หนานกงเฮ่าหยิบโทรศัพท์ออกมา และรีบโทรออกอย่างรวดเร็ว แปปเดียวปลายสายก็รับ
" ฮัลโหล ? ใช่เฉียวซินโยวไหม ? ฉันคือหนานกงเฮ่า "
เฉียวซินโยวที่นอนอยู่บนเตียง กระโดดลงจากเตียงด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินคนที่โทรมา จากนั้นก็ตั้งสติรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเขา เธอรักษาท่าทีและพูดออกไปว่า " หนานกง คุณโทรมาหาฉันมีธุระอะไร ? "
" เธอพอมีเวลาไหม ? ฉันอยากเลี้ยงกาแฟคุณ “ หนานกงเฮ่าพูดพลางหมุนกุญแจรถในมือเล่นไปด้วย
" มีค่ะ !" เฉียวซินโยวตอบด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อเธอรู้สึกว่าเธอตื่นเต้นเกินไปจึงสงวนท่าทีและถามกลับไปด้วยเสียงเรียบว่า " ร้านกาแฟที่ไหนคะ ? "
” กุหลาบแดง “
......
ณ ร้านกาแฟกุหลาบแดง
เมื่อเฉียวซินโยวมาถึง หนานกงเฮ่าก็รออยู่ที่ร้านแล้ว หลังจากทั้งสองคนทักทายกัน หนานกงเฮ่าก็สั่งกาแฟไปสองแก้ว
เฉียวซินโยวมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ในใจเธอรู้สึกตื่นเต้น แต่พยายามรักษากิริยาท่าทางไว้ และถามออกไปเบาๆ ว่า “หนานกง คุณเรียกฉันมามีธุระอะไรรึเปล่า? "
หนานกงเฮ่าจิบกาแฟพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้า เขาพูดเบาๆว่า " คุณได้คะแนนสูง ดังนั้นฉันจึงอยากแสดงความยินดีกับคุณ "
หลังจากได้ยินที่เขาพูด ใบหน้าที่สง่างามของเฉียวซินโยวเต็มไปด้วยความสุข และพูดว่า “ ขอบคุณค่ะ "
เฉียวซินโยวรู้สึกภูมิใจมาก เธอรู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่ทัศนคติของเย่ฉ่าวเฉินที่เปลี่ยนไป แม้แต่หนานกงเฮ่าที่อ่อนโยนก็ยังใส่ใจเธอ !
หนานกงเฮ่ามองเห็นชัยชนะในสายตาของเธออย่างชัดเจน เขาคิดอะไรในใจ และพูดออกมาว่า " ซินโยว วันที่เธอแสดงผลงานได้เยี่ยมมาก ฉันว่าเธอเป็นนักออกแบบที่มีพรสวรรค์มาก แม้แต่เย่ฉ่าวเฉินยังชื่นชมเธอเลย !"
เฉียวซินโยวรู้สึกตกใจ เธอมีความสุขมากจนแทบจะตัวลอย เธอถามอย่างเริงร่าว่า " ประธานเย่ก็ชื่นชมผลงานของฉันด้วยเหรอ ? ดีจังเลย !"
" ใช่สิ เขาบอกว่าคุณมีศักยภาพ คุณรู้ไหม ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะชมใคร แต่ฉันเห็นเขาชมเธอ !" ริมฝีปากของหนานกงเฮ่ากระตุกยิ้มเล็กน้อย และพูดอย่างใจเย็น
เย่ฉ่าวเฉินชื่นชมเธอ !!
เฉียวซินโยวยิ้มและพูดต่อไปว่า “ขอบคุณ คุณและคุณชายเย่สำหรับความคิดเห็นค่ะ "ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากเลย "
หนานกงเฮ่าก้มศีรษะลงและจิบกาแฟต่อ เขาซ่อนความรังเกียจเอาไว้ภายในตา ผลงานชิ้นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นของเวยเวย เฉียวซินโยวแอบอ้างผลงานของคนอื่น และยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นหน้าหนาขนาดไหน !
" อันที่จริงมันค่อนข้างจะบังเอิญ เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันอยู่กับเย่ฉ่าวเฉิน และไปเห็นแบบร่างที่คล้ายกับผลงานชิ้นนี้ เขาบอกกับฉันว่า กำลังตามหาคนออกแบบงานชิ้นนี้ ซินโยว คุณเคยออกแบบร่างมาก่อนรึเปล่า ? "
เฉียวซินโยวตกใจ เธอมีแบบร่างแค่ฉบับเดียว ถ้างั้นอาจจะเป็นของมู่เวยเวย.....
หลังจากกลืนน้ำลาย เฉียวซินโยวก็เงยหน้าขึ้นมา และพูดเบาๆว่า “ จำได้ว่าฉันทำมันหายไป จากนั้นเลยทำฉบับร่างขึ้นมาใหม่ เมื่อกี้คุณพูดว่า คุณชายเย่ กำลังตามหาคนออกแบบ จริงเหรอคะ ? "
" อืม ใช่แล้ว เพียงแต่รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก บางทีเย่ฉ่าวเฉินอาจจะกำลังหาเจ้าของ และส่งต้นฉบับคืนให้กับเขาก็เป็นได้นะ !" หนานกงเฮ่ากระตุกยิ้มพูดเบาๆ
” อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง ”
หลังจากทั้งสองคนคุยกันสักพัก หนานกงเฮ่าก็บอกว่ามีธุระต้องไปทำต่อ เขาแวะส่งเฉียวซินโยวกลับบ้าน และขับรถออกมา
เฉียวซินโยวระงับความตื่นเต้นไว้ในใจ ในใจก็คิดถึงเรื่องที่ทั้งสองคนพูด ตอนนี้ในหัวของเธอมีคำถามเดียว เรื่องที่เธอโกหกหนานกงเฮ่าว่าเป็นแบบร่างที่เธอทำหาย ตกลงแล้วมันใช่ของมู่เวยเวยไหม ?
เฉียวซินโยวหยิบโทรศัพท์ออกมา รีบโทรไปหามู่เวยเวย และพูดว่า " เวยเวย ฉันมีเรื่องจะถามเธอ "
เมื่อเวยเวยได้ยินเสียงของเฉียวซินโยว จึงถามออกไปว่า " มีเรื่องอะไร ? "
" งานที่ฉันเลียนแบบคุณเพื่อเข้าแข่งขัน เธอยังเก็บสำเนาเอาไว้อยู่ไหม ? " เฉียวซินโยวถามด้วยความกังวล
มู่เวยเวยจำได้ว่าเธอทำแบบร่างหายที่โรงแรม และตอบไปตามจริงว่า " ฉันทำสำเนาก่อนหน้านี้หายไป "
" แบบนี้นี่เอง ! " เฉียวซินโยวถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ใบหน้าแสดงออกถึงรอยยิ้มที่เดาไม่ถูก พร้อมกับพูดว่า “ ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ถามดู “
" อ่อ "
" ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระอยู่ งั้นฉันวางก่อนนะ ไว้มีเวลาพวกเราไปเที่ยวกัน "
" โอเค "
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฉียวซินโยวก็ฉีกยิ้มกว้าง ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในใจของเธอ
จากที่ได้ยินหนานกงเฮ่าพูดมา เย่ฉ่าวเฉินยังไม่รู้ว่าแบบร่างนั้นแท้จริงแล้วเป็นของมู่เวยเวย ที่เย่ฉ่าวเฉินเจอเธอวันนี้ ไม่ได้มีท่าทีเย็นชาบนใบหน้าของเขา แต่กลับยังชมว่าผลงานของเธอมีความคิดที่ดี หรือเป็นเพราะว่าเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นเจ้าของผลงานนั้น ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น เธออาจจะใช้ประโยชน์จากวิธีนี้เข้าใกล้เย่ฉ่าวเฉินได้ !
สวรรค์เข้าข้างเธอจริง !
เพียงแต่ เธอรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมเย่ฉ่าวเฉินถึงตามหาคนที่วาดภาพนั้น ?
หรือว่าจะเป็นอย่างที่หนานกงเฮ่าพูดมา ?
จากที่เธอรู้เกี่ยวกับเย่ฉ่าวเฉิน เขาไม่ใช่คนที่น่าเบื่ออะไรขนาดนั้น เขามีความลับอะไรที่เธอไม่รู้กันแน่นะ ?
……
คฤหาสน์ตระกูลเย่
มู่เวยเวยเท้าคาง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบปากกาขึ้นมาเขียนลงบนกระดาษสีขาว ภายในห้องที่เงียบสงบมีเพียงเสียงกร๊อบแกร๊บของปากกาที่กระทบกับกระดาษ
ทันใดนั้น.....
" อ๊ะ ! ! ” ผี..... ! ! "
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าใหญ่ปรากฎขึ้นต่อหน้าเธอ ทันใดนั้นมู่เวยเวยกรี๊ดร้องขึ้นด้วยความตกใจ
" ชู่ว.....อย่าเสียงดัง ฉันเอง " น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
มู่เวยเวยกลับมามีสติอีกครั้ง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเสี่ยวจื่อปรากฎขึ้นต่อหน้าเธอ
เมื่อมองเขาไปด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่มู่เวยเวยกัดฟันโกรธ และพูดเสียงดังว่า " คุณออกมาทำไมไม่ส่งเสียง ฉันเกือบหัวใจวายตายแล้ว !"
" โอ้ " เสี่ยวจื่อแตะคางของเธอ ดวงตาสีม่วงเปล่งประกาย พร้อมพูดเบาๆว่า ถ้าคุณตกใจฉันจนตาย พวกเราก็กลายเป็นพวกเดียวกันนะสิ.....
มู่เวยเวยนึกถึงสิ่งที่เขาเคยเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับการตาย เธอกลอกตาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำไรไม่ถูกว่า " ฉันคงไม่เลือกตายแบบนี้หรอก.....มันน่าอายเกินไป....."
มุมปากของเสี่ยวจื่อกระตุก ในใจนึกถึงประโยคสุดท้ายของเธอ และพูดเบาๆ ว่า" เป็นแบบฉันก็ดีออก อยากบินไปไหนก็ได้ อยากมาก็มา อยากไปก็ไป ไม่เจ็บป่วย และก็ไม่หิวหรือหนาวด้วย "
มู่เวยเวยเม้มริมฝีปาก ไม่แสดงสีหน้าอะไร " ร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ได้ วันๆจะมีอะไรสนุก ? "
" เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ร้อง ฉันไม่หัวเราะ ? " เสี่ยวจื่อยกริมฝีปากยิ้มที่ดูแย่ราวกับร้องไห้ เหมือนจะยืนยันคำพูดของเขา
มู่เวยเวยแตะที่หน้าผาก และพูดเบาๆว่า “ เสี่ยวจื่อ คุณน่าจะหนักหนากว่าฉัน..... "
" อะไรหนักหนา ? " เสี่ยวจื่อถามด้วยความแปลกใจ
มู่เวยเวยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก กระแอมคอและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า " มันนอนอยู่บนพื้น ขาสองข้างลากเดินไปเป็นวงกลม !"
เสี่ยวจื่อพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและค่อยๆพูดว่า “ น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถลงไปที่พื้นได้.... "
มุมปาของมู่เวยเวยกระตุก เหมือนกับว่ามีอีกาสามตัวบินผ่านหน้าเธอไป.....
แล้วก็ตาย--------
ในขณะเดียวกัน เสียงคุณอาหวังดังขึ้นจากข้างนอกประตู " คุณหนู คุณหนูเฉียวมาหาคุณ "
มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมา เธอส่งสัญญาณให้เสี่ยวจื่อหายตัวไป และพูดออกไปว่า " รู้แล้ว เดี๋ยวฉันลงไป "
เมื่อเธอพูดจบ ร่างเสี่ยวจื่อก็หายไปจากห้อง
เป็นคนที่ประหลาดจริงๆ มาอย่างไร้ร่องรอยไปก็ไร้ร่องรอย.....
มู่เวยเวยไม่คิดอะไรมาก รีบเดินลงไปห้องรับแขก เธอมองเห็นเฉียวซินโยวนั่งอยู่บนโซฟา
มู่เวยเวยยิ้มอย่างร่าเริง และพูดอย่างเร็วว่า " ซินโยว วันนี้เธอมีเวลามาหาฉันเหรอ ? "
เฉียวซินโยวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และพูดว่า " วันนี้ฉันไม่มีธุระอะไร คิดว่าเธออยู่บ้านคงเหงา เลยมาเที่ยวหาเธอ "
มู่เวยเวยพยักหน้า และพูดต่อว่า “ เป็นเรื่องที่ยากนะที่เธอจะคิดถึงฉัน ฉันซาบซึ้งจนแทบจะร้องไห้..... "
สีหน้าของเฉียวซินโยวเป็นประกาย ก่อนกลับมาเป็นปกติ และถามอย่างเบาๆว่า " คุณชายเย่ไม่อยู่บ้านเหรอ ? "
มู่เวยเวยมองอย่างเรียบเฉย ก่อนจะพูดอย่างใจเย็นว่า " เขาไปทำงานที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว "
เฉียวซินโยวรู้สึผิดหวังเล็กน้อย เธอตั้งใจตื่นแต่เช้า แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะคลาด !
เธอปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เฉียวซินโยวพูดอย่างประชดประชัน " เวยเวย เธอนี่โชคดีจริงๆ ! วันๆอยู่ในคฤหาสน์ อยู่ดีกินดีไม่ต้องกังวลอะไร เย่ฉ่าวเฉินก็ออกไปทำงานทุกวัน ถ้าหากว่าฉันสามารถหาคนแบบนี้ได้ เดาว่ามันคงเป็นฝันที่สวยงาม !"
สีหน้าของมู่เวยเวยดูเศร้า เธอไม่มีความสุขเลย บางทีคนอื่นอาจคิดว่าเธอได้ใช้ชีวิตดุจเจ้าหญิง แต่ใครจะรู้ว่าเธอต้องทนความเจ็บปวดขนาดไหน ?
เย่ฉ่าวเฉินแต่งงานกับเธอ ไม่ใช่เพราะความรัก เธอเป็นเพียงแค่ข้อต่อรองของพี่ชายเธอเท่านั้น !
มู่เวยเวยพยายามอย่างหนักที่จะซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ ในใจเธอไม่อยากให้เฉียวซินโยวเป็นกังวลกับความเศร้าของเธอ เธอพยายามยิ้มที่มุมปากและพูดอย่างขมขื่นว่า " ซินโยว ฉันหวังว่าเธอจะได้อยู่กับคนที่เธอรักและคนที่รักเธอ..... "
เมื่อฟังจบ เฉียวซินโยวเม้มริมฝีปากในใจรู้สึกตลก ความรักคืออะไร ?
คือสามารถซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้ หรือว่าซื้อเครื่องประดับเงินทองได้ ? ของถูกๆเช่นนั้นไม่ใช่ของหายากสำหรับเฉียวซินโยวเลย !
สิ่งที่เธอต้องการคือ การทำให้ผู้หญิงทุกคนอิจฉาชีวิตของเธอ !
ไม่อยากคุยเรื่องไร้สาระกับเธอแล้ว เฉียวซินโยวมองไปที่เธอ และถามด้วยความแปลกใจว่า " เวยเวย ครั้งที่แล้วเธอบอกว่า แบบร่างของเธอหายไป ทำไมมันถึงหายไปได้ ? เกิดอะไรขึ้น ? แล้วสุดท้ายไปทำหายไว้ที่ไหน ? "
มู่เวยเวยตกตะลึงไป เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถามเรื่องพวกนี้ เธอไม่รู้จะตอบยังไง
เห็นเธอหน้านิ่งเงียบ เฉียวซินโยวมองด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดว่า " เวยเวย เธอเห็นฉันเป็นเพื่อนไหม ? เธอเคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าเพื่อนที่ดีต้องซื่อสัตย์กัน !"
เธอพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ?
บอกว่าเธอถูกแฟนเอาไปขาย และหายไปไหนก็ไม่รู้ ในใจเธอรู้สึกกังวลมาก บอกว่าเธอไม่ระวังลืมผลงานทิ้งไว้ที่โรงแรม ?
เรื่องแบบนี้เธอจะไม่มีวันพูดออกมาเด็ดขาด !
มู่เวยเวยคิดอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเธอแน่วแน่และพูดออกมาอย่างเก้ๆกังๆว่า " ตอนนั้นฉันไปดื่มกาแฟ บางทีอาจจะลืมเอาไว้ที่นั่น "
"อ่อ แบบนี้นี่เอง....." เฉียวซินโยวพูดอย่างรู้ทัน
หลังจากส่งเฉียวซินโยว มู่เวยเวยกำลังจะเดินขึ้นมาที่ชั้นสามเพื่อไปหาเสี่ยวจื่อ ในขณะเดียวกันเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากทางมหาลัย ให้เธอรีบไปมหาลัยเดี๋ยวนี้
คุณอาหวังให้คนขับรถไปส่งเธอ พอใกล้ถึงมหาลัยมู่เวยเวยลงจากรถเดินไปที่ประตู พอดีกับที่เธอเห็นด้านหลังของเฉียวซินโยว
" ซินโยว รอฉันด้วย !" มู่เวยเวยวิ่งเหยาะๆ ไปหยุดอยู่ที่ข้างหน้าเธอ
เฉียวซินโยวหันกลับมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “ เวยเวย ทำไมเธอถึงมาที่โรงเรียน ? "
" ทันทีที่เธอหันกลับไป ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ใหญ่ ให้ฉันมาที่โรงเรียน เธอล่ะ ? "
" ฉันก็ด้วย !" เฉียวซินโยวโกรธ เธอควรจะโทรหามู่เวยเวยก่อน ให้มารับเธอไปด้วย เธออยู่บนรถบัสเป็นครึ่งชั่วโมงอึดอัดจะตายอยู่แล้ว !
ทั้งสองมาถึงห้องอาจรย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่ซุนกำลังมานั่งที่โต๊ะ เห็นทั้งสองคนมา เขาก็ยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ ในที่สุดพวกคุณก็มา "
มู่เวยเวยโค้งศีรษะด้วยความเคารพ และพูดเบาๆว่า “ อาจารย์ใหญ่ คุณเรียกพวกเรามา มีธุระอะไรรึเปล่า ? "
อาจารย์ใหญ่ซุนจับแว่นและพูดอย่างสง่าว่า " นั่นสินะ ผลงานการแข่งขันของพวกเธอเป็นที่ชื่นชอบของเย่ฮวางอินเตอร์เนชันแนลกรุ๊ป ตอนนี้พวกเธอก็ศึกษาชั้นปีที่ 4 แล้ว สามารถไปฝึกงานได้แล้ว พรุ่งนี้ไปรายงานตัวที่เย่ฮวางนะ !"
เฉียวซินโยวตื่นเต้นมาก ในที่สุดเธอก็จะได้ไปทำงานที่เย่ฮวางแล้ว ?
งั้นก็ต้องเห็นหน้าเย่ฉ่าวเฉินทุกวัน ถ้าเป็นอย่างนี้.....
มู่เวยเวยตกตะลึงและตื่นตระหนกเล็กน้อย ปกติเวลาอยู่บ้านเย่ เธอก็ถูกเขาทรมานอยู่แล้ว ถ้าหากว่าไปทำงานที่เย่ฮวางกรุ๊ป แสดงว่าโอกาสที่ทั้งสองจะเจอกันก็ยิ่งมากขึ้น เธอก็ยิ่งรู้สึกทรมานจนแทบตายหน่ะสิ !
มู่เวยเวยคิ้วขมวด และพูดอย่างเคารพว่า “ อาจารย์ใหญ่ ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่สามรถทำตามความคาดหวังของประธานเย่ได้ "
หลังจากเฉียวซินโยวได้ยินคำพูดของเธอ ในใจเธอก็มีความสุขมาก จนแทบอยากจะพูดแทนอาจารย์ใหญ่ว่า ไม่ไปก็ไม่ต้องไป !
อาจารย์ใหญ่ซุนประหลาดใจจ้องมองเธอผ่านแว่นตาดำ และถามด้วยความงงงวยว่า " มู่เวยเวย เธอน่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่ฮวางกรุ๊ปนะ เย่ฮวางอินเตอร์เนชันแนลกรุ๊ปเป็นผู้นำในเมือง A คนตั้งมากมายอยากจะเข้า ทำไมคุณถึงปฎิเสธล่ะ? "
มู่เวยเวยสีหน้าเรียบเฉย และพูดอย่างเคารพว่า “ ฉันรู้สึกว่าความสามารถ------- "
ก่อนที่เธอจะพูดจบ อาจารย์ใหญ่ซุนก็ขัดจังหวะเธอ และพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า " เธอถ่อมตัวเกินไป ผลงานเธอในครั้งนี้ได้รับคำชมจากกรรมการทั้งสี่คน ถ้าเธอพูดแบบนี้ ในหนานฮวาก็คงจะไม่มีใครทำได้แล้ว !"
" แต่ว่า....... "
" งั้นก็ตามนี้นะ !" อาจารย์ใหญ่ซุนพูดอย่างหนักแน่น " มู่เวยเวย พรุ่งนี้คุณกับเฉียวซินโยวไปลงทะเบียนที่เย่ฮวาง ฝึกงานหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีนี้ เย่ฮวางจะจ้างพวกเธอต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ความสามารถของพวกเธอแล้ว ! "
หลังจากฟังอาจารย์ใหญ่พูดจบ มู่เวยเวยก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก ในใจรู้สึกเป็นทุกข์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...