ซีซีจ้องมู่ยู่วฉีตาถลึง และคิดหาข้อแก้ตัวต่อ
พ่อแม่ของซีซีตกใจชั่วขณะหนึ่ง และถามต่อว่า "อะไรนะซีซี ลูกไม่สบายเหรอ?"
สีหน้าซีซีไม่สู้ดีนัก ตอบกลับว่า "ก็แค่ไม่สบายเล็กๆน้อยๆ ท้องเสียอะไรแบบนี้"
"งั้นมันจะเท่าไหร่กัน แค่คืนเงินเขาก็ได้แล้ว ต้องกลับบ้านมาเอาเงินด้วยเหรอ?"
"เงินไม่เยอะหรอกครับ พอดีกับเงินที่ขายห้องนี้ได้"
คำพูดนี้ ทำเอาคนอื่นๆหน้าซีด
รุ่นพี่ขมวดคิ้วและพูดว่า "คุณอย่าเว่อร์!"
"คนที่อยู่ในสังคมระดับล่างแบบนาย คงไม่รู้หรอกว่าค่าห้องโรงพยาบาลไฮคลาสราคาคืนละเท่าไหร่ จ้างนักเชี่ยวชาญมาจากทั่วทุกมุมโลก ต้องจ่ายเงินเยอะมากอยู่แล้ว"
โดนคนฟาดหน้าด้วยเงินแบบนี้ แถมคนนั้นยังเป็นมู่ยู่วฉีอีก ซีซีหน้าแดงก่ำ พูดว่า "ไม่ใช่แค่ติดหนี้เหรอ ฉันคืนก็จบแล้วใช่ไหม!"
มู่ยู่วฉีส่ายหัว "ฉันไม่ต้องการให้เธอคืนเงิน ฉันแค่อยากให้เธอเป็นคนนำทาง พาฉันเดินสำรวจดูรอบๆ จากนั้นกายกัน"
ซีซีฮึดฮัด จากนั้นผลักประตู
"นำทางบ้าบออะไร นายรีบออกไปเลย ถ้ายังไม่ไปฉันจะแจ้งตำรวจ"
"ได้ ตำรวจมาก็ดี จะได้ทำอะไรให้มันถูกต้อง ใช้บ้านเธอเป็นของจำนอง"
"นาย...."
"เอาล่ะ หยุดได้แล้ว!"
พ่อของซีซีไม่อยากเห็นลูกสาวฉุดๆดึงๆกับชายแปลกหน้า กล่าวขัดขึ้น
จากนั้นตัดสินใจว่า "ก็ได้ ไหนๆคนที่มาก็คือแขก อยากจะอยยู่เที่ยวเล่นที่นี่ใช่ไหม งั้นก็หาที่ให้พักก่อน พรุ่งนี้ค่อยเตรียมแผนการ"
"คุณลุงเยี่ยมที่สุดเลยครับ"
จากนั้นมู่ยู่วฉีก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเลื่อนดู
ซีซีที่ไม่อยากทนเห็นหน้าเขาอีกสักวินาทีเดียว ก็พูดขึ้นว่า "ทำไมนายยังไม่ไปอีก?"
มู่ยู่วฉีไม่ได้เงยหน้า และตอบกลับว่า "ฉันเห็นตึกข้างๆติดประกาศขายอยู่ เมื่อกี้ฉันให้ผู้ช่วยซื้อแล้ว พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วนะ"
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่ง
รอยยิ้มของเขาช่างกวนบาทาเหลือเกิน ซีซีทนไม่ไหว เดินไปจับหน้าเขา
"มู่ยู่วฉี นายจะเกินไปแล้วนะ!"
ซีซีกัดฟันกรอดๆ ด้วยความโกรธจัด
แต่มู่ยู่วฉีไม่ได้สะทกสะท้าน กลับพูดต่อว่า "ฉันอยู่คนเดียว ทำกับข้าวก็ไม่เป็น ต่อไปคงค้องมารบกวนที่นี่แล้วล่ะ"
"มีปัญญาซื้อบ้านได้ทั้งหลัง แต่ไม่มีปัญญาจ้างคนมาทำกับข้าวให้เหรอ?"
"ที่นั่นไม่อบอุ่นเหมือนบ้าน"
"นี่มันความอบอุ่นของบ้านฉัน เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ!"
"ใครบอกว่าไม่เกี่ยวกับฉัน มีความเป็นไปได้มากว่า ต่อไปอาอจจะเป็นของ...."
มู่ยู่วฉีจงใจไม่พูดคำต่อไปออกมา แต่ใครๆก็รู้ว่าเขากำลังกวนประสาทซีซีอยู่
ไอ้บ้าเอ้ย!
ซีซีมองไปรอบๆ เหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่
เมื่อมู่ยู่วฉีเห็นดังนั้น ก็เดินออกไป เมื่อถึงหน้าประตูก็หันหลังมาบอกคนในห้องว่า "เอาแบบนี้แล้วกัน มีเรื่องอะไรค่อยพูดกันอีกที"
"พูดบ้าอะไรของนาย!"
พูดจบ ซีซีก็จับขวดปาใส่ประตู
เพล้ง!
ถึงแม้ว่าประตูจะถูกปิดแล้ว แต่ซีซียังเอาแต่จ้องประตูนั้นจนแทบจะทะลุ
"ซีซี ตกลงลูกกับคุณชายเสี่ยวเป็นอะไรกัน?"
แม่ถามขึ้น ทำให้ซีซีตกใจนิดหน่อย
จากนั้นค่อยๆหันไปตอบว่า "ไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ"
"ไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ลูกไม่สบายแล้วเขาพาโรงพยาบาล?"
คำถามของแม่ซีซี ดูเหมือนไม่เชื่อ
"เอ่อ ตอนนั้นฉันทำงานอยู่ร้านขนม เขาเป็นญาติกับเจ้าของร้าน เลยรู้จักกัน ต่อมาฉันเข้าโรงพยาบาล เขามาช่วยเหลือฉันยังขอบคุณเขาอยู่เลย คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เขาจะมาเล่นลิ้น"
ซีซีพูดจาดูแปลกๆ ทำให้พ่อกับแม่รู้สึกสงสัย
"เขามีเงินขนาดนั้น จะสนใจเงินเล็กๆน้อยๆของลูกเหรอ? เขาตั้งใจมาถึงที่นี่ พ่อคิดว่าต้องไม่ปกติแน่"
ไม่ปกติแน่นอน แต่ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าเขามาทำไม กลัวว่าพ่อกับแม่จะถือมีดไปแทงเขาน่ะซิ
ไม่ได้ๆๆๆ จะให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้
จากนั้นซีซีก็กำมือตัวเองแน่น ตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้เขาออกไปจากชีวิตเธอให้ได้
เธอสุดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นพูดว่า "มาแค่ไม่กี่วันเองไม่ใช่เหรอ หนูทนได้อยู่แล้ว ทำให้เขาพอใจ เขาก็ไปเอง พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ"
"แต่ว่า...."
"คุณลุงคุณป้า ผมก็จะช่วยซีซีด้วยครับ ไม่ให้ใครมารังแกเธอได้แน่นอน และถึงแม้เขาจะเป็นคนรวยล้นฟ้า แต่อย่างไรซะบ้านเมืองก็มีขื่อมีแปลครับ"
รุ่นพี่พูดขึ้น ทำให้พ่อกับแม่สบายใจบ้าง
"งั้นก็รบกวนด้วยนะ"
"ซีซีเป็นรุ่นน้องผม ช่วยเธอเป็นเรื่องสมควรทำอยู่แล้วครับ"
รุ่นพี่พูด พร้อมกับแอบส่งสายตาให้กำลังใจไปให้ซีซี
ได้รับการปลอบใจ ในสถานการณ์แบบนี้ ทำให้ซีซีรู้สึกอุ่นใจ
"รุ่นพี่คะ ขอบ..."
"ถ้าจะขอบคุณละก็ ไม่ต้องพูดเลย"
ซีซียิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า "ฉันจะพาพี่ไปเที่ยวแน่ๆค่ะ เที่ยวจนพี่ลืมไม่ลงเลย"
"โอเค ฉันจะรอ"
ขณะนั้นเอง มู่ยู่วฉีเดินถึงประตูทางเข้า ก็เจอกับเซี่ยอันน่ากับเสี่ยวอวี้หลิน
สีหน้าท่าทางของทั้งสองดูร้อนรน
และเมื่อพวกเขาเห็นมู่ยู่วฉีก็ถอนหายใจโล่งอก
มู่ยู่วฉีขมวดคิ้วงงและถามว่า "ทำไมยังไม่ไปกันอีก?"
เซี่ยอันน่าสูดหายใจเข้าก่อนจะถามว่า "มู่ยู่วฉี นายนั่งเครื่องมาเหรอ ทำไมเร็วแบบนี้?"
"พวกเธอมีวิธีของพวกเธอ ฉันก็มีทางของฉัน ตอนนี้ฉันกับซีซีเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ค่อยๆสานสัมพันธ์กันทุกวันๆ ฉันไม่เชื่อว่าซีซีจะไม่ใจสั่น!"
ท่าทางมั่นใจของเขา ทำเอาเซี่ยอันน่ากับเสี่ยวอวี้หลินเงียบไป
"นายเจอซีซีแล้ว?"
"เจอแล้วซิ"
"แล้วก็เจอ...รุ่นพี่แล้ว?"
เขาฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "เจอแล้วเหมือนกัน"
"งั้นพวกนายไม่ได้ต่อยกันใช่ไหม?"
"อยากปรองดองกับคนอื่น ทำไมต้องต่อยหรือทะเลาะกัน ฉันอยากให้ซีซีชอบฉันด้วยใจจริงไม่ใช่บั
คับ"
ทั้งสองไม่ได้ทะเลาะกันก็ดีแล้ว ไม่งั้นแย่แน่
แต่คนอย่างมู่ยู่วฉียอมให้มีคนอื่นมายุ่งวุ่นวายกับผู้หญิงของตัวเอง เป็นไปได้เหรอ?
อ่าใช่ เมื่อครู่ที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนบ้านกับซีซีแล้ว นี่หมายความว่าอย่างไร?
เซี่ยอันน่ากำลังจะถาม แต่มู่ยู่วฉีก็พูดขึ้นมาก่อนว่า "ฉันซื้อบ้านที่อยู่ตรงข้ามบ้านของซีซี แบบนี้ฉันก็สามารถเป็นเพื่อนบ้านเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ได้เจอหน้าเธอทุกๆวัน แถมยังได้พิสูจน์ให้พ่อแม่เธอเห็นความสามารถของฉัน พวกท่านจะได้สบายใจและยกลูกสาวให้ฉัน"
เอ่อ คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? มั่นใจในตัวเองไปหน่อยหรือเปล่า?
ตามที่เซี่ยอันน่าคิดและเข้าใจพ่อกับแม่ของซีซี เซี่ยอันน่าคิดว่า พวกท่านน่าจะพยายามอยู่ให้ห่างมู่ยู่วฉี
รุ่นพี่น่าจะเข้าตาพวกท่านมากกว่า
"เฮ้ พวกเธอมีธุระไม่ใช่เหรอ รีบกลับไปซิ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวก็พอแล้ว"
เซี่ยอันน่าถามกลับว่า "แน่ใจเหรอ?"
"แน่ใจซิ ประสบการณ์ฉันล้นเหลือ เธอคิดว่ากับไอ้แค่เรื่องพวกเขาแค่นี้ ฉันจะจัดการไม่ได้เหรอ?"
เขาพูดด้วยความมั่นใจ แจ่เซี่ยอันน่ากลับไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
"หวังว่าอย่าหน้าแตกเพราะคำพูดตัวเองแล้วกัน"
"พวกเธอสบายใจได้ ครั้งนี้ ฉันต้องทำให้เธอกลับคืนมาให้ได้"
เซี่ยอันน่ากำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ผู้ช่วยของมู่ยู่วฉีก็ขับรถมาก่อน บนรถเต็มไปด้วยของใช้ ของกิน
ดูแล้ว เหมือนจะมาอยู่นาน
มู่ยู่วฉีกับผู้ช่วยกลับมาที่จัดของที่ห้อง ขณะที่เซี่ยอันน่ากับเสี่ยวอวี้หลินยืนอย่างหมดคำพูดอยู่ที่ข้างล่าง
การตั้งฐานทัพอยู่ตรงข้ามบ้านแบบนี้ เป็นการยั่วยุและค่อนข้างกวนประสาทมาก แล้วแบบนี้คิดว่าคนของบ้านซีซีจะยอมสานสัมพันธ์กับเขาง่ายๆเหรอ?กลัวว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้น ต่อไปน่าจะมีฉากอะไรน่ากลัวๆขึ้นน่ะซิ!
เซี่ยอันน่าพูดขึ้นว่า "ไม่ว่าอย่างไร นายห้ามทำร้ายซีซี ไม่งั้นนายโดนแน่"
"ไว้ใจได้ ถ้าเขาทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ คงไม่ต้องรอถึงเธอ เขาต้องโดนฉันจัดการก่อนแน่"
เซี่ยอันน่าหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนจะถามต่อว่า "ว่าแต่ ทำไมอยู่ๆนายถึงมั่นใจขนาดนี้ล่ะ"
"อาจจะ ฉันมองว่าฝั่งตรงข้ามเป็นแค่กระต่ายน้อยมั้ง"
กระต่ายน้อย?
เซี่ยอันน่าพูดเสียงเบาลงว่า "อย่าประเมินฝั่งนั้นต่ำไป ไม่งั้นนายอาจจะแพ้ได้"
เมื่อเห็นเซี่ยอันน่าพูดเหมือนดูถูกมู่ยู่วฉี เสี่ยวอวี้หลินจึงถามขึ้นว่า "ทำไมพูดแบบนั้น หรือว่าพ่อกับแม่ของซีซีพูดอะไรกับเธอ?"
"ฉันเคยเจอพวกท่าน พวกท่านแค่อยากจะใช้ชีวิตเรียบง่ายตามประสาคนแก่ และสำหรับพวกเขามู่ยู่วฉีค่อนข้างเป็นพวกคนรวย และฐานะแตกต่าง"
"หรืออาจจะพูดได้ว่า ยิ่งมู่ยู่วฉีจัดการปัญหามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้พวกท่านรู้สึกไม่ชอบมากขึ้นเท่านั้น?"
"ถูกต้อง" เซี่ยอันน่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "กลับกันรุ่นพี่ ภูมิหลังของเขาก็ดี ดูแล้วก็ค่อนข้างเหมาะกับซีซี ในสายตาของพวกท่านแล้ว รุ่นนี่แหละนัมเบอร์วัน รอแค่ซีซีตกลงเห็นด้วย พวกท่านคงจะรีบไปขอรุ่นพี่ถึงบ้านเลย"
ได้ยินแบบนั้นเสี่ยวอวี้หลินก็ถอนหายใจออกมา และพูดว่า "ดูเหมือนความหวังของมู่ยู่วฉีจะริบหรี่"
"เพราะแบบนี้ฉันถึงได้พูด นายต้องค่อยๆชี้แนะแนวทางให้เขา อย่าให้เขาใช้วิธีที่ผิด ไม่งั้นยิ่งแย่"
เสี่ยวอวี้หลินพยักหน้า "เธอก็โทรถามซีซีดูว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ถึงพวกเราจะยื่นมือเข้าไปช่วยอะไรมากไม่ได้ แต่พวกเราคอยแนะนำเขาและคอยส่งข่าวได้บ้าง"
เซี่ยอันน่าตอบกลับว่า "เห้อ ตอนนี้คงทำได้แค่นี้แหละ"
พูดจบทั้งสองก็หันไปมองทางบ้านของซีซี และถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
...................
เพราะว่าตอนเที่ยง พ่อกับแม่มีนัดข้างนอกแล้ว ทำไมวันนี้จึงมีแค่ซีซีกับรุ่นพี่อยู่กินอาหารกลางวันกันที่บ้าน
ซีซีทำอาหารอะไรไม่ได้มาก ทำได้แค่ผัดหมี่ซีอิ๊ว รูปร่างหน้าตาของอาหารค่อนข้างดำ และรสชาติธรรมดามาก
แต่เพราะรุ่นพี่เห็นแก่หน้าเธอ จึงทำท่ากินอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อเห็นท่าทีดังนั้น ซีซีก็โล่งใจและเริ่มกินผัดของตัวเอง
เธอลองกินด้วยตัวเองถึงได้รู้ว่ารสชาติอาหารธรรมดามาก แต่ทำไมรุ่นพี่ถึงกินได้อร่อยขนาดนั้น ลำบากแย่เลย
ซีซีวางตะเกียบลงและพูดว่า "รุ่นพี่ เราสั่งอาหารกันดีไหม?"
"ทำไมต้องสั่งอาหาร ผัดเส้นอันนี้ก็อร่อยจะตาย"
"อร่อยตรงไหนกันน เส้นก็แข็ง อย่ากินเลย"
พูดจบ ซีซีก็ยื่นมือไปหยิบถ้วยของรุ่นพี่
แต่รุ่นพี่ขวางเอาไว้ "อร่อยจะตาย จริงๆ บ้านพี่อยู่ทางใต้ ไม่ค่อยได้กินอาหารรสชาติแบบนี้ พี่ชอบมากๆเลย"
สีหน้าท่าทางของเขา ทำให้คนไม่สามารถสงสัยในคำพูดได้
แต่ซีซีรู้ว่าเขาเป็นคนดี เลยไม่อยากพูดจาทำลายความมั่นใจเธอ
ซีซียิ้ม ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมากินต่อ
ทั้งสองกินไปคุยไป บรรยากาศอบอุ่นมาก ผ่านไปไม่นาน หมี่ในชามก็หมดเกลี้ยง
ขณะที่เธอกำลังพักผ่อนอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังลั่น
ซีซีรีบเช็ดปาก จากนั้นก็วิ่งไปเปิดประตู
ไม่ทันไรเธอก็ใช้แรงปิดประตูอีกครั้ง ราวกับเห็นผียืนอยู่ข้างนอก
ตอนแรกมู่ยู่วฉียืนยิ้มแฉ่งอยู่ แต่เมื่อถูกซีซีปิดประตูกระแทกหน้า เขาก็เริ่มตะโกนอยู่ข้างนอกว่า "ซีซี เปิดประตูเร็วๆ!"
ภายในห้องเงียบ
หึ ได้ แกล้งตายใช่ไหม
มู่ยู่วฉียิ้มชั่วร้าย จากนั้นพูดต่อว่า "เธอไม่เปิด ฉันจะไปชั้นล่าง แล้วตะโกนให้ทุกคนรู้ความในใจของฉันให้หมดไปเลย!"
ไอ้บ้านี่!
ซีซีโกรธมาก รู้สึกว่าเขาไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
รุ่นพี่เห็นดังนั้น ก็เดินไปจับลูกบิด จากนั้นส่งสัญญานให้ซีซีไปยืนอยู่ข้างหลัง
เมื่อรุ่นพี่เปิดประตู และมองคนข้างนอกด้วยสายตาเย็นชา
ทางมู่ยู่วฉีก็คิดไม่ถึงว่ารุ่นพี่จะเป็นคนเปิดประตู เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นขรึมจากนั้นเบียดตัวเอง และเดินเข้าไปนั่งหน้าซีซี
มองเห็นถ้วยว่างเปล่าที่ตั้งอยู่ข้างหน้า มู่ยู่วฉีถามว่า "ฉันหิว มีอะไรกินไหม?"
"ไม่มี!"
"งั้นที่เขากินคืออะไร?"
ซีซีตอบกลับว่า "ผัดหมี่ซีอิ๊ว ถ้วยสุดท้าย"
"งั้นทำอีกถ้วยหนึ่งศิ"
ซีซีกัดฟันตอบกลับว่า "ไม่มีเส้นแล้ว"
มู่ยู่วฉีทำหน้าตาครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มออกมา และพูดว่า "งั้นพวกเราไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตกัน ซื้อกระดูกหมูด้วย ฉันอยากกินกระดูกหมูน้ำแดง"
ซีซีจ้องเขาตาถลึงและพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า "มู่ยู่วฉี นายขอมากเกินไปแล้ว!"
มู่ยู่วฉีหยักไหล่ และตอบกลับว่า "นี่เป็นสิ่วที่เธอควรทำไม่ใช่เหรอ?"
"นาย...."
ซีซีรู้สึกอยากจะเป็นบ้าตาย จากนั้นรุ่นพี่ก็มายืนหน้าด้านหน้าเธอและหันไปพูดกับมู่ยู่วฉีว่า "รังแกผู้หญิงแบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...