เซี่ยอันน่าถึงกับผงะ จากนั้นก็หัวเราะออก เธอยันหน้าผากของฉีฉีเบาๆและพูดว่า:“ ปากเล็กๆของเธอเนี่ย หวานจริงๆนะ”
“ฉันจริงจังกับเธอนะ”ฉีฉีพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ฉันเธอพัฒนาตลอดเวลา ฉันดีใจแทนเธอจริงๆ”
เซี่ยอันน่าตบไปที่ไหล่ของฉีฉีและพูดว่า เธอก็เก่งมาก ทบทวนขนาดนั้น จะต้องได้คะแนนดีแน่ๆ และเข้ามหาลัยที่เธอชอบ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ฉีฉีก็ถอนหายใจลึกๆและพูดว่า เฮ้อ ถึงแม้ว่าจะฝึกทบทวนหนัก แต่คะแนนของฉันก็ยังไม่สูงมาก ฉันวางแผนจะไปสมัครกวดวิชาเพิ่ม
เซี่ยอันน่าไม่ได้คัดค้านอะไร เธอพยักหน้าและพูดว่า:“ ก็ดีนะ กวดวิชากับเพื่อนด้วยกัน ทุกคนปรึกษาหารือกัน มันเป็นประโยชน์ต่อเธอมาก”
“ฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เพียงแต่การฝึกนี้เป็นการฝึกแบบปิด จะต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน”
“ไม่เป็นไร ขอแค่ได้รับคะแนน จะเรียนที่ไหนก็ไม่แตกต่างกัน”
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าไม่คัดค้าน ฉีฉีก็รู้สึกโล่งใจ เธอยิ้มและพูดว่า:“ เห้ ฉันรู้ว่าเธอจะไม่คัดค้าน มู่ยู่วฉีเป็นคนร้ายจริงๆ”
ในครั้งนี้ เซี่ยอันน่ามีปฎิกิริยาตอบสนอง
เธอหันไปมองฉีฉีและถามว่า:“ เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับมู่ยู่วฉีได้ยังไง ?”
ฉีฉีไม่ได้คิดอะไรมาก และพูดออกไปว่า:“ โอกาสนี้ มู่ยู่วฉีเป็นคนแนะนำให้กับฉัน เดิมทีฉันก็อยากไปกวดวิชานั่นอยู่แล้ว แต่คนเยอะเกินไป ฉันเลยไม่ได้คว้ามันเอาไว้ พอเขาช่วยไว้ ฉันถึงได้มีโอกาสเข้าร่วมกวดวิชา ครั้งนี้ ฉันต้องแสดงพลังของฉัน !”
เซี่ยอันน่าหัวเราะแห้งๆสองครั้ง:“ เหอะเหอะ เป็นแบบนี้นี่เอง”
“เธอไม่คัดค้านก็ดีแล้ว ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม ไปเถอะ”
ทุกอย่างคลี่คลาย ฉีฉีก็ดินได้อย่างสบายใจมาก
แต่เซี่ยอันน่าไม่ได้ผ่อนคลายขนาดนั้น เธอขมวดคิ้วแน่นและสงสัย ไม่รู้เจ้ามู่ยู่วฉีคนนี้ กำลังทำบ้าอะไรอยู่อีก ?
……
ใช้โอกาสที่เซี่ยอันน่าไม่ได้จัดตารางงานในวันนี้ นัดเพื่อนสนิทสองสามคนไปที่ร้านขนมหวาน มาพูดคุยกัน
แต่เมื่อทุกคนอยู่ด้วยกันแล้ว ถึงรู้ว่ามีคนไม่ครบ
“เอ๊ะ ทำไมวันนี้ฉีฉีไม่มาล่ะ ?”
เซี่ยอันน่าวางแก้วชาลงและอธิบายว่า:“ ฉีฉีไปโรงเรียนกวดวิชาแบบปิด ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงออกมาได้”
“ไอ่หยา จะไม่ได้เห็นฉีฉีตั้งหนึ่งเดือน ตอนนี้ฉันเริ่มคิดถึงเธอขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ” เย่ชูวเสวียนับเวลา เลิกคิ้วและพูดว่า “นับไปนับมา เมื่อฉีฉีออกมา ก็สอบแล้วไม่ใช่เหรอ ?”
“อืม”
เย่ชูวเสวียขยับไหล่ของเธอและพูดว่า:“ เวลาใกล้เข้ามาแล้ว ฉันเริ่มรู้สึกประหม่านิดหน่อยแล้วสิ”
“มีอะไรต้องกังวล ”อย่ามองฉีฉีว่าเป็นดูเป็นคนเบลอๆ ถ้าเรื่องสำคัญ เธอไม่เคยที่จะเบลอสับสน ฉันเชื่อเธอ
นี่มันก็จริง ถึงแม้ว่าฉีฉีจะเบลอๆ แต่ก็เหมือนจะไม่เคยออกนอกลู่เลย
มือทั้งสองข้างเท้าคาง เย่ชูวเสวียถอนหายใจยาวและพูดว่า:“ รอฉีฉีสอบเสร็จ พวกเรามาฉลองกันหน่อยเถอะ ช่วงนี้ทุกคนดูเหนื่อยๆ ต้องผ่อนคลายกันหน่อย”
คำพูดนี้ทำให้เซี่ยอันน่ายิ้มและพูดว่า:“ ฉีฉีทบทวนทบเรียนเหนื่อยมาก ฉันเห็นด้วย ฉันทำงานยุ่งมาก ทุกคนก็ไม่คัดค้าน พี่อีเหยากำลังตั้งครรภ์ ร่างกายก็ต้องเหนื่อยเป็นปกติ แต่เธอกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ทำไมยังเหนื่อยอีก ?”
เมื่อเย่ชูวเสวียได้ยินแบบนี้ เธอก็กลอกตาและเริ่มบ่น
“เธอคิดว่าเตรียมงานแต่งมันง่ายเหรอ ? ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ฉันต้องตามเรื่องชุดกับพนังงาน รวบรวมรายชื่อแขก โรงแรมก็ต้องสรุป ยังมีพิธีการของบริษัทที่ต้องเลือกอีก........ไอ่หยา พูดไม่ได้แล้ว แต่พูดขึ้นมาฉันก็ปวดหัวจะตายแล้ว”
เมื่อเห็นหน้าผากที่ย่นของเย่ชูวเสวีย เซี่ยอันน่าก็หัวเราะและพูดว่า:“ นั่นมันคือความเหนื่อยจากความสุข นี่เป็นครั้งเดียวในชีวิตเรานะ”
“โอ้ย ฉันอยากจะสละโอกาสในครั้งนี้จริงๆ”
“อย่าพูดไร้สาระ ระวังหนานกงเจาได้ยิน และมาคิดบัญชีกับคุณนะ”
“หึ ได้ยินก็ได้ยิน ฉันเหนื่อยและหงุดหงิดมาก กำลังอยากหาคนมาระบายไฟของฉันอยู่เลย”
หลังจากได้ยิน ต้วนอีเหยาก็ยิ้มส่ายหัว จากนั้นก็เอ่ยปากพูด
“ฉันมีคำแนะนำ พวกเธออยากฟังไหม ”
เซี่ยอันน่าและเย่ชูวเสวียต่างแสดงท่าทางอยากฟังอย่างเคารพ
“รอเรื่องต่างๆจบลง พวกเราก็สามารถไปเที่ยวด้วยกันได้ ไปเกาะเล็กๆ ผ่อนคลายสักหน่อย ที่นั่นไม่มีงาน และไม่มีธุระอะไรที่จัดการไม่เสร็จ มีเพียงคลื่นลมทะเล ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ไม่มีอะไรแล้วก็จับปูมาวาดรูปและนอนหลับกัน”
ข้อเสนอนี้ทำให้ทั้งสองดวงตาเป็นประกาย และภาพที่เหมือนสวรรค์ก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าพวกเธอในทันที
มือทั้งสองข้างเท้าคาง เมื่อคิดถึงสิ่งนี้เย่ชูวเสวียก็โหยหาอย่างมาก
“นี่เป็นความคิดที่ดี ตัดขาดจากโลก และโยนสิ่งที่น่ารำคาญทั้งหมดออกสู่อวกาศ”
“ฉันก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดี พวกเราสามารถตกปลาทำบาร์บีคิวได้ ตามใจตัวเองเลย”
“บาร์บีคิวฉันทำได้ดีเลย สัญญาว่าพวกเธอจะไม่ได้กินก้างปลาลงไปแน่ !”
เย่ชูวเสวียเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่เซี่ยอันน่าอันน่ายังจำอาหารสีดำปี๋ที่ฉีฉีเล่าได้ และพูดออกมาว่า:“ ช่างเถอะ เธออย่าแตะอาหารเลย ใครจะรู้ว่าการผสมอาหารของเธอ จะพัฒนามาจากอาหารสีเข้มนั่นรึเปล่า”
“เกลียด พวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้จะได้ไหม ?”
ใบหน้าของเย่ชูวเสวียเต็มไปด้วยความโกรธ ในขณะที่อีกสองคนหัวเราะจนคิ้วขมวด
ในขณะที่ทั้งโต๊ะกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เด็กผู้หญิงโต๊ะข้างๆก็กระซิบข้ามหัวเซี่ยอันน่า
ในที่สุด ก็มีชายผู้กล้าคนหนึ่ง เดินไปตรงหน้าเซี่ยอันน่าและถามว่า:“ ขอโทษครับคุณใช่เซี่ยอันน่าไหม ?”
“ใช่ค่ะ ฉันเอง”
เมื่อพวกผู้หญิงได้ยิน หน้าก็แดง
“อ๊ะ คุณคือเซี่ยอันน่าจริงๆ ฉันชอบคุณแสดงเรื่อง 《Goodbye Tomorrow》คุณช่วยเซ็นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ ?”
“ได้แน่นอน”
หญิงสาวดูตื่นเต้นมาก แต่คำพูดของเย่ชูวเสวีย ทำให้พวกเขายิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก
“ฉันถ่ายรูปให้พวกคุณป่ะ”
“ได้จริงๆเหรอ ? ขอบคุณมาก !”
ผู้หญิงคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งให้เย่ชูวเสวีย จากนั้นพวกเธอก็ยืมข้างๆเซี่ยอันน่า และชูสองนิ้ว
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เย่ชูวเสวียก็ส่งโทรศัพท์ให้กับพวกเธอ ด้วยรอบยิ้มที่อ่อนโยนและมีน้ำใจ
เมื่อมองไปที่หญิงสาวสองสามคน เซี่ยอันน่ายิ้มและพูดว่า:“ เธอเป็นเจ้าของร้านขนมหวานแห่งนี้ ต่อไปพวกคุณก็มาอุดหนุนที่นี่บ่อยๆนะ”
“แน่นอน เจ้าของร้ายสวยและใจดี พวกเราจะพาเพื่อนมาเยอะๆเลย”
หลังจากได้ลายเซ็นและรูปถ่ายแล้ว พวกหญิงสาวก็จากไปด้วยความพอใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...