคุณค่าอะไรเลย "
เขามองฉีฉีด้วยแววตาที่จริงจังมาก มู่ยู่วฉีลูบหัวเธอแล้วพูดว่า " เธอรู้ไหมเมื่อกี้ตอนที่เธอสลดไปทำให้คนเป็นห่วงมากขนาดไหน? ทำเพื่อคนที่เป็นห่วงเธอ เธอต้องดูแลตัวเองดีๆนะ รู้ไหม? "
" แล้ว คุณเป็นห่วงฉันด้วยรึเปล่า? "
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งมู่ยู่วฉีและฉีฉีต่างก็อึ้งไป
ฉีฉีหน้าแดงและเธอก็ก้มหน้าลง เธอรู้สึกว่าตัวเองช่างโง่จริงๆ ทำไมต้องพูดอะไรบ้าๆแบบนี้ให้ทั้งสองรู้สึกอึดอัดด้วย? เธอดูสิ มู่ยู่วฉีเงียบไปนานมากแล้วยังไม่ยอมพูดอีก เขาต้องหัวเราะเธออยู่แน่แน่!
ทางด้านของฉีฉีแทบจะอยากเอาหน้ามุดเข้าถ้ำ แต่ทางด้านของมู่ยู่วฉีนั้นหลังจากที่เขาคิดทบทวนอย่างละเอียดถี่ถ้วยแล้ว เขาก็พยักหน้าแล้วพูดว่า " แน่นอนว่าฉันต้องเป็นห่วงเธออยู่แล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง "
คำพูดของมู่ยู่วฉีทำให้ฉีฉีหน้าแดงยิ่งขึ้นไปอีก แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะความอาย แต่เป็นเพราะความเขินต่างหาก
ฉีฉีบอกกับตัวเองว่าอย่าคิดไปไกล เขาแค่พูดเพราะเกรงใจ เตือนตัวเองอย่าจริงจังกับมัน
แต่ฉีฉีก็เผลอยิ้มออกมา เธอรู้สึกดีใจราวกับว่าเธอบินได้
" ฉีฉี? "
มู่ยู่วฉีเห็นว่าฉีฉีเงียบไป และเอาแต่ก้มหน้า เขาก็ไม่เห็นสีหน้าของฉีฉีในตอนนี้ก็คิดว่าเธอปวดท้องขึ้นมาอีก เขาเลยตะโกนเรียกชื่อเธอ
ฉีฉีรีบเก็บอาการ และทำราวกับว่าเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพูดด้วยท่าทีแกติว่า " อ้อ คือว่า คุณหมอบอกว่าฉันออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ฉันอยากกลับไปที่โรงเรียนสะหน่อย "
" กลับไปตอนนี้เลยหรอ? แต่ว่าสภาพเธอแบบนี้ ฉันไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เอาแบบนี้ละกัน เธอไปพักอยู่กับฉันสักหนึ่งคืน จะได้กินยาและรีบพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยกลับแล้วกัน "
ไปที่ห้องมู่ยู่วฉีอีกแล้วหรอ......
ฉีฉีก้มหน้าและลังเล แต่มู่ยู่วฉีกลับยิ้มและดีดหน้าผากเธอเบาๆหนึ่งทีจากนั้นก็พูดว่า " เฮ้ ทำไมเธอเงียบไปละ? "
ฉีฉีเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า " ฉันกำลังคิดอยู่ว่ามันจะเป็นการรบกวนคุณมากเกินไป ไม่ต้องหรอก "
" รบกวนอะไรกัน ต่อให้เธอไม่ไป ห้องก็ว่างไม่มีใครอยู่ไม่ใช่หรอ? หรือว่า เธอกลัวว่าฉันจะรบกวนเธอ "
ฉีฉีหัวเราะ " หึหึ " อยู่ในใจ และบ่นพึมพำคนเดียวว่า " ฉันไม่ได้กลัวว่าคุณจะรบกวนฉัน แต่ฉันกลัวว่าฉันจะรบกวนคุณ......"
" เธอพูดว่าอะไรนะ? "
พอรู้ตัวว่าตัวเองพูดความในใจออกมา ฉีฉีแทบจะอยากกลืนลิ้นตัวเองให้ลงท้องไปเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...