วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 545

แต่เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้หึง เธอเลิกคิ้วและพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“ ฉีฉีก็เป็นคนสับสนแบบนี้ และยังไร้หัวใจด้วย เวลาพูดก็ไม่ค่อยจริงใจ บางครั้งพูดยั่วยุใครไป เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำ บางทีคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของเธอ อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด แต่ฉีฉีก็ไม่ได้มีความหมายอะไรจริงๆ”

คำพูดนี้ทำให้มุมปากของฉีฉีกระตุก

“อันน่า คุณกำลังชมฉัน หรือว่าทำร้ายฉันกับแน่ ?”

เซี่ยอันน่าเงยหน้าขึ้นมองฉีฉี เธอยิ้มอย่างใจเย็นจริงใจและพูดว่า:“ แน่นอนว่าชมเธอสิ เธอนี่เป็นคนประหลาดเลยนะ !”

ไอ่หยา เมื่อได้ฟังแบบนี้ ก็ดูเหมือนกับว่าทำลังทำร้ายตัวเองอยู่เลย

ฉีฉีที่ดูงงงวย ทำให้รุ่นพี่ยิ้มมากเข้าไปอีก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ฮัดเช้ย——”

เซี่ยอันน่าไม่อยากสูญเสียกำลัง แต่อุณหภูมิในตอนเช้ามันต่ำเกินไป และเธอก็ไม่ได้สวมเสื้อมากนัก หลังจากจาม เธอก็เริ่มมีอาการน้ำมูกไหล

รุ่นพี่พูดขึ้นมาว่า:“ ด้านนอกอากาศหนาว พวกเราเข้าไปพูดกันด้านในเถอะ ได้ไหม ?”

ฉีฉีตบหน้าผากตัวเองและพูดว่า:“ ดูฉันสิ รีบเข้ามารีบเข้ามา รุ่นพี่คุณมานั่งดื่มน้ำก่อน อีกเดี๋ยวจะไปทำอาหารเช้า รุ่นพี่คุณก็อยู่ทานก่อนเถอะ”

“ถ้างั้นผมไม่เกรงใจละนะ”

เซี่ยอันน่าเดินตามพวกเขาเข้าไปในห้อง และตะโกนออกมาว่า:“ ไม่เกรงใจเลยจริงๆด้วย”

ก็ไม่รู้ว่ารุ่นพี่ได้ยินเสียงของเซี่ยอันน่าไหม เขานั่งอยู่บนโซฟา มองเซี่ยอันน่า รอยยิ้มของเขานั้นกำลังชื่นชมเธอ

“จริงๆแล้วผมชอบหนังที่คุณเซี่ยแสดงมาก ผมเป็นแฟนคลับของคุณ ได้ยินมาว่ามีหนังของคุณกำลังฉาย ขอให้ได้รับความนิยมอย่างมากนะครับ”

ขณะเดียวกัน เซี่ยอันน่าพูดตอบกลับด้วยรอยยิ้มไปว่า:“ ขอบคุณมากค่ะ”

แม้แต่ฉีฉี ก็รู้สึกว่าทัศนคติของเซี่ยอันน่าที่มีต่อรุ่นพี่ไม่ค่อยดีนัก เธอจึงเอนตัวไปกระซิบที่ข้างหูว่า:“ อันน่า เธออย่าเย็นชาใส่รุ่นพี่มากนักเลย มันน่าอายมาก อีกอย่าง เขาก็เป็นรุ่นพี่ของเธอด้วยนะ”

แต่เซี่ยอันน่ากลับจริงจังและพูดกับฉีฉีว่า:“ ผิดแล้ว เขาไม่ใช่รุ่นพี่ของฉัน”

“จะเป็นไปได้อย่างไร เขาจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกับพวกเรา ฉันสอบถามมาแล้ว เขาไม่ได้โกหกฉัน”

เฮ้ ผู้หญิงคนนี้นี่ ดื้อรั้นจริงๆเลย

ช่างเถอะ ขี้เกียจเถียงกับเธอ เธอฟังไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วย

เซี่ยอันน่ามองไปที่ดวงตากลมโตของฉีฉี จากนั้นส่ายหัว ราวกับว่ากำลังมองคนงี่เง่าอยู่

เมื่อได้ยินว่าข้างนอกเงียบ แม่ของฉีฉีก็เดินออกมาจากห้อง เห็นผู้ชายและผู้หญิงบนโซฟา เธอจึงรีบพูดขอโทษว่า:“ เอ๊ะ พวกเธอตื่นกันแล้วเหรอ ฉันจะไปทำอาหารเช้ามาเดี๋ยวนี้”

แม่ฉีฉีหันกลับมา จากนั้นก็รู้สึกได้ว่า บนโซฟาเหมือนจะมีเด็กผู้ชายนั่งอยู่อีกคน

เธอรีบหันกลับมา แววตาของแม่ฉีฉีเป็นประกายเหมือนฉายไฟ เธอมองขึ้นลงไปที่รุ่นพี่ ยิ้มแย้มถามว่า:“ ฉีฉี คนนี้ใคร ?”

“อ่อ เขาเป็นรุ่นพี่ที่ฉันเคยบอกพวกคุณ”

รุ่นพี่ลุกขึ้นยืนอย่างสุภาพ ยิ้มให้ฝ่ายตรงข้ามและพูดว่า:“ คุณน้า สวัสดีครับ”

ต้องบอกว่า รุ่นพี่ที่เชื่อฟังคนนี้ เป็นอันตรายสำหรับผู้อาวุโสอย่างมาก

นี่ แม่ของฉีฉีมองไปที่ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาตรงหน้า และแม่ก็พยักหน้าซ้ำๆ

ในฐานะที่เป็นอาจารย์มาหลายปี แม่ของฉีฉีก็ยังคงมองอย่างแม่นยำ จากสายตาของเธอสามารถบอกได้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา มีความรู้มาก การศึกษาก็ไม่แย่ แค่มองก็รู้ได้ว่าเป็นเด็กที่มีการศึกษาที่ดี

บวกกับพี่เขาเคยช่วยฉีฉีเอาไว้เยอะมาก ในใจเลยชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ

แต่น่าเสีย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือ เขามีแฟนแล้ว !

เมื่อคิดแบบนี้ แม่ของฉีฉีหันศีษะไปมองฉีฉีด้วยความโกรธ

คนที่ดีขนาดนี้มาให้เลือก ฉีฉีมัวทำอะไรอยู่ ทำให้ถึงปล่อยให้เขาไปมีคู่ก่อนล่ะ ?

ถ้าเด็กคนนี้ใช้ความคิดในการหาแฟนได้สักนิด ตัวเธอก็คงจะไม่ต้องมาเป็นกังวลแทนเธอแบบนี้ !

ฉีฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเย็นวาบที่คอ เธอเอามือลูบ จากนั้นก็หันศีรษะไปมองเห็นสายตาแม่ของเธอที่กำลังจ้องมองอยู่

ด้วยดวงตาที่เฉียบคม จนทำให้ฉีฉีสั่นไหวในใจ และกระซิบออกมา

แต่จริงๆแล้ว ประโยคถัดมาของแม่ฉีฉี ทำให้ฉีฉีหลับตาลงอย่างหมดหวัง

เมื่อมองย้อนกลับไปที่รุ่นพี่ แม่ของฉีฉีก็พูดด้วยอารมณ์ว่า:“ เฮ้อ เด็กที่เพียบพร้อมขนาดนี้ คนที่หาคุณไปเป็นแฟนได้ ผู้หญิงคนนั้นช่างโชคดีจริงๆ”

รุ่นพี่ยิ้มและพูดว่า:“ คุณน้า ผมไม่มีแฟน ”

เอ๊ะ ?

คำพูดนี้ทำให้แม่ของฉีฉีเลิกคิ้วและพูดว่า:“ แต่ฉีฉีบอกว่าคุณมีแฟนแล้วนะ”

รุ่นพี่มองไปที่ฉีฉีอย่างเงียบๆ จากนั้นก็พูดออกมาว่า:“ อาจจะเป็นความเข้าใจผิดครับ”

ในขณะนี้ ฉีฉีอยากจะมุดแทรกแผ่นดินเลย

พระเจ้า ใครจะเอาตัวเองมาตายด้วยมีดเพียงเล่มเดียวล่ะ ช่างหน้าอายจริงๆ !

แต่แม่ของฉีฉีกลับไม่รู้สึกอายเลย เธอดีใจซะยิ่งกว่าถูกล็อตเตอร์รี่อีก

“เข้าใจผิด ? ฮ่า นี่คงเป็นความเข้าใจผิดจริงๆ”เมื่อพูดออกมา แม่ของฉีฉีรู้สึกว่าถ้าพูดแบบนั้นไปมันจะหยาบคาย จึงรีบอธิบายว่า:“ เอ่อ ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ก็แค่คิดว่าเด็กดีเหมือนคุณ น้าก็แค่อยากจะช่วยคุณ”

รุ่นพี่ยิ้มอย่างสุภาพแล้วพูดว่า:“ ขอบคุณมากครับคุณน้า ที่จริงแล้วผมมีผู้หญิงที่ชอบแล้วจริงๆ เพียงแต่

เธอยังไม่รู้ว่าผมชอบเธอ พูดได้ว่า เป็นรักข้างเดียว”

เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบ ฉีฉีก็ยิ้มมองไปที่เขาและถามว่า:“ จริงเหรอ ถ้างั้นฉันรู้จักเธอไหม ?”

“อืม คุณรู้จักเธอจริงๆ”

“เอ๊ะ คงจะไม่ใช่คนที่เรียนเสริมกับพวกเราหรอกนะ ?งั้น..........”

ในขณะที่ฉีฉีกำลังคาดเดาอยู่นั้น เซี่ยอันน่าก็ตะโกนอย่างไม่สบายใจออกมา

แย่แล้ว วันนี้เจ้าเด็กนั่นมา และเขาเป็นคนไม่ใจดี เดิมทีฉีฉีต้องการที่จะปฎิเสธมู่ยู่วฉี ครั้งนี้ดันมีตัวช่วยมาอีก ครั้งนี้มู่ยู่วฉี คงจะโชคไม่ดีมากแน่ๆ

แม่ของฉีฉีดูเหมือนจะได้ยินอะไรบางอย่าง เธอกลอกตา เธอบอกว่าจะไปทำอาหาร และยังบอกให้เซี่ยอันน่าเข้าไปพักในห้อง เหลือเพียงฉีฉีและรุ่นพี่ ที่นั่งอยู่ห้องนั่งเล่น

แม้ว่าเซี่ยอันน่าจะไม่พอใจ แต่เธอก็ยังเก็บของไม่เสร็จ ดังนั้นจึงต้องกลับไปเก็บกระเป๋าก่อน

ในขณะที่ทานอาหาร แม่ของฉีฉีก็กระตือรือร้นกับรุ่นพี่เป็นอย่างมาก เธอคีบผักให้เขา พลางพูดเรื่องตลกตอนเด็กของฉีฉีให้ทุกคนได้หัวเราะกัน

อ่อ นอกจากเซี่ยอันน่าแล้ว ยังมีฉีฉีที่โดนพูดเป็นเรื่องตลกอีก

ฉีฉีทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก เธอคิดในใจว่าภาพลักษณ์ที่สวยงามของเธอที่อยู่ในใจของรุ่นพี่ มันได้แตกสลายเปลี่ยนไปหมดแล้ว

แต่เซี่ยอันน่าที่มองไปที่รุ่นพี่ สายตาของเธอลึกซึ้งเล็กน้อย

เซี่ยอันน่าก็รู้ว่า เมื่อเทียบกับมู่ยู่วฉีแล้ว รุ่นพี่เหมาะสมกับฉีฉีมากกว่า

แต่เมื่อรู้ว่าเรื่องนี้ เธอจะต้องผลักฉีฉีออกไป และยังเป็นคนที่แปลกหน้าที่ยังไม่รู้อะไรมากอีก ไม่ว่าจะคิดยังไงเซี่ยอันน่าก็ยังรู้สึกอึดอัดใจ

ในขณะที่เซี่ยอันน่าก้มศีรษะลง จ้องไปที่ถ้วยโจ๊กด้วยความงุนงง รุ่นพี่ก็มองกระเป๋าเดินทางข้างๆเธอและถามว่า:“ เมื่อมองไปที่คุณเซี่ย คุณจะไปแล้วเหรอ ?”

“เธอ.........”

ทันทีที่ฉีฉีกำลังจะพูด เซี่ยอันน่าก็ขัดจังหวะเธอขึ้นมาว่า:“ ยังไม่แน่ใจเลย ต้องดูว่าจะซื้อตั๋วเครื่องบินได้ไหม ใช่แล้ว ไม่รู้ว่ารุ่นพี่มาในครั้งนี้ จะอยู่นานแค่ไหน ?”

“มาท่องเที่ยวที่นี่ อาจจะอยู่จนถึงปีใหม่”

เวลานานขนาดนี้ ฉันไม่สามารถเสียเวลาไปกับเขาได้

เซี่ยอันน่าเงีบลง และแม่ของฉีฉีก็พูดอย่างกระตือรือร้นว่า:“ ทิวทัศน์ในเมืองแห่งนี้ดูเรียบง่ายและน่าอยู่อย่างแน่นอน ตอนนี้ มีคนหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่มีรสนิยมแบบคุณ ที่จะชอบสถานที่ที่เหมาะแก่การสงบสติอารมณ์”

เมื่อได้รับคำชม รุ่นพี่ยิ้มและพูดว่า:“ ผมอยากมาที่นี่นานแล้วถ้ามีโอกาส ตอนนี้โรงเรียนปิดแล้ว ฉีฉีก็สามารถช่วยเป็นไกด์ได้ ถือเป็นโอกาสที่ดี ขอเพียง ฉีฉีไม่รำคาญผมก็พอ”

“ไม่หรอก คุณช่วยฉันมาตั้งมากมาย แค่คิดเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อีกอย่าง นี่มันเป็นหน้าที่ของฉัน ที่จะสามารถเผยแพร่ส่งเสริมความสวยงามของบ้านเกิดฉันไปได้ ”

ดังที่ฉีฉีพูด เธอมองไปที่เซี่ยอันน่าและพูดว่า:“ อันน่า ไม่อย่างนั้นเธอก็อยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน ฉันสามารถพาพวกคุณไปเที่ยวด้วยกันได้ ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่เจริญเท่าเมืองหลวง แต่ก็มีความงดงามบริสุทธิ์ ในเมื่อเธอมาแล้ว ไม่ได้ดูความสวยงามนี้ มันก็น่าเสียดายนิดหน่อยนะ”

เซี่ยอันน่าถอนหายใจและพูดว่า แต่ฉันคิดว่า เวลามันบีบเกินไป ฉันมาเมื่อวาน ก็ปิดโฆษณาไปแล้วสองเรื่องแล้ว ไม่สามารถล่าช้าได้อีกแล้ว

เมื่อคิดถึงคำเตือนก่อนหน้านี้ของมู่ยู่วฉี ฉีฉีก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“ เธอยุ่งขนาดนั้น ก็ควรจะพักหน่อยนะ ระวังจะมีปัญหากับสามีเธอนะ”

“หึ เขากล้า”

“ใครจะไม่อยากจะให้คนที่ตัวเองชอบอยู่ข้างๆบ้างล่ะ คุณยุ่งขนาดนั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทิ้งเขาไว้ลำพัง”

“ถ้างั้นเธอล่ะ ?”

ทันใดนั้นเซี่ยอันน่าก็ถามกลับ ทำให้เซี่ยอันน่าตกตะลึงและถามด้วยความสับสนว่า:“ ฉัน ? ฉันทำไม ?”

“เธออยากอยู่ที่นี่กับคนที่ชอบไหม ?”

มีแม่อยู่ ฉีฉีไม่กล้าแสดงออกอะไร เพียงแค่หันหน้าไปยิ้มและพูดติดตลกไปว่า:“ ฮ่า ถ้าหากว่ามี ฉันก็จะต้องหวังแบบนั้นอยู่แล้ว แต่น่าเสียดาย ที่ผู้ชายของฉันยังไม่ปรากฎตัวออกมา”

“วางใจเถอะ ไม่ช้าก็เร็ว ความฝันเธอจะต้องเป็นจริงแน่นอน”

เซี่ยอันน่าเหลือบมองไปที่รุ่นพี่อย่างเงียบๆ และพบว่าเขาก็กำลังจ้องมองตัวเองอยู่ แววตาของเขาใสราวกับฤดูใบไม้ผลิที่ใสสะอาด

ในทางตรงกันข้ามกับความบิรสุทธิ์นี้ ทำให้การโจมตีของเซี่ยอันน่า กลายเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจไปเล็กน้อย

หลังจากอาหารเช้า เซี่ยอันน่าก็ออกจากบ้านของฉีฉี

ฉีฉีลังเลมาก จับมือของเธอและพูดคุยที่หน้าประตูอยู่เป็นเวลานาน

เมื่อเห็นดวงตาที่ตกตะลึงของฉีฉี เซี่ยอันน่าก็กุมมือของเธอกลับและพูดว่า:“ เมื่อเจอปัญหา อย่าเก็บมันไว้คนเดียว ให้โทรศัพท์หาฉัน ”

ฉีฉีร็ูสึกซาบซึ้งเล็กน้อย พยักหน้าและพูดว่า:“ อืม ฉันจะทำ”

“ถ้าเจอผู้ชายที่ดี ก็ควรพิจารณาให้ดี อย่ากังวลกับมู่ยู่วฉีอีกเลย”

ปัญหานี้มันไม่ค่อยตรงประเด็น แต่ฉีฉีก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าและพูดว่า:“ รู้แล้ว”

“นอกจากนี้ รุ่นพี่ที่อยู่ด้านในคนนั้น มองออกนะว่าเขาสนใจเธอ ถ้าหากเธอรู้สึกว่าเขาไม่เลว ก็สามารถลองกระชับความสัมพันธ์กับเขาได้นะ”

ครั้งนี้ ฉีฉีทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ฉีฉีหน้าบึ้งตึงและพูดว่า:“ ไอ่หย่า เป็นอะไรไป ความสัมพันธ์ของฉันกับรุ่นพี่มันเรียบง่ายมาก”

เรียบง่าย ? หึหึ !

“เอาล่ะ ฉันจะดู ความสัมพันธ์เรียบง่ายของพวกเธอ จะอยู่ได้นานแค่ไหน”

“โอเค เธออย่าไม่ต้องเป็นห่วง ระหว่างพวกเรา เธอเป็นคนที่น่ากังวลกว่า ทำงานหนักขนาดนั้น ร่างกายจะทรุดโทรมลงได้ เย็นชากับสามีตัวเอง ถึงแม้ว่าสามีจะไม่พูด แต่คนที่บ้านเขาล่ะ ? ตอนนี้เธอแต่งงานมีครอบครัวแล้ว จะทำตามอำเภอใจมากนักไม่ได้แล้วนะ”

เธอเอื้อมมือไปจับหน้ารูปไข่ของฉีฉี เซี่ยอันน่ายิ้มบางๆและพูดว่า:“ ไอ่หยา นี่ไม่ใช่เด็กน้อยที่ฉันรู้จักเหรอ

รู้จักสอนคนอื่นอย่างเหมาะสมเป็นแล้วด้วย”

จับมือของเซี่ยอันน่าไว้ และฉีฉีพูดว่า:“ ไอ่หยา ฉันจริงจังนะ ”

“ฉันรู้ ฉันรู้สึกได้ เธออย่ากังวลเลย แต่คนที่อยู่ข้างใน......เธอจับตามองให้ดี”

“รู้แล้วรู้แล้ว ”

แม้ว่าฉีฉีจะแสดงท่าทีที่เบื่อหน่าย แต่ในใจของเธอ กลับอบอุ่น

เซี่ยอันน่าก็เข้าใจ และไม่ได้สนใจ เธอยิ้มและพูดว่า:“ ยัยเด็กขี้แย ! เอาล่ะ ฉันจะไปแล้ว เธอดูแลตัวเองดีๆนะ

อย่ากินจนกลายเป็นหมูอ้วนล่ะ ”

พูดจบ เซี่ยอันน่าก็หันกลับไป นั่งบนรถที่พี่เลี้ยงที่บริษัทส่งมา

เมื่อนั่งอยู่บนรถ เซี่ยอันน่าก็เก็บรอยยิ้ม สีหน้าของเธอแสดงความกังวลออกมา

เธอเป็นห่วงฉีฉีมาก แต่มีถนนบางสาย ที่มีแต่ฉีฉีเท่านั้นที่เดินไปได้ ทางเลือกบางอย่าง มีเพียงฉีฉีเท่านั้นที่เลือกได้

หวังว่าฉีฉี จะไม่เลือกสิ่งที่ทำให้ผิดหวังเสียใจ

เซี่ยอันน่าพิงหลังกับเก้าอี้ เธอถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หลับตาพักผ่อน

ผ่านไปซักพัก รถก็หยุดกะทันหัน

ในตอนแรก เซี่ยอันน่าก็ไม่ได้ใส่ใจ เธอแค่คิดว่ากำลังรอไฟแดงอยู่เท่านั้น

แต่เมื่อประตูรถเปิด และมีเสียงฝีเท้าดังเล็กน้อย เซี่ยอันน่าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

เมื่อลืมตาขึ้นมา เซี่ยอันน่าเห็นชายชุดดำสองคน เธอเอ่ยปากถามว่า:“ พวกคุณเป็นใคร ต้องการอะไร..........”

ยังไม่ทันพูดจบ เซี่ยอันน่าก็มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย ทำให้เธอตกตะลึงไป

“พวกคุณมาได้อย่างไร ?!”

ในขณะนี้ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเซี่ยอันน่าไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเสี่ยวอวี้หลินกับมู่ยู่วฉีสองพี่น้องนี้

เสี่ยวอวี้หลินดูผ่อนคลาย เขายิ้มและพูดว่า:“ คุณภรรยา นี่เป็นสิ่งที่ผมเตรียมเซอร์ไพรส์คุณ เป็นยังไง ชอบไหม ?”

เฮ้ ถ้าหากเห็นแค่เสี่ยวอวี้หลิน เซี่ยอันน่าก็คงอาจจะยังมีความสุข แต่เมื่อมองไปเห็นมู่ยู่วฉีที่อยู่ข้างๆ

เธอก็เหลือแต่เพียงการตกตะลึง

ถ้าหากให้มู่ยู่วฉีและรุ่นพี่เจอกัน ผลที่ตามมานี้ ไม่อยากจะจินตนาการเลย

แววตาของมู่ยู่วฉีไร้อารมณ์ ริมฝีปากของเขาแน่น มองไม่เห็นความสุขหรือความโกรธ ดังนั้นเซี่ยอันน่าจึงไม่รู้ว่าเขากำลังยิ้มเหมือนรุ่นพี่หรือไม่

ตอนนี้ หวังแค่ว่าทั้งสองคนจะไม่เจอกัน ไม่อย่างนั้นคนที่โชคร้ายที่สุด จะต้องเป็นฉีฉีแน่นอน

มู่ยู่วฉีบอกว่า มันเกี่ยวข้องกับฉีฉี

“เพิ่งออกมาจากบ้านของฉีฉี ?”

“อืม”

“พาผมไปหาเธอ”

เซี่ยอันน่ารีบส่ายหัว แสดงท่าทีปฎิเสธ

ดวงตาของมู่ยู่วฉีมืดมนลงและพูดว่า:“ เธอสามารถหาเธอเจอ ฉันก็ทำได้

เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าเท่านั้นเอง”

เสี่ยวอวี้หลินก็พูดกล่อมเธออยู่ใกล้ๆว่า:“ อันน่า คุณบอกเขาไปเถอะ ยังไงไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องรู้อยู่ดี ทำไมต้องเสียเวลา ทำให้ทุกคนไม่มีความสุขล่ะ ”

ในขณะเดียวกัน เซี่ยอันน่าตอบสนองกลับไปว่า:“ ให้เขาไปอยู่รอบๆฉีฉี ฉีฉีจะมีความสุขไหม ?”

“ฉันก็แค่ไปหาคำตอบก็เท่านั้น”

“ถ้างั้นคุณไม่ต้องไปหาฉีฉีแล้ว เพราะฉันก็รู้คำตอบ”เซี่ยอันน่ารู้ว่านี่เป็นเรื่องที่โหดร้าย แต่นี่คือการตัดสินใจของฉีฉี “คุณ วางมือเถอะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ มู่ยู่วฉีก็สำลักออกมา แขนขาทั้งตัวของเขาดูเหมือนจะเจ็บไปหมด

เขากำหมัดแน่น เสียงของเขาราวกับลอดออกมาจากฟันด้วยความโกรธและพูดว่า:“ ฉันต้องการได้ยินจากปากของฉีฉีเอง”

“ทำไมล่ะ ในเมื่อฉีฉีหลีกเลี่ยงคุณอยู่ คุณเองก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ