ทำไมถึงได้มีคนที่ปิดหูปิดตาอยู่บนโลกใบนี้ด้วย ช่างเป็นคนที่ดื้อรั้นจริงๆ
" ฉีฉี เธอ......"
ชายใส่แว่นกำลังจะขยับเข้าไปใกล้ฉีฉี ฉีฉีก็รีบถอยไปด้านหลังสองก้าวทันทีเพื่อรักษาระยะห่างกับเขา แล้วเธอก็พูดอย่างตรงไปตรงมา " นายจะคิดยังไงก็แล้วแต่นายเลย แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้ชอบนาย อีกเรื่อง นายเองก็ห้ามรบกวนฉัน ไม่ต้องมาส่งอาหารและสิ่งของอื่นๆให้กับฉัน จำไว้ด้วย! "
พอพูดจบ ฉีฉีหันหลังแล้วเดินออกไปทันที
ชายใส่แว่นยืนอยู่ด้านหลังเธอ เขายิ้มมุมปากแล้วตะโกนขึ้นว่า " ฉีฉี ฉันจะรอเธอเสมอ "
เสียงตะโกนนี้ ทำให้ฉีฉีเซจนเกือบจะล้ม
เฮ้อ ทำไมถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้วะเนี่ย ฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้!
ฉีฉีเงยหน้า แทบจะร้องไห้ออกมา
.......
เรื่องซุบซิบในโรงเรียนมันแพร่กระจายเร็วมาก นี่แค่เพียงไม่กี่วันคนเกือบทั้งโรงเรียนก็รู้ข่าวเกี่ยวกับว่ามีชายที่รักใคร่ฉีฉีส่งโจ๊กให้เธอ
เมื่อมีเพื่อนบางคนเจอฉีฉี พวกเขาก็มักจะล้อเธอ
ทุกครั้ง ฉีฉีพยายามอธิบายอย่างสุดความสามารถ แต่ว่าพวกเขาไม่ฟังอะไรเลยจริงๆ แต่พวกเขากลับคิดว่าฉีฉีพยายามปฏิเสธเพราะเขินอาย
พอเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ฉีฉีก็เบื่อและขี้เกียจอธิบายแล้ว
ในวันนี้ ฉีฉีเตรียมจะไปคืนหนังสือที่ห้องสมุด แล้วบังเอิญเจอกับหัวหน้าห้องที่ถนนหลินยิน
ว่าไม่ได้ถึงภายนอกหัวหน้าห้องเธอจะดูเป็นสาวแกร่ง แต่ว่าเธอชอบชายใส่แว่นมานานมากแล้ว แต่ว่าฝ่ายนั้นไม่ได้รู้สึกสนใจและไม่ได้ชอบหัวหน้าห้อง
ตอนนี้เรื่องซุบซิบของชายใส่แว่นและฉีฉีอื้อฉาวไปทั้งสถานศึกษา พอเธอได้ยินเรื่องนี้เธอไม่พอใจเอามากๆ
พอเห็นฉีฉี เธอก็พูดล้อเธอเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ในใจของหัวหน้าห้องคิดอะไรอยู่นั้นก็ไม่มีใครอาจรู้ได้
เธอเห็นว่าฉีฉีถือหนังสือไว้หลายเล่ม เธอก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม " ไปห้องสมุดหรอ? "
"อือ ใช่ "
" แล้วแฟนเธอละ ไม่ไปห้องสมุดด้วยกันหรอ? "
รอยยิ้มบนหน้าเลือนหายไปแล้วฉีฉีก็พูดว่า " ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าฉันมีแฟนแล้ว? "
" ยังจะมาโกหกอีก ก็คนที่คอยส่งโจ๊กให้เธอไง "
" อย่ามาพูดมั่วๆนะ เขาไม่ได้เป็นแฟนฉัน "
ทั้งๆที่ทั้งสองคนก็เปิดเผยความสัมพันธ์ต่อสาธารณะชนแล้ว ฉีฉียังจะพูดแบบนี้อีก หัวหน้าห้องรู้สึกว่าเธอช่างเป็นคนแสแสร้งเสียจริง และรู้สึกไม่พอใจแทนชายใส่แว่นด้วย
" พูดก็พูดเถอะ เขาดีกับเธอมากขนาดนี้ เธอพูดแบบนี้ไม่กลัวเขาจะเสียใจหรอ? "
" มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเสียหรือไม่เสียใจ ก็เขาไม่ใช่แฟนฉันจริงๆ "
" หึ ใช่หรอ "
ท่าทีของหัวหน้าห้องทำให้ฉีฉีรู้สึกหงุดหงิด เธอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า " เฮ้อ ไม่คุยกับเธอแล้ว "
พอพูดเสร็จ ฉีฉีกำลังจะก้าวขาและเดินออกไป
แต่พอเงยหน้าขึ้นเธอก็ได้เดินชนกับร่างของคนคนหนึ่ง
" เฮ้! "
ฉีฉีมือไม้อ่อน หนังสือในมือเธอเกือบหล่นลงพื้นสะแล้ว
โชคดีที่การกระทำของฝ่ายตรงข้ามรวดเร็วมาก หนังสือเลยถูกหนีบไว้ตรงกลางระหว่างคนสองคน
แม้ว่าวิธีนี้มันจะไม่ทำให้หนังสือตกลงพื้นก็จริง แต่ท่าของฉีฉีและฝ่ายตรงข้ามในตอนนี้มันรู้สึกแปลกๆ
ฉีฉีไม่ได้เงยหน้ามอง แต่ว่าเธอสัมผัสได้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ชาย เธอรีบหยิบหนังสือมาไว้ในมือแล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า " ขอโทษค่ะ "
" ทำไมเธอได้ได้ซุ่มซ่ามแบบนี้ "
น้ำเสียงที่ติดตลกของเขาทำให้ฉีฉีตะลึง
พอเงยหน้ามอง ฉีฉีก็ได้เจอกับสายตาที่ทั้งอ่อนโยนและน่าหลงใหลอย่างหาที่สุดไม่ได้
มู่ยู่วฉีมองฉีฉีอย่างยิ้มแย้ม ราวกับว่าเขารู้สึกชอบและพอใจกับท่าทางที่ซุ่มซ่ามแบบนี้ของเธอมาก
แต่ว่าหัวหน้าห้องที่ยืนอยู่ด้านหลังกลับรู้สึกว่าการกระทำของพวกเขามันช่างน่ารังเกียจ เธอเลยไอเบาๆหนึ่งที
ฉีฉีเองก็ดึงสติกลับคืนมาได้ทันที และรีบเอาตัวเองออกจากอ้อมแขนมู่ยู่วฉี เธอหน้าแดงพร้อมกับพูดว่า “ คุณมู่ คุณทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? ”
“ อ้อ พอดีว่าผ่านมาแถวนี้ เลยอยากมาเดินดูสักหน่อยเผื่อจะได้เจอเธอ ”
ประโยคนี้มีบางคำพูดที่เขาพูดจริงและก็มีบางคำพูดที่มันไม่จริง มู่ยู่วฉีไม่ใช่เพราะผ่านมาแถวนี้แต่เป็นเพราะเขาตั้งใจมาหาฉีฉีต่างหาก
มู่ยู่วฉีก็คิดว่าพักนี้เขายุ่งๆและจะไม่มีสนใจฉีฉี เขาก็คงจะค่อยๆลืมเรื่องเธอไปได้
แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างกลับสวนทางกัน ยิ่งมู่ยู่วฉีอยากลืมมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งจำได้ชัดเจนมากเท่านั้น ถึงขั้นกินอาหารก็ไร้รสชาติ
ทุกครั้งที่เขาได้กินอาหารอร่อยๆ เขาก็มักจะคิดตลอดว่าถ้ามีฉีฉีอยู่ด้วยเธอต้องกินด้วยท่าทีที่อร่อยมากแน่ๆ ทำให้คนที่มองก็อยากกินตามเธอไปด้วย
เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาก็อดใจไม่ไหวที่จะมาหาฉีฉีมาเจอหน้ายัยนี่สักหน่อย
และทันทีที่เจอกันฉีฉีก็เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา นี่มันคงเป็นโอกาสของฉันใช่ไหมเนี่ย?
เมื่อเผชิญกับสายตาที่อ่อนหวานและลึกซึ้งของมู่ยู่วฉี ใบหน้าของฉีฉีก็แดงยิ่งขึ้นไปอีกและทำให้เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
แต่ท่าทีที่เขินอายของเธอในสายตามู่ยู่วฉี มันเหมือนกับเค้กสตรอเบอร์รี่ที่หอมหวาน พอมองไปแล้วน่ากินชะมัด เขาแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะกลืนกินเธอ
สายตาของเขาไปสะดุดกับหนังสือในมือฉีฉี มู่ยู่วฉีเลยถามว่า “ งานยุ่งมากหรอ? ”
“ พอใช้ได้ ตอนนี้กำลังจะไปคืนหนังสือที่ห้องสมุด ”
“ ถ้าอย่างนั้นกินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ ช่วงก่อนฉันบอกไว้แล้วว่าจะเลี้ยง ”
พอมู่ยู่วฉีพูดขึ้น ฉีฉีก็พึ่งจะจำเรื่องนี้ขึ้นได้
ตอนบ่ายไม่มีเรียน และไม่ต้องไปทำงานด้วย เป็นเวลาอันดีที่จะออกไปกินอาหารมื้อใหญ่ ดังนั้นฉีฉีจึงพยักหน้าตอบรับ และพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ ดีเลย คุณรอสักครู่นะ ฉันขอไปคืนหนังสือก่อน ”
“ ไปด้วยกันก็ได้ จะได้เดินเที่ยวชมรอบๆด้วย ”
“ ถ้าอย่างนั้นฉันเป็นไกด์ให้คุณเอง บรรยากาศและวิวทิวทัศน์ของมหาวิทยาลัยฉันสวยงามมากเลยนะ สวนดอกไม้และทะเลสาบข้างหน้าโด่งดังมากเลยนะ มีคนนอกมหาวิทยาลัยเยอะแยะมากมายที่ตั้งใจมาถ่ายรูปที่นั่นโดยเฉพาะ ”
“ ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวฉันก็ไปชมและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย ”
“ ได้ เดี๋ยวฉันถ่ายให้ ”
ฉีฉีและมู่ยู่วฉีเดินอยู่ด้านหน้าส่วนหัวหน้าห้องเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ
เดินเล่นอยู่กับฉีฉีในมหาวิทยาลัยแบบนี้มันทำให้มู่ยู่วฉีรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับสู่ชีวิตนักศึกษาที่สบายๆอีกครั้ง
ฉีฉีพูดไปต่างต่างนานา และน้ำเสียงของเธอทั้งน่าฟังและมีชีวิตชีวา ราวกับว่ามีเสน่ห์พิเศษบางอย่างมันช่วยขจัดความเหนื่อยล้าของมู่ยู่วฉีได้เป็นอย่างดี เขาอดใจไม่ไหวที่จะขยับเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ราวกับว่าทำแบบนี้แล้วจะได้รับพลังบวกและความอบอุ่นจากตัวเธอได้มากขึ้น
ยืนอยู่ใต้ต้นเมเปิ้ลต้นใหญ่ ฉีฉีเงยหน้าขึ้นมองใบไม้ที่หนาแน่นบนต้นไม้ เธอหรี่ตาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ ต้นไม้พวกนี้นะ มีอายุยืนยาวมากๆ บางต้นมีอายุเกินร้อยปีเชียวนะ เห็นได้ชัด......”
“ ฉีฉี ! ”
ฉีฉียังไม่ทันได้พูดจบ มู่ยู่วฉีที่เดินอยู่ด้านหลังก็ตะโกนเรียกชื่อเธอขึ้นมาก่อน
ฉีฉีหันกลับไปมอง ก็เห็นว่ามู่ยู่วฉีกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเธออยู่
เธอรีบใช้มือปิดหน้าเอาไว้ ฉีฉีพูดขึ้นอย่างเขินอาย “ เฮ้ ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย คุณมาถ่ายกะทันหันแบบนี้ถ่ายออกมาหน้าฉันจะใหญ่มาก ”
มู่ยู่วฉีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วชื่นชมภาพที่พึ่งถ่ายเมื่อกี้ รอยยิ้มบนหน้าเขาลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ เขาพูดว่า “ แค่นี้ก็ใหญ่มากแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ”
“ ให้ฉันดูหน่อย ”
ฉีฉีเดินไปด้วยความอยากเห็นและตื่นเต้น
ใบหน้าของเธอใหญ่มากถึงขั้นกินพื้นที่ไปสามในสี่ของพื้นที่บนโทรศัพท์จนเธอเองก็ตกใจกับภาพที่เห็น
“ โอ้แม่เจ้า นี่มันผีชัดๆ รีบลบออกเลย! ”
ฉีฉียื่นมืออกไปเพื่อแย่งโทรศัพท์ แต่มู่ยู่วฉีกลับหลบ อีกทั้งเขายังเก็บโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกด้วยแล้วเขาก็พูดว่า “ สวยดีออก ฉันไม่ลบ! ”
“ หน้าใหญ่ขนาดนั้น สวยตรงไหน? “
“ อย่างน้อย รอยยิ้มบนหน้าเธอสวยมาก ทุกครั้งที่เห็นฉันยิ้มสักพักใหญ่ๆเลย “
ฉีฉีหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ
“ คุณมู่......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...