วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ นิยาย บท 68

“ไม่!!” มู่เวยเวยพยายามปฏิเสธเสียงแข็ง และพูดสวนทันทีว่า ฉันต้องไปหาปากกาเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ฉันไม่อยากทำเรื่องพรรณ์นั้นกับคุณ!”

เย่ฉ๋าวเฉินไม่สนใจ ยิ้มอย่างเยือกเย็นและพูดว่า “ ตราบใดที่ฉันต้องการ เธอก็ไม่มีสิทธ์ปฎิเสธ !”

พูดจบ เขาก็จูบไปที่ริมฝีปากของเธอ

" อื้อ อื้อ…..เย่ฉ่าวเฉินคนบ้า ตอนนี้ฉันป่วยอยู่ นายไม่กลัวฉันแพร่เชื้อใส่เหรอ? " มู่เวยเวยพูดพลางดิ้นรน

ตอนนี้ในหัวของเธอเต็มไปด้วยเรื่องหาปากกา เธอไม่มีแรงที่จะสู้กับเขา จึงพูดหาเหตุผลที่จะถอยหนีแทน

เย่ฉ๋าวเฉินเหนือมนุษย์มาก แค่เห็นดวงตาสีฟ้ามองเธอ นัยน์ตาสีฟ้าแสดงออกถึงความปรารถนาอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย " ป่วยก็ดี แบบนี้เธอจะได้ไม่มีแรงสู้ฉัน !"

“ คุณ ….. ”

ในขณะเดียวกัน จู่ๆเธอก็รู้สึกเย็นๆที่หน้า มู่เวยเวยจ้องมองดู ที่แท้มันเป็นบัตรธนาคาร !

หันไปมองรุปร่างที่หล่อเหลาของเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า " นี่มันหมายความว่ายังไง ? "

" นี่เป็นรางวัลของคุณ ! " เย่ฉ่าวเฉินพูดกระแทกเสียง

มู่เวยเวยสะดุ้ง ตัวสั่นไปทั้งตัว จ้องมองเขาอย่างดุดัน เกลียดจนอยากจะพุ่งไปฆ่าเขา !

" มากเกินไปแล้วนะ ! เย่ฉ่าวเฉิน คุณทำฉันอับอายแบบนี้ได้อย่างไร ? มู่เวยเวยโกรธและตะโกนถามออกไป แต่เพราะว่าเธอกำลังป่วยอยู่ จึงรู้สึกเวียนหัว

เมื่อเผชิญกับท่าทีเธอ เย่ฉ่าวเฉินก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดอย่างเย็นชาว่า " ถ้าเธอไม่ต้องการก็คืนมาให้ฉัน !"

มู่เวยเวยโยนกลับไปให้เขาด้วยท่าทีหนักแน่น แต่เมื่อฟังเขาพูดประโยคถัดไปจบ เข่าเธอแทบทรุดลงทันที !

แค่ฟังเขาพูดว่า " เดิมเห็นเธอไปกินน้ำบนสระด้วยความลำบาก ดังนั้นจึงเอาเงินหนึ่งล้านให้เธอ ไม่คิดเลยว่าเธอจะโยนมันกลับมา !มู่เวยเวย เธอนี่เปิดโลกฉันจริงๆ !"

มู่เวยเวยกระตุกปากพูดอย่างเร็วว่า " ทำไมคุณไม่พูดให้เร็วกว่านี้ ? คุณรีบเอาเงินมาคืนฉัน !"

เมื่อเห็นท่าทีที่เป็นกังวลของเธอ เย่ฉ่าวเฉินก็กระตุกยิ้มมุมปาก “ คืนให้เธอก็ได้ แต่ว่าเธอจะให้อะไรเป็นข้อต่อรองฉัน ? "

ไม่รอมู่เวยเวยตอบสนองก็ถูกเย่ฉ่าวฉินควบคุมอีกครั้ง เธอตะโกนออกมาด้วยความโกรธ " อ๊ะ เย่ฉ่าวเฉิน ไอ้คนน่ารังเกียจ !"

เมื่อเธอพูดจบ มู่เวยเวยก็รู้สึกร่างกายแทบแหลกสลาย เก็บบัตรธนาคารที่เย่ฉ่าวเฉินทิ้งไว้ เธอเหนื่อยล้าจนหลับไป

หลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มู่เวยเวยก็จำเหตุการณ์เมื่อครู่ได้ทั้งหมด ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

มู่เวยเวย เธอมันบ้า !

เมื่อนึกถึงเจ้าคนใจร้ายเย่ฉ่าวเฉิน มู่เวยเวยก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ เจ้าคนหน้าด้าน !ไร้ยางอาย !ไอ้คนหยิ่งยโส !

......

เช้าวันรุ่งขึ้น มู่เวยเวยก็มาที่บ้านตระกูลมู่ มาพบกับมู่จางรุ่ยและเอาบัตรธนาคารที่เย่ฉ่าวเฉินมายืนให้เขา

มู่จางรุ่ยมองไปที่การ์ดบนมือ กระตุกยิ้มมุมปากและพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า " เวยเวย ครั้งนี้เธอทำได้ดี เธอวางใจเถอะ ฉันจะรีบส่งเงินนี้ไปอเมริกา ถ้าพี่เธอได้เงินจำนวนนี้ไป เชื่อว่าเขาจะต้องหายในเร็ววันแน่ !"

มู่เวยเวยพยักหน้า เธอรู้ลึกโล่งใจและพูดออกมาอย่างจริงใจว่า “ คุณลุง ขอบคุณจริงๆค่ะ “

" คนกันเองทั้งนั้น เธอจะเกรงใจทำไม ? " มู่จางรุ่ยพูดพลางแสร้งยิ้มออกมา

มู่เวยเวยมองไปที่เขา และเอ่ยถามเบาๆว่า " คุณลุง พอจะมีรูปพี่ชายไหมคะ ? ฉันคิดถึงเขา ถ้าหากว่ามี ขอให้ฉันใบหนึ่งเถอะค่ะ หรือว่าจะเป็นวิดิโอของเขาก็ได้ค่ะ !"

ใบหน้าของมู่จางรุ่ยดูบึ้งตึงก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ เขาถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆว่า " ตอนนี้พี่ชายของเธออาการโคม่า นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เอาแบบนี้ ถ้าหากว่าพี่ชายเธอฟื้นขึ้นมา ฉันจะส่งคนไปถ่ายรูปพี่ชายเธอ และเอามาให้เธอตกลงไหม ? "

เมื่อฟังแบบนั้น มู่เวยเวยก็มีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “ งั้นเรื่องนี้ก็รบกวนคุณด้วยนะคะ “

” ไม่มีปัญหา "

เมื่อลามู่จางรุ่ยเสร็จ มู่เวยเวยก็เรียกรถตรงไปที่มหาลัย

วันนี้เป็นวันที่ทางมหาวิทยาลัยจัดงาน 'ออกแบบแฟชั่นโชว์' สถานที่จัดงานคือโรงดนตรีขนาดใหญ่ที่จุคนได้ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันคน

" เวยเวย เธอเร็วหน่อย การแข่งกำลังจะเริ่มแล้ว !" เฉียวซินโยวแสดงท่าทีที่เร่งรีบ

มู่เวยเวยเดินไปข้างหลัง เธอใจเย็นและพูดว่า " ซินโยว ไม่ต้องรีบหรอก ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนการแข่งขัน ไม่สายหรอก "

เฉียวซินโยวมุ่ยริมฝีปากของเธอด้วยความเกลียดชัง และพูดอย่างไม่พอใจว่า “ เรื่องนี้ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันแค่อยากพาเธอไปเร็วหน่อย เพื่อทำความเข้าใจกับกรรมการรับเชิญในครั้งนี้ เรื่องนี้สำคัญมากนะ !”

" ทำไมล่ะ ? " มู่เวยเวยไม่เข้าใจที่เธอพูด

เฉียวซินโยวเคาะหัวเธอ และเอนตัวกระซิบข้างหูเธอว่า แน่นอนว่าต้องไปสร้างปฏิสัมพันธ์ก่อนสิ " สร้างความสัมพันธ์ในเรื่องนี้สำคัญกว่าผลงานอีกนะ !"

มู่เวยเวยตกตะลึง เธอหยักหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

เมื่อเห็นท่าทางที่งงงวยของมู่เวยเวย ในใจเฉียวซินโยวจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกดูถูกเธอ และรู้สึกว่าเธอมีดีก็แค่ออกแบบเก่งกว่าเธอแต่อย่างอื่นนั้นเธอแทบสู้ไม่ได้เลย !

มันไม่ยุติธรรมเลย แค่การสร้างความสัมพันธ์กับคนเธอยังไม่รู้เลย ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเย่ฉ่าวเฉินถึงเลือกเธอ !

ในใจของเฉียวซินโยวรู้สึกตื่นเต้น เธอดึงแขนของมู่เวยเวยจะบอกว่า " เวยเวย คุณชายเย่ มาแล้ว !"

มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมา พอดีกับที่เย่ฉ่าวเฉินเดินมาทางนี้พอดี ข้างๆเขายังมีหนานกงเฮ่า !

" ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ? " เมื่อรอให้ทั้งสี่คนยืนพร้อมหน้ากัน มู่เวยเวยมองไปที่พวกเขา และเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย

เย่ฉ่าวเฉินมีท่าทีที่สงบและพูดอย่างเย็นชาว่า “ ผู้ดูแลหนานฮวา เชิญฉันและเฮ่ามาเป็นกรรมการรับเชิญในการแข่งขันครั้งนี้ "

มู่เวยเวยรู้สึกประหลาดใจ ได้ยินหนานกงเฮ่าที่อยู่ข้างๆ ยิ้มมุมปากและพูดว่า " เวยเวย ฉันได้ยินว่าผลงานของพวกคุณได้รับเลือกแล้ว ไว้ถ้ามีโอกาสฉันจะไปเยี่ยมชมดูนะ !"

มู่เวยเวยยิ้มและพูดเบาๆว่า “ ไม่ใช่มีแค่ผลงานของพวกเราเสองคนที่ได้รับเลือกนะ ผลงานของนักเรียนคนอื่นๆก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน "

เมื่อเฉียวซินโยวเห็นทั้งสองคนคุยกันอย่างมีความสุข ในใจก็เกิดความหึงหวง และพูดออกไปว่า " เมื่อครู่ฉันบอกว่าจะไปพบกรรมการผู้ทรงเกียรติ ที่แท้ก็เป็นคนคุ้นเคยกันนี่เอง ถ้าอย่างนั้นคุณชายเย่และคุณชายหนานกง ได้โปรดดูแลพวกเราด้วย !"

เย่ฉ่าวเฉินหันมามองเธอ พลางนึกถึงเรื่องเนื้อหาการแข่งขันในใจ ผลการตรวจสอบจากจางเห่อก็ออกมาแล้วว่า ผู้เขียนผลงานชิ้นนี้ก็คือ เฉียวซินโยว !

จนถึงตอนนี้ เขาถึงเชื่อจริงๆแล้วว่า ผู้หญิงในคืนนั้นก็คือเฉียวซินโยว

เมื่อมู่เวยเวยได้ยินคำพูดของเฉียวซินโยว ก็รู้สึกอายเล็กน้อยและหัวเราะว่า " ซินโยวเธอล้อเล่นอะไรกัน อย่าทำให้พวกเขาลำบากใจเลย ผลจะเป็นยังไงก็ให้เป็นตามนั้น ไม่ต้องใช้สิทธิพิเศษอะไรหรอก ทำแบบนี้มันจะไม่ยุติธรรมกับผู้แข่งขันคนอื่นๆ !"

เมื่อได้ยินมู่เวยเวยพูดแบบนั้น เฉียวซินโยวก็แทบจะฉีกปากเธอทิ้ง !

ครั้งแรกเธอไม่รู้ว่ากรรมการเป็นใคร ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะคุยกับเขาก่อน แต่ไม่คิดเลยว่ากรรมการจะเป็นเย่ฉ่าวเฉินกับหนานกงเฮ่า เพียงแค่อาศัยความเป็นเพื่อนของมู่เวยเวย เธอก็รู้สึกถึงแสงสว่างของตัวเอง ไม่นึกเลยว่าจะถูกนังมู่เวยเวยสารเลวคนนี้ทำลาย !

เย่ฉ่าวเฉินสังเกตว่าเฉียวซินโยวไม่ค่อยดีใจ เขาหยุดคิดและพูดออกไปเบาๆ ว่า “ฉันได้เห็นผลงานของคุณหนูเฉียวแล้ว ไม่เลวเลย !”

มู่เวยเวยสะดุ้ง ไม่คิดว่าเย่ฉ่าวเฉินจะพูดแบบนั้นออกมา ในใจเธอรู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ในใจของเฉียวซินโยวมีความสุขมาก เธอไม่คิดเลยว่า จะได้รับคำชมจากเย่ฉ่าวเฉิน !

เธอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เฉียวซินโยวพูดอย่างมีความสุขว่า “ ขอบคุณคุณชายเย่ ที่ชื่นชมฉัน “

” อืม “ เย่ฉ่าวเฉินหยักหน้า

รอยยิ้มบนใหน้าของเฉียวซินโยวดีขึ้น ถึงแม้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนสร้างผลงาน แต่บนผลงานนั้นก็เขียนชื่อของเธอ !

มู่เวยเวยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่าเขาชมเฉียวซินโยว แต่เป็นเพราะนับตั้งแต่แต่งงานกันมา นอกจากจะทะเลาะกันอย่างไม่รู้จบแล้ว เขาไม่เคยแสดงสีหน้าที่ดีกับเธอ และตอนนี้เขายังชมคนอื่นอีก ทั้งๆที่มันเป็นผลงานของเธอ มันทำให้เธอไม่มีความสุขแม้แต่น้อย

ที่แท้เขาเป็นคนอ่อนโยนกับคนอื่นจะเป็นใครก็ได้ แต่ไม่ใช่เธอคนเดียว

" ฉันกลับชอบผลงานของมู่เวยเวยนะ ไม่เพียงแต่ความคิด ยังน่าสนใจทีเดียว ! " ทันใดนั้น หนานกงเฮ่าที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้น

มู่เวยเวยเงยหน้าขึ้นมองด้วยความขอบคุณ ก่อนจะพูดเบาๆว่า “ หนานกง ขอบคุณสำหรับคำยืนยันค่ะ !”

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่รอยยิ้มของเธอที่ให้หนานกงเฮ่า หน้าของเขาก็ดูมืดมนทันทีและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ ใกล้ถึงเวลาแล้ว เราไปสถานที่จัดงานกันเถอะ !”

.......

พวกเขากังวลว่าจะถูกคนนินทา ทั้งสี่คนจึงแยกกันไปสถานที่จัดการแข่งขัน

เย่ฉ่าวเฉินและหนานกงเฮ่าถูกผู้อำนวยการโรงเรียนเชิญให้ไปนั่งที่อันทรงเกียรติ ในขณะที่มู่เวยเวยและเฉียวซินโยวนั่งเก้าอี้ผู้เข้าแข่งขันทางด้านทิศตะวันตกร่วมกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นอีกแปดคน

ทางใต้ของเวทีเป็นที่ให้ผู้เข้าชมเข้ามาดู ในตอนนี้อัดแน่นไปด้วยผู้ชม พวกเขาล้วนเป็นนักเรียนของโรงเรียน ทยอยเข้ามาดูการแข่งขัน

ทางทิศตะวันออกของเวทีเป็นที่สำหรับกรรมการอันทรงเกียรติ นอกจากเย่ฉ่าวเฉินและหนานกงเฮ่าแล้วยังมีบริษัทที่มีชื่อเสียงอีกสองแห่ง ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการตัดสินด้วย

ครูใหญ่กล่าวเปิดงานสั้นๆและอธิบายเกี่ยวกับกฏการแข่งขัน และให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสิบคนมาจับฉลากเพื่อกำหนดลำดับการแข่งขัน จากนั้นก็ให้ผู้เข้าแข่งขันขึ้นเวทีเพื่อบอกเล่าแรงบันดาลใจและความคิดผลงานของพวกเขา

สุดท้ายตัดสินคะแนนโดยกรรมการทั้งสี่ท่าน แต่ละท่านมี 10 คะแนนรวมเป็น 40 คะแนนเต็ม

" เวยเวย ไม่คิดว่าเธอจะจับได้เป็นคนสุดท้าย ! " เฉียวซินโยวพูดออกมาด้วยสีหน้าไม่ดีใจ

ยิ่งได้ลำดับหน้าเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะทำให้ง่ายต่อการดึงดูดความสนใจของกรรมการ ถ้าลำดับอยู่ท้ายมากเท่าไหร่ กรรมการก็จะรู้สึกล้าในการดูผลงาน ทำให้คะแนนออกมาไม่ดีนัก

มู่เวยเวยเพียงพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้เข้าแข่งขันคนแรกเป็นผู้ชาย เขาได้คะแนนรวมไป 34 คะแนน

ถ้าตามลำดับ อีกแปปก็จะถึงคิวของเฉียวซินโยวแล้ว เธอยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทางมั่นใจและพูดอย่างอ่อนโยนว่า " สวัสดีทุกท่าน ฉันชื่อ เฉียวซินโยว แนวคิดในการทำงานของฉันมาจากธรรมชาติ เพราะธรรมชาติสร้างเราและบ้านของเรา มันเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงเรามาหลายชั่วอายุคน ฉันคิดว่าทรัพยากรก็คือจิตวิญญาณของพวกเรา ผสมผสานเข้ากับแฟนชั่นในปัจจุบัน....."

เฉียวซินโยวพูดไปประมาณ 10 นาที แต่ได้รับเสียงปรบมือนานถึง 5 นาที เมื่อกรรมการให้คะแนน เขาต่างชื่นชมในแนวคิดของเธอ แม้แต่เย่ฉ่าวเฉินก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปากเขา

" ฮู่ว.....บนเวทีเมื่อกี้ฉันตื่นเต้นแทบแย่ เวยเวยเธอได้ยินไหม ? กรรมการให้คะแนนฉันตั้ง 38 คะแนน เยี่ยมไปเลย !" เฉียวซินโยวกลับมาที่นั่งของเธอ และพูดอย่างตื่นเต้น

มู่เวยเวยแสดงสีหน้าที่พอใจบนหน้าเธอ เธอไม่ได้คาดหวังว่าผลงานของเธอจะได้คะแนนสูงขนาดนี้ อันที่จริงแนวคิดการออกแบบที่เฉียวซินโยวได้พูดไปนั้น มันเป็นแรงบันดาลใจในการเริ่มทำผลงานชิ้นนี้ เธอเคยพูดกับเฉียวซินโยวไว้

เวลาค่อยๆผ่านไป จนถึงเวลาที่มู่เวยเวยจะขึ้นเวที ตอนนี้คนที่ได้รับคะแนนสูงสุดคือ เฉียวซินโยวคือ 38 คะแนน

ลุกขึ้นยืน มู่เวยเวยเตรียมขึ้นเวที ในขณะนี้เฉียวซินโยวพูดว่า “ เวยเวย ไม่ต้องเครียด สู้ๆนะ !”

” ฉันรู้แล้ว “ มู่เวยเวยพยักหน้า เดินขึ้นเวทีไป

เมื่ออยู่บนเวที มู่เวยเวยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ขณะนี้ดวงตานับพันคู่กำลังจ้องมองเธออยู่

เธอก้มลงไปมองที่ผลงานของเธอ พลังงานสูบฉีดไปทั่วร่างกายของเธอ เธอค่อยๆสงบสติ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมว่า “ สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อมู่เวยเวย “

มู่เวยเวยจ้องมองผลงานของตัวเอง " ฉันตั้งชื่อผลงานนี้ว่า Linghai โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากดวงตาสีม่วงคู่หนึ่งที่ดูลึกราวกับทะเลลึก พวกเรามองว่าดวงตาคือหน้าต่างของจิตวิญญาณ มันสะท้อนให้เห็นถึงความดีความชั่วในจิตใจของมนุษย์ ราวกับกระจกที่สะท้อนแก่นแท้ของจิตวิญญาณ...... "

เย่ฉ่าวเฉินมองไปที่เธอด้วยแววตาที่ดูลึกลับส่องแสงสะท้อนในดวงตาสีฟ้า

หลังจากกล่าวจบ มีเสียงปรบมือดังก้องจากผู้ชมเสียงปรบมือดังไปทั่วชั้นล่าง มู่เวยเวยรู้สึกไม่น่าเชื่อกับแรงผลักดันของผลงานเธอจะดังก้องขนาดนี้

ใช้เวลากว่า 10 นาทีก่อนที่เสียงปรมมือจะเงียบลง เฉียวซินโยวที่มองอยู่ในกลุ่มผู้ชม เธอจิกเล็บลงไปในเนื้อด้วยความโกรธจนแทบบ้า เธอโดนบดบังอีกแล้ว !

อย่างไรก็ตามเสียงปรบมือของผู้ชม ก็ไม่ได้แสดงถึงผลตัดสินของกรรมการ ดังนั้นเธอจึงยังมีโอกาส ขอเพียงแค่คะแนนของมู่เวยเวยน้อยกว่าเธอ เธอก็จะกลายเป็นผู้ชนะในวันนี้ !

มู่เวยเวยเม้มริมฝีปาก และมองไปที่กรรมการทั้งสี่คนที่จะตัดสินชะตากรรมของเธอ

แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ครั้งนี้ยังไม่มีกรรมการคนใดยกป้ายคะแนนเลย !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ