มองปฏิกิริยาของทั้งสองคน ฉีฉีมีสีหน้าแปลกประหลาด
หน้าของเย่ชูวเสวียแดงแล้วขาว ขาวแล้วก็แดง สุดท้ายตบที่ไหลของฉีฉีเบาๆ กัดฟันพูดว่า"เห็นแก่เธอที่ยังรักษาตัวไม่หายดี ฉันไม่โต้เถียงกับเธอละกัน"
มู่ยู่วฉีไม่อยากพูดหัวข้อนี้ต่อไปแล้ว ก็พูดว่า"โอเค พูดเข้าเรื่องเถอะ ตอนนี้ฉันโทรศัพท์ให้นักจิตวิทยามาช่วยตรวจให้กับฉีฉีในทุกด้าน"
เคยมีประสบการณ์ผ่านการตรวจมา นักจิตวิทยาสีหน้ายิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ
"ไม่เลว เป้าหมายทางด้านนี้ดี ฉีฉี เธอเป็นสาวน้อยที่กล้าหาญจริงๆ "
คำชื่นชมอย่างนี้ทำให้ฉีฉีหน้าแดงเล็กน้อย พูดว่า"กล้าหาญ? ฉันยังคิดว่าคุณจะคิดว่าฉันอ่อนแอ"
"จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ทุกคนสามารถที่จะพบเรื่องที่จะไม่สามารถพูดออกมาได้ เพียงแค่ในเวลานี้คุณเก็บเรื่องที่ไม่มีความสุขไว้ หลังจากนั้น ก็พังทลายกำแพงออกมาด้วยตัวเอง กลับมาเป็นปกติ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเผชิญกับความเจ็บปวดของตัวเองได้ คุณเยี่ยมมาก"
ฟังคำพูดของนักจิตวิทยา ฉีฉีเหนียมอายทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย อีกทั้งยังมีความภูมิใจเล็กน้อย
"อีกอย่าง คุณสามารถฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ ก็โชคดีที่มีเพื่อนของคุณนะ ฉันได้ยินมาว่า เพื่อที่จะให้คุณหายเป็นปกติ ก็คิดทุกวิถีทางจริงๆ ตกทุกข์ได้ยากเจอเพื่อนที่จริงใจ มีเพื่อนแบบนี้ คุณโชคดีมาก "
หันศีรษะกลับมามองเย่ชูวเสวียกับมู่ยู่วฉีที่อยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นฉีฉีก็คิดว่าโลกนี้เปลี่ยนเป็นอบอุ่นน่าอยู่ขึ้นมามาก
เย่ชูวเสวียกุมที่มือของฉีฉี ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย แต่รอยยิ้มเจิดจรัส
สายตามองที่ใบหน้าของมู่ยู่วฉี ฉีฉีพบว่าในดวงตาของมู่ยู่วฉี มีความรู้สึกบางอย่าง ทำให้เธอสับหลีกหลบสายตานั้น มีความรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
"โอเค ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นอะไร ฉันก็วางใจแล้ว แต่ว่ายากระปุกนี้ คุณยังต้องกินต่อไป หลังจากสองอาทิตย์ค่อยหยุดยาได้ หลังจากนั้นนะ พบเจอเรื่องราวก็อย่ามักจะเก็บไว้คนเดียว คุณมีเพื่อนดีขนาดนี้ ก็พูดคุยกับเพื่อนเยอะๆ ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้"
ฉีฉียิ้มพร้อมกับผงกศีรษะ พูดว่า"รู้แล้วค่ะ"
"อย่างนั้นคุณก็พักผ่อน ฉันกลับก่อนนะ"
นักจิตวิทยากลับไป มู่ยู่วฉีเป็นคนไปส่งหน้าประตูเอง
มู่ยู่วฉีไม่อยู่ ฉีฉีก็ทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
ก็ไม่รู้ว่าทำไม วันนี้มู่ยู่วฉีมักให้ความรู้สึกกดดันอย่างหนึ่งกับฉีฉี เหมือนกับจะมาเรื่องอะไรเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ฉีฉีมีความไม่สงบใจว้าวุ่น
เย่ชูวเสวียนั่งลงข้างกายฉีฉีช่วบปอกส้มให้ ในเวลาเดียวกันก็พูดเรื่องในช่วงที่ฉีฉีป่วยอยู่นิดหน่อย
ฉีฉีฟังเรื่องเหล่านี้เงียบๆ ทันใดนั้นก็พูดออกมาจากใจจริงว่า"ขอบคุณพวกคุณมากๆนะคะ"
แต่คำขอบคุณของฉีฉียิ่งทำให้เย่ชูวเสวียรู้สึกผิด พูดออกมาว่า"ขอบคุณอะไรกัน เพราะพวกเราไม่ปรากฎเห็นความผิดปกติของเธอ ถ้าหากพบเร็ว จะเกิดเรื่องราวภายหลังอย่างนี้ที่ไหนกัน อันน่ายังไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าหากว่าเธอรู้ แน่นอนว่าต้องมาคิดบัญชีกับพวกฉัน"
"ไม่หรอกๆ เห็นอยู่ชัดๆว่าฉันอ่อนแอ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณเลย มีพวกคุณช่วยฉัน ฉันก็ซึ้งใจมากแล้ว"
มู่ยู่วฉีเดินจากด้านนอกเข้ามา เห็นทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน ก็ถาม"พวกเธอกำลังคุณอะไรกัน?"
"ฉีฉีกำลังขอบคุณพวกเรา "เย่ชูวเสวียกินส้มหนึ่งชิ้น ทันใดนั้นมองแวบหนึ่ง พูดกึ่งหยอกกึ่งจริงจังกับฉีฉีว่า"พูดจริงๆ ถ้าหากเธอซาบซึ้งน้ำใจพวกเราจริงๆ อย่างนั้นคุกเข่าขอแต่งงานก็จบแล้ว"
พอฟังคำนี้ มู่ยู่วฉีสายตาลุกวาวมองที่ฉีฉี
แต่ทว่าฉีฉีไม่ได้ใส่ใจกับคำนี้ พูดว่า"อย่าล้อเล่นสิ ในเมื่อฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ควรที่จะกลับมหาวิทยาลัยได้แล้ว อีกสักครู่ฉันจะกลับไปเก็บของที่ห้อง"
ฟังคำนี้แล้ว เย่ชูวเสวียขมวดคิ้วมองที่มู่ยู่วฉี อยากจะรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
มู่ยู่วฉีเงียบสักพักหนึ่ง ถามว่า"เทอมหน้า เหมือนเธอจะไม่มีวิชาเรียน?"
ฉีฉีผงกศีรษะ พูด"อืม ฉันก็ต้องโฟกัสที่วิชาเรียน เตรียมตัวสอบปริญญาโท"
"ที่จริง เธอสามารถที่จะพักอยู่ที่นี่ได้ตลอด สงบเงียบสามารถที่จะทบทวนวิชาเรียน ก็ไม่ต้องไปชิงที่นั่งที่ห้องสมุด"
คำพูดนี้บอกเป็นนัยๆชัดเจน เย่ชูวเสวียอมยิ้มมองที่ฉีฉี อยากจะดูว่าเด็กน้อยคนนี้จะพูดอย่างไร
แต่ว่าฉีฉีไม่เข้าใจ โบกมือข้างหนึ่งกลับมา พูดอย่างเกรงใจว่า"ไม่ต้องๆ ฉันอยู่ในมหาวิทยาลัยโอเคมาก บรรยากาศค่อนข้างเหมาะกับการเรียน "
"แต่ว่าก็มีคนที่จะสามารถรบกวนเธอนะ กรณีสองคนเมื่อก่อนที่น่าเกลียดก็ยังอยู่ไม่ใช่เหรอ?"
ด้วยเหตุนี้ ฉีฉีหัวเราะออกมาเบาๆ ในใจอยากพูดว่า หรือว่าอยู่ที่นี่ คุณก็จะไม่รบกวนฉันแล้วใช่ไหม?
เผชิญหน้ากับมู่ยู่วฉีที่มีมิตรไมตรี ฉีฉีกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย
เย่ชูวเสวียไม่ชอบที่ตัวเองใกล้ชิดสนิทสนมกับมู่ยู่วฉี ได้ยินคำพูดเหล่านี้ น่าจะลุกขึ้นยืนมาพูดแทนตัวเองสักประโยค
แต่ว่าเย่ชูวเสวียในตอนนี้ ทำไมดูสนุกคึกคักอย่างนั้น?
ฉีฉีไม่เข้าใจสถานการณ์ เม้มริมฝีปาก พูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า"ไม่ค่อยสะดวก คุณยังต้องกลับมาพักนะ"
คำพูดนี้ทำให้เย่ชูวเสวียหัวเราะออกมาอย่างประหลาด พูดว่า"อย่างนั้นความหมายของเธอก็คือเพียงแค่มู่ยู่วฉีไม่กลับมาเธอก็จะพักอยู่ที่นี่?"
เย่ชูวเสวียหันศีรษะกลับมามองที่มู่ยู่วฉีแล้วพูดว่า"มู่ยู่วฉี อย่างนั้นนายก็ไม่ต้องกลับมานะ เอาห้องนี้ให้ฉีฉีพักเถอะ"
ฟังคำนี้แล้ว มู่ยู่วฉีจ้องเขม็งที่เย่ชูวเสวีย แสดงท่าทางที่โหดร้ายออกมา
ปฏิกิริยาของมู่ยู่วฉี ทำให้เย่ชูวเสวียแลบลิ้นออกมาใส่ ในใจคิดว่าเด็กคนนี้นานวันยิ่งไม่น่ารักแล้ว
ฉีฉีเห็นบรรยากาศที่แปลก ก็อยากจะหลบหนีออกจากที่นี่
"อย่างนั้นฉันเก็บของก่อนนะคะ"
เห็นฉีฉีอยากจะหนี ทันใดนั้นมู่ยู่วฉีก็เรียกรั้งเธอไว้
"ฉีฉี!"
ฉีฉีหันศีรษะกลับมามองมู่ยู่วฉี ท่าทีขลาดกลัว ทำให้คนเห็นแล้วอยากจะปกป้องเธอ
"ถึงแม้ว่าคนในมหาวิทยาลัยจะไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระแล้ว แต่เธอเพิ่งจะฟื้นฟูความคิดสติ อย่างไรก็ต้องได้พักฟื้นสักพัก ถึงจะสามารถฟื้นฟูร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ ตัวเองดูแลตัวเอง ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นอีก อย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าความพยายามของพวกเราก่อนหน้าสูญสิ้นหมดเลยเหรอ อีกทั้งยัง นี่ยังกระทบต่อการฟื้นฟูของเธอ ชูวเสวีย เธอล่ะว่าอย่างไร?"
เดิมทีเย่ชูวเสวียอยากจะแค่ดู ได้ยินมู่ยู่วฉีเรียกชื่อของเธอ เลิกลั่กสักพักหลังจากนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า"อา? อ้อ มู่ยู่วฉีพูดมีเหตุผล ฉีฉี เธอพักอยู่ที่นี่อีกหน่อยเถอะ วางใจได้ ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ"
เย่ชูวเสวียตัดสินใจเอง ทำให้มู่ยู่วฉีไม่พอใจขมวดคิ้วขึ้น
"ฉีฉีหายแล้ว เธออยู่ที่นี่ทำอะไร?"
เย่ชูวเสวียพูดอย่างมั่นใจว่า"เมื่อกี้นายพูด ฉีฉียังต้องพักฟื้น พักฟื้นนะ ต้องมีคนดูแล ฉันอยู่ที่นี่ ก็เหมาะเจาะพอดี ทำไม หรือว่านายยังมีความหมายอื่น?"
มู่ยู่วฉีกัดฟันกรอดมองเธอ พูดว่า"ไม่มี อย่างนั้นก็เอาตามที่เธอว่าละกัน"
"ดีมาก"
เย่ชูวเสวียยักคิ้วใส่มู่ยู่วฉี หลังจากนั้นหมุนตัวจับที่แขนของฉีฉี พูดคุยหัวเราะกับเธอแลัวเดินออกไป
มองดูแผ่นหลังของพวกเธอ มู่ยู่วฉีรู้สึกว่าตัวเองต้องคบเพื่อนแบบไหนดี
ในตอนแรก เขาสติเลอะเทอะได้อย่างไร ให้เย่ชูวเสวียเข้ามา?ไม่เพียงแต่ไม่ส่งเสริม ยังกำลังโค่นล้ม ทำตามอย่างนี้ต่อไป รอเขาจีบฉีฉีติด ผักดอกเข็มก็เย็นหมดแล้ว!
ไม่ได้ เขาต้องไปคุยกับเย่ชูวเสวีย ไม่สามารถให้เธอวุ่นวายอีกแล้ว
หลบตาลงสักพักมู่ยู่วฉีก็รีบเร่งฝีเท้าตามทั้งสองคนไป
กินยาเสร็จฉีฉีก็เขาไปพักในห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...