ไม่ทันตั้งตัวก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง ชายตาม่วงมีท่าทีขึงขังและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า " ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา?ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน "
ในขณะเดียวกันดวงตาสีม่วงที่ชวนน่าหลงใหลของเขา ก็สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าพิศวง
มู่เวยเวยตกใจสั่นกับเสียงของเขา แต่เธอก็ยังคงอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน เธอแค่ต้องการรู้เรื่องพวกนี้ ไม่อย่างนั้นเธอต้องคิดว่าตัวเองเป็นบ้าไปแล้ว !
"ฉันไม่ไป คุณคือใครกันแน่ ?" มู่เวยเวยถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ปัง------"ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง
มู่เวยเวยหันกลับไปดู เธอตกใจมากจนขาอ่อนแรง ประตูที่เธอเห็นมันเปิดอยู่ จู่ๆมันก็ปิดไป
นี่.....
ทำไมอยู่ๆประตูถึงปิดลง ?
ใบหน้าของเธอซีดลงและขนลุกขึ้นมา......
เมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของเธอ ชายตาสีม่วงมองด้วยสีหน้าเศร้าหมองพลางพูดอย่างเย็นชาว่า “ เธอสมควรได้รับ ”
มู่เวยเวยตกใจกลัวแทบตาย หลังจากที่เธอได้ยินเขา สติเธอก็กลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกนี้เหมือนกับมีใครบางคนเคยใช้กับเธอ
ยังไงก็ตาม อยู่ๆมู่เวยเวยก็นึกขึ้นมาได้ คำพูดนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนที่คล้ายกับเย่ฉ่าวเฉิน ?
"คุณเป็นใคร ? ทำไมถึงปรากฎตัวอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ คุณมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝง ?" มู่เวยเวยเกิดคำถามขึ้นมากมาย เธอคิดและคาดเดาไปต่างๆ
อย่างเช่น เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเย่ฉ่าวเฉิน.....
หรือว่าเขามีความขัดแย้งกับตระกุลเย่.....
เขา......เหอะ หรือว่าเขาจะเป็นคนที่มาจากดาวอื่น.....
ใบหน้าของชายตาม่วงเต็มไปด้วยอารมณ์เคียดแค้นและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "เธอรู้หรือไม่ว่ายิ่งเธอรู้มากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งตายเร็วขึ้น ในเมื่อเธอรู้ความลับของฉันแล้ว เธอก็จะต้องจ่ายค่าตอบแทนฉัน....."
มู่เวยเวยจ้องไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ดวงตาสีม่วงที่ชวนให้หลงใหล เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา มันทำให้บรรยากาศรอบๆดูเย็นลง มันทำให้เธอรู้สึกขนลุกขึ้นมา
ผู้ชายคนนั้น......น่ากลัวจริงๆ
แค่มองเฉยๆ ก็ทำให้ขาของเธอนั้นอ่อนแรง.....
มู่เวยเวยกำหมัดแน่นและพูดอย่างใจเย็นว่า "ฉันไม่กลัวคุณหรอก ฉันจะเรียกเย่ฉ่าวเฉินมาที่นี่ ฉันจะดูซิ ครั้งนี้เย่ฉ่าวเฉินยังจะว่าไงอีก !"
พูดจบ มู่เวยเวยก็หันกลับมา เดินกลับไปที่ประตู
ทันใดนั้นก็มีเงาผ่านข้างหลังมาขวางทางข้างหน้าเธอไว้
"กรี๊ดดดดดด.....ผะ ผี !!" มู่เวยเวยหลับตาปี๋ตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ
"หุบปาก !!"เสียงของชายคนนั้นพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
มู่เวยเวยตกใจจนรีบยกมือขึ้นปิดปาก ค่อยๆลืมตาขึ้นมา เธอจ้องมองไปที่ชายตรงหน้า ดวงตาสีม่วงคู่นั้นดูลึกลับราวกับว่าจะดูดวิญญาณคนได้
ในตอนนี้ มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะคิดถึงแวมไพร์ในการ์ตูน
ดวงตาของพวกเขาจะเปล่งประกายประหลาดเช่นนี้
"คุณไม่ใช่คนใช่ไหม ? คุณเป็นแวมไพร์หรือเปล่า ? "มู่เวยเวยสูดหายใจเข้าสองสามครั้ง ก่อนจะถามด้วยความตื่นตระหนกพลางเดินถอยกลับไป
ดวงตาสีม่วงเลิกคิ้วขึ้น และพูดกลับไปว่า "ฉันไม่ใช่ผี แต่ฉันเป็นเซียน !"
เซียน ?
ให้ตายเถอะ นี่คิดว่าถ่ายหนังอยู่รึไง ?
มู่เวยเวยกระตุกยิ้มมุมปาก พลางพูดติดตลกด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความปรานี "พี่ชาย ถึงแม้ว่าคุณจะถามใครสักคนเพื่อหาเหตุผลที่น่าเชื่อถือ?คุณพูดว่าคุณเป็นเซียน งั้นคุณก็ต้องอยู่บนสวรรค์สิ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?"
ชายตาม่วงไม่ได้พูดอะไร มู่เวยเวยเห็นท่าทีแบบนั้น จึงพูดต่อไปว่า "ฉันคิดว่าคุณเป็นผีที่ยังไม่ได้ไปเกิด
คุณไม่รู้สาเหตุการตายหรือไม่ก็ยังมีอะไรที่ทำให้คุณไปไหนยังไม่ได้ ฉันพูดถูกใช่ไหม ?"
ชายตาม่วงไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา เขาจ้องมองไปที่เธอพลางพูดหัวเราะออกมาว่า "ข้อสันนิษฐานของเธออยู่ตรงไหนกัน?"
มู่เวยเวยชี้ไปที่พื้น พร้อมพูดด้วยเสียงที่แน่วแน่ว่า "ถ้าเป็นคนจะต้องมีเงาในตอนกลางคืน แต่นี่คุณไม่มี งั้นแสดงว่าคุณเป็นผี !"
"หึ....".ชายตาม่วงกะตุกริมฝีปากเล็กน้อย พลางพูดอย่างแผ่วเบาว่า "ตรรกะความคิดของเธอ....ช่างประหลาด....โง่เขลามาก !"
"ถ้างั้นคุณบอกฉันมาตอนนี้ คุณ....."มู่เวยเวยยังพูดไม่จบ กำลังจะถามบางอย่าง อยู่ๆเธอก็ได้ยินน้ำเสียงที่กังวลของคุณอาหวังดังออกมาจากข้างนอก เขามาที่นี่เพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว
"คุณหนู คุณหนู....."
มู่เวยเวยมองไปที่ชายตาม่วง ในขณะเดียวกันเสียงของคุณอาหวังก็ดังเข้ามาเรื่อยๆ คงไม่ดีแน่ถ้าคุณอาหวังเห็นเธอเข้ามาในเขตต้องห้ามนี้
"ฉันต้องไปแล้ว ไว้มีเวลาเราค่อยคุยกัน "มู่เวยเวยพูดพลางข้ามเขาไปที่ประตูและรีบวิ่งลงไปข้างล่าง
บนชั้นสอง ฉันเห็นคุณอาหวังยืนเคาะประตูเรียกฉันอยู่หน้าห้อง
"คุณอาหวัง ฉันอยู่นี่ "มู่เวยเวยพูดพลางเอื้อมมือไปแตะเขา
คุณอาหวังหันกลับมามองเธอ และถามด้วยความกังวลว่า "คุณหนู ดึกขนาดนี้แล้ว คุณไปอยู่ไหนมา ? ทำไมไม่อยู่ในห้อง ?"
มู่เวยเวยรู้สึกผิดเล็กน้อยก่อนจะโกหกไปว่า "ฉันไปเดินเล่นในสวนมา พอกลับมาก็ได้ยินเสียงคุณเรียกฉัน มาหาฉันดึกดื่นขนาดนี้มีเรื่องอะไรรึเปล่า ?"
"อ่อใช่ !"คุณอาหวังพยักหน้า "คุณชายกำลังรอคุณที่ห้อง เขาบอกให้ฉันพาเธอไปพบเขา"
เย่ฉ่าวเฉินตามหาฉัน ?
มู่เวยเวยตกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร " โอเคค่ะ ฉันทราบแล้ว คุณไปพักผ่อนเถอะ "
"ครับ "
เมื่อเดินไปถึงประตูห้องของเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยเปิดประตูเข้าไป เธอก็เห็นเขานั่งเอนอยู่บนเตียง
เมื่อเห็นเขาในชุดคลุมอาบน้ำเผยให้เห็นกล้ามหน้าอกอันสวยงาม เธอรีบละสายตาและลังเลว่าจะเดินไปดีไหม
" มานี่ " เย่ฉ่าวเฉินเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา" ไม่งั้นฉันจะไปเชิญเธอด้วยตัวเอง "
เย่่ฉ่าวเฉินพูดคำว่า " เชิญ " แก้มของมู่เวยเวยก็แดงระเรื่อขึ้นมา เธอเดินเข้าไปที่ห้องนอนและยืนเว้นระยะห่างจากเตียงสองเมตร เธอถามอย่างใจเย็นว่า คุณเรียกฉันมามีธุระอะไร ?
"ทำไมไปยืนไกลขนาดนั้น กลัวฉันจะทำอะไรเธอรึไง ? "มองไปที่เธอด้วยท่าทีระมัดระวัง รู้สึกได้ถึงไฟในใจของเย่ฉ่าวเฉิน เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ดูถูก
"เย่ฉ่าวเฉินฉันขอให้คุณพูดดีๆหน่อย ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด ถ้าคุณคิดว่าฉันเป็นคนขี้ขลาด งั้นฉันก็จะออกไปเดี๋ยวนี้" เธอมองเย่ฉ่าวเฉินด้วยท่าทีรังเกียจ !
มู่เวยเวยพูดด้วยความโกรธ หันหลังเตรียมจะออกไป ในใจก็บ่นชายคนนี้ เขาชอบทำให้เธอรู้สึกอับอายและอึดอัด ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอไปทำเวรทำกรรมอะไรกับเขา !
......
มู่เวยเวยตอนอยู่บนเตียง เธอมองเย่ฉ่าวเฉินด้วยแววตาเกลียดชัง พลางหาข้อแตกต่างระหว่างชายตาม่วงกับเขา
ดูเหมือนว่านอกจากดวงตาที่แตกต่างกันแล้ว ลักษณะอื่นของพวกเขาแทบจะเหมือนกันหมด ในแง่ของบุคลิกภาพเย่ฉ่าวเฉินเป็นคนใจร้อน ส่วนชายตาม่วงเป็นพวกเยือกเย็น แต่ว่าทั้งสองก็มีจุดที่แตกกต่างกันมาก นั่นคือชายตาม่วงนั้นมีความสามารถแปลกๆ
ว่าทั้งสองคนใช่คนเดียวกันไหม มู่เวยเวยกอดอกคิด ถ้าหากว่าชายตาม่วงคือเย่ฉ่าวเฉิน ถ้าอย่างนั้นทำไมเมื่อครู่ที่เธอมองเขา เขาจึงทำร้ายตัวเอง
นอกจากสายตาที่เป็นประกายของเย่ฉ่าวเฉิน อย่างอื่นก็ดูเป็นปกติหมด ถ้างั้นจะเป็นเขาได้อย่างไร ?
แต่เธอก็รู้สึกได้ว่าทั้งสองคนต้องมีความเกี่ยวข้องกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เหมือนกันขนาดนี้หรอก !
"มองพอรึยัง ?" เย่ฉ่าวเฉินถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ผู้หญิงคนนี้จ้องมองเขาเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าในใจคิดถึงใครอยู่ เมื่อคิดว่าเธอกำลังคิดถึงชายอื่น เขาก็อารมณ์เสียขึ้นมา !
มู่เวยเวยดึงสติกลับมา มองไปที่ท่าทางมืดมนของเขา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า คนขี้งก คุณคิดว่าฉันเต็มใจมองคุณหรอ คิดว่าฉันชุบตัวให้ดูรวยขึ้นหรอ !
หลังจากด่าในใจเสร็จ มู่เวยเวยก็รู้สึกสบายใจขึ้น และหันกลับมามองเขาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ในขณะที่เธอและเย่ฉ่าวเฉินกำลังนอนอยู่นั้น ก็มีเสียงของเขาดังขึ้นมาจากข้างหลัง
"ผู้หญิงที่ชื่อเฉียวซินโยวที่มาบ้านวันนี้ เธอก็เป็นนักศึกษามหาลัยหนานฮวาหรอ ?"
เมื่อได้ยินเขาถามถึงเฉียวซินโยว มู่เวยเวยก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบไปตามความจริงว่า “ ใช่ เฉียวซินโยวเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน เรียนการออกแบบด้วยกันกับฉัน มีปัญหาอะไรรึเปล่า ” ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...