เมื่อพูดถึงหัวหน้าห้อง เซี่ยอันน่าก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “หัวหน้าห้องคนนั้นระวังตัวมาตลอด เธอไม่ได้สร้างปัญหาให้ฉัน คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้ามีความคิดอย่างนี้กับเธอ ถ้าฉันเจอเธอ ฉันจะจัดการให้”
“เธอไม่จำเป็นต้องลงมือเธอก็รู้สึกแย่มากแล้ว วันนั้นฉันบังเอิญเจอหัวหน้าห้องที่ร้านกาแฟ กำลังเช็ดโต๊ะกวาดพื้นอยู่ แสดงว่าเรื่องนี้ต้องมีผลกระทบกับเธอมากแน่”
ฉีฉีพูดถึงเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกอัดอั้น
แต่เซี่ยอันน่ากลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่อะไรเลย
“แล้วยังไง เธอใส่ร้ายคนอื่น ยังไงก็ต้องถูกลงโทษ”
“โอ้ย สมกับที่เป็นคุณนายจริงๆ คำพูดคำจามีอำนาจ มันดีมากใช่ไหมที่มีคนสนับสนุน”
“นี่แกพูดอะไรเนี่ย ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่ เธอยังมาแซวฉันอีก”
ฉีฉีโบกมือและพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องมันผ่านไปแล้วไม่ต้องใส่ใจหรอก แม้ฉันจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่ยากลำบาก แต่ก็ทำให้ฉันลดน้ำหนักสำเร็จไม่ใช่หรอ ดูตอนนี้สิฉันใส่เสื้อผ้าไซส์เล็กได้แล้วนะ”
พูดจบฉีฉีก็หมุนตัวตรงหน้าเซี่ยอันน่า เพื่ออวดหุ่นของตัวเอง
ฉีฉีกระโดดไปรอบๆ คิดว่าเซี่ยอันน่าจะว่าเธอเป็นบ้าอีกครั้ง
แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเอาแต่จ้องฉีฉีดวงตาแดงก่ำ
ปฏิกิริยาของเธอทำให้ฉีฉีตกใจ เธอรีบเดินไปข้างเซี่ยอันน่า และพูดอย่างระมัดระวัง “อันน่าทำไมร้องไห้ล่ะ”
เซี่ยอันน่าหายใจเข้าลึกๆ และหันหน้าไปอีกทางด้วยความเสียใจ
“แกไม่ต้องพูดอะไรแล้วได้ไหม เห็นแกเป็นอย่างนี้แล้วฉันรู้สึกเสียใจ”
ฉีฉีกลั้นยิ้ม และพูดอย่างจริงจัง “อันน่าฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ”
“ใช่เธอเข้มแข็งมาก แต่สิ่งที่สามารถโจมตีเธอจนล้มลงไป ถึงขนาดต้องพึ่งยารักษาจิตใจ มันต้องเป็นเรื่องที่น่ากลัวขนาดไหน”
คำพูดของเซี่ยอันน่าทำให้ฉีฉีหมดคำพูดทันที
เธอมีประสบการณ์ที่เจ็บปวดจริง ตอนที่เธอเสียสติ เธอรู้สึกว่ากำลังจมดิ่งอยู่ในความฝันอันมืดมิด ที่ไม่สามารถออกไปได้ตลอดชีวิต
โชคดีที่มีอาหารของเย่ชูวเสวี่ย ทำให้ฉีฉีกินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอได้แต่อดทนกิน เมื่อฝ่าฝันร้ายมาได้ และเข้าสู่ความเป็นจริง เธอจึงได้บอกเย่ชูวเสวี่ยว่าฝีมือการทำอาหารแย่ขนาดไหน
เมื่อนึกถึงอาหารน่ากลัวของเย่ชูวเสวี่ย ฉีฉีก็หัวเราะออกมา “ฉันไม่ได้เจอกับเรื่องนี้คนเดียว มีมู่ยู่วฉีช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ และเย่ชูวเสวี่ยก็อยู่ข้างฉันตลอด แถมยังทำของแปลกๆให้ฉันกินอีก”
เมื่อพูดถึงเย่ชูวเสวี่ย ฉีฉีถึงเพิ่งรู้ว่า เธอไม่ได้เห็นเย่ชูวเสวี่ยมาตั้งแต่เช้าแล้ว
เธอหันไปมองรอบๆและพูดว่า “นี่ เย่ชูวเสวี่ยล่ะ”
ถึงเซี่ยอันน่าจะคิดถึงเย่ชูวเสวี่ยเหมือนกัน แต่เธอก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องฉีฉีก่อน
“อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องนี้ ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้ว ทำไมเธอยังไม่เดินจากไปอีก”
จากไปหรอ ฉีฉีก็อยากเหมือนกัน แต่.....
เมื่อเห็นฉีฉีลังเลที่จะพูด เซี่ยอันน่าจึงถามว่า “มู่ยู่วฉีไม่ให้ไปใช่ไหม”
ฉีฉีคิดอยู่สักพัก และพยักหน้าลง
เซี่ยอันน่าแสดงท่าทางโกรธ “หึ ฉันว่าแล้วว่าเขาไม่ได้ใจดีขนาดนั้น ที่เขาช่วยเธอต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ ฉันบอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ทำไมไม่ไปหาผู้หญิงข้างนอก ทำไมต้องมายุ่งกับผู้หญิงไร้เดียงสาอย่างเธอด้วย”
คำพูดของเซี่ยอันน่าทำให้ฉีฉีต้องกุมขมับ
“เธอพูดอะไร....”
กริ๊งๆ
ฉีฉียังไม่ทันได้พูดจบ เสียงกริ่งก็ดังขึ้น
ตอนนั้นฉีฉีแทบอยากจะร้องไห้
“พิซซ่าของฉันต้องถึงแล้วแน่”
ฉีฉีเดินไปที่ประตูช้าๆ เมื่อเปิดประตู เธอก็ยิ้มค้างทันที
เย่ชูวเสวี่ยลืมกุญแจ แต่เมื่อกดกริ่งและประตูเปิดออก ก็เห็นใบหน้าหมดอาลัยตายอยากของฉีฉี
เธอเดินผ่านฉีฉีมา และพูดติดตลกว่า “ท่าทางของเธอเหมือนผิดหวังไม่มีผิด”
ไม่มีพิซซ่ากิน ฉีฉีเสียใจมาก
แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอถามว่า “ชูวเสวี่ย เธอออกไปไหนมา ไปซื้อของกินมาหรือเปล่า”
“เปล่า ฉันไปที่ร้านมา”
“แล้วไม่ได้เอาอะไรกลับมาหรอ”
“ไม่ได้เอามา”
“เธอมีของอะไรให้กินไหม”
“ไม่มี”
ทุกคำตอบทำให้ฉีฉีหมดหวัง
เย่ชูวเสวี่ยหันไปมองฉีฉีเดินอย่างหมดแรง และถามยิ้มๆ “ทำไมท่าทางเธอเหมือนหิวขนาดนั้น ในตู้เย็นไม่มีอะไรกินหรอ”
“ไม่มีฉันกินหมดแล้ว เหลือแต่เบียร์กับนม”
“ทำไมกินเก่งขนาดนั้น งั้นเดี๋ยวเราไปซื้ออาหารกัน”
“ไปซื้อที่ไหน ฉันไปด้วย”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เย่ชูวเสวี่ยถึงเพิ่งรู้ว่าในนี้ยังมีอีกคนหนึ่ง
“อันน่า”
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่า เย่ชูวเสวี่ยก็รู้สึกดีใจมาก
เธอยิ้มและพูดกับเซี่ยอันน่า “ชูวเสวี่ย เธอก็อยู่ที่นี่หรอ บังเอิญจัง”
“ช่วงนี้ฉันอาศัยอยู่ที่นี่ ไม่เรียกว่าบังเอิญแล้ว”
คำตอบนี้ทำให้การแสดงออกของเซี่ยอันน่าเปลี่ยนไปทันที
“เธออยู่ที่นี่หรอ”
เย่ชูวเสวี่ยพยักหน้า “ใช่ จะได้ดูแลฉีฉีได้สะดวกหน่อย”
ก่อนที่เย่ชูวเสวี่ยพูดประโยคนี้ ฉีฉีก็เตือนเธออยู่ข้างๆ ว่าอย่าพูดอะไรไร้สาระ
แต่เย่ชูวเสวี่ยก็เข้าใจช้าไป คำพูดของเธอทำให้เซี่ยอันน่าต้องหรี่ตาลง
“ฉีฉียังมีชีวิตยืนยาว ทำไมต้องดูแลด้วย”
“เอ่อ....”
เย่ชูวเสวี่ยเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากไป จึงรีบคิดเอาตัวรอด
แต่ฉีฉีก็พูดออกมาก่อนว่า “ไม่ต้องห่วง เมื่อกี้ฉันบอกไปแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เย่ชูวเสวี่ยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
การปรากฏตัวของเซี่ยอันน่ากระทันหันเกินไป ถ้าต้องปิดบังเธอเรื่องนี้ มันต้องมีเวลาเตรียมตัวหน่อย
ในขณะที่เย่ชูวเสวี่ยถอนหายใจออกมา เซี่ยอันน่าก็พูดเสียงนิ่ง “ที่แท้เธอก็รู้ด้วยคนนี่เอง”
ใบหน้าของเซี่ยอันน่าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกร้อนๆหนาวๆ
“แหะๆๆ”
เย่ชูวเสวี่ยหัวเราะออกมาแห้งๆ สมองของเธอหยุดทำงานทันที
“ที่ฉีฉีไม่อยากบอกให้ฉันรู้ เพราะกลัวว่าการฮันนีมูนของฉันจะต้องเลื่อนออก แล้วเธอล่ะมีเหตุผลอะไร”
เย่ชูวเสวี่ยรีบพูด “ฉันก็รู้สึกเหมือนกันกับฉีฉี ไม่อยากให้มีอะไรมากระทบอารมณ์ดีๆของเธอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...