เมื่อเผชิญกับความสงสัยของเขา " มู่เวยเวยจึงอธิบายว่า ฉันจะมีจุดประสงค์อะไรได้ ฉันก็แค่อยากรู้อะไรหน่อย แค่ไม่คิดว่าโลกนี้จะมีเรื่องอัศจรรย์แบบนี้ ว่าแต่คุณมาที่นี่ได้อย่างไร คุณเป็นมนุษย์ต่างดาวเหรอ ? "
เอเลี่ยน ?
ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเธอมีมนต์ขลัง ? เหอะ…..
เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่กลัวเขา และยังอยากรู้อยากเห็นในตัวเขา
ในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่มองเขาแปลกๆและใช้คำพูดที่ดูถูก
" ปกติเวลาที่คุณไม่ได้อยู่ในห้องนี้ คุณไปอยู่ที่ไหน ? ไปทำงานหรอ ? หรือไปทำอะไร ? " มู่เวยเวยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ รอเขาตอบแทบไม่ไหว
เมื่อชายตาม่วงได้ยินคำถามมากมายจากเธอ รู้สึกว่ามีเสียงในหูเยอะเกินไป จึงพูดออกไปว่า " ทำไมคุณพูดมากจัง เธอไม่รู้สึกรำคาญตัวเองเหรอ ? "
เมื่อเผชิญกับความสงสัยของเขา มู่เวยเวยจึงไม่พอใจ และพูดบ่นว่า " เพราะว่าฉันเหงาไง ตั้งแต่พี่ชายฉันหายตัวไป ฉันก็โดนจับแต่งงานกับไอ้บ้าเย่ฉ่าวเฉิน ฉันไม่มีใครที่สามารถพูดอะไรได้เลย....."
" เรื่องพวกนี้เกี่ยวไรกับฉัน ? " ชายคนนั้นขึ้นเสียงถาม
มู่เวยเวยตกใจกับเสียงของเขา เมื่อมองไปที่ใบหน้าเขาเธอก็รู้สึกตกตะลึง
คำพูดแบบเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้เธอก็ได้ยินจากปากของเย่ฉ่าวเฉิน !
การแสดงออกและท่าทางของทั้งสองคน มีความคล้ายคลึงกันมาก !
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคืออะไรกัน ? ทำไมถึงมีคนที่คล้ายกันสองคนอยู่บนโลกนี้ ?
เขาคือใครกันแน่ ?
เซียน ? อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย !
" เป็นอะไรไป ? " เมื่อเห็นว่าเธอสติหลุด ชายตาม่วงจึงถามเธอด้วยน้ำเสียงต่ำ
มู่เวยเวยจ้องมองใบหน้าของเขา ไม่แสดงสีหน้าออกมา จากนั้นก็พูดอย่างเบาๆว่า “ คุณคือเย่ฉ่าวเฉิน !”
ไม่ใช่คำถาม แต่คือการยืนยัน
ชายตาม่วงตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ เย่ฉ่าวเฉินเป็นใครกัน ? “
ไม่มีความตื่นตระหนก ไม่มีความผิดปกติใดๆ ท่าทีของเขาดูเป็นปกติธรรมชาติ จนเธอคิดว่าเธออาจจะเดาผิดไป
มู่เวยเวยเห็นตัวจากตรงนั้น เมื่อเธอไม่พบเบาะแสอะไร ในใจเธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก
" คุณเคยเจอเจ้าของห้องนี้ไหม ? เขาก็คือเย่ฉ่าวเฉิน !"
" แล้ว ? " ชายตาม่วงไม่เข้าใจความหมาย
มู่เวยเวยยิ้มมุมปาก พลางอธิบายว่า " คุณกับเขาเหมือนกันมาก ต่างกันเพียงแค่สีตา คุณเป็นสีม่วง แต่ของเขาเป็นสีฟ้า "
" เหมือนกันเป๊ะ ? " ชายตาม่วงพึมพำสีหน้าดูไม่เข้าใจ ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเชื่อ
มู่เวยเวยพยักหน้า ดูเหมือนจะกระตุ้นความสนใจของเขาได้ ในใจเธอรู้สึกตื่นเต้น และพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวนว่า " ใช่สิ เหมือนกันทุกประการเลย คุณไม่รู้สึกแปลกรึไง ฉันจะพาคุณไปเจอเขา พวกคุณควรเจอกันนะ ? "
โชคไม่ดีที่ความคิดของเธอล้มเหลว
ชายตาม่วงสงบนิ่ง เขาพูดออกมาเพียงสามคำว่า " ไม่สนใจ "
มู่เวยเวยอดไม่ได้ที่จะท้อแท้ ในใจมืดมนเล็กน้อย
" ฉัน..... “
ชายชุดม่วงเห็นเธอไม่พอใจ ก็เลยพูดขึ้นมาว่า " อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ !"
เมื่อได้ยินเขาอธิบาย มู่เวยเวยก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงถามไปว่า “ ทำไม ? ”
ชายตาม่วงหยุดคิด และพูดเบาๆว่า “ เหตุผลยังคงต้องเก็บเป็นความลับ ”
ฉันไป.....ประโยคนี้อีกแล้ว !ไม่พูดเสียยังจะดีกว่า !
มู่เวยเวยถอนหายใจ ตัวตนของผู้ชายตรงหน้าแปลกๆ ไอคิวเขาก็ไม่ต่ำ มันนานมากแล้วที่เธอไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มานานแล้ว !
อยากพาเขาออกไป เขาไม่ไป อยากออกไปตะโกนเรียกคน ว่าเขามีพลังธรรมชาติ.....แต่ก็เล่นไม่ได้ !
ถ้างั้นเธอจะทำอย่างไรดี ?
ในขณะเดียวกัน มู่เวยเวยสังเกตเห็นว่าอุณหภูมิในห้องลดลง ขนลุกไปทั่วร่างกายของเธอ เธอตัวหนาวสั่น และบทสนทนาของเธอกับเย่ฉ่าวเฉินก็ดังเข้ามาในหัวของเธอ
--ทำไมถึงเข้าห้องนั้นไม่ได้ ?
--ในห้องนั้นเคยมีคนตายข้างๆโต๊ะ ฉันก็ต้องเห็นด้วยตาตัวเอง ถ้าไม่กลัวถูกผีตาม ก็เข้าไปลองดู !
มู่เวยเวยไม่เชื่อในสิ่งที่ผีพูดหรอก เธอจึงเข้าไปในห้องนั้น แต่เจอเพียงแค่ชายตาม่วง
เพียงแค่ เธอคิดได้ว่า ชายคนนี้ซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้ บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องในอดีตก็ได้ !
เมื่อคิดได้ เธอก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชายคนนั้น และถามด้วยความแปลกใจว่า " ฉันได้ยินว่า ในห้องนี้เคยมีคนตาย คุณคงไม่ใช่คนที่ตายไปคนนั้น แล้วกลายเป็นผีใช่ไหม ? "
ชายตาม่วงได้ยินเธอพูดจบ ในใจเขาก็นึกหัวเราะออกมา จากนั้นเขาจึงแกล้งเธอต่อด้วยน้ำเสียงอึกอัก ใช่แล้ว " ไม่คิดว่าเธอจะเดาถูก "
“ อ๊ะ !!” มู่เวยเวยเบิกตากว้าง น้ำเสียงตกใจ “ คุณ.....คุณคงไม่ใช่ผีคนที่ตายนั้นจริงๆใช่ไหม ? ”
ชายตาม่วงเม้มริมฝีปาก สีหน้าไม่เห็นด้วย " ถูกแล้ว ฉันก็คือคนที่ตายเป็น.....ผี.... "
เมื่อได้ยินคำสารภาพจากปากของเขา มู่เวยเวยก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จิตใต้สำนึกเธออดไม่ได้ที่จะสงสัยถาม ถ้าอย่างนั้นคุณตายยังไง ?
มุมปากของชายตาม่วงกระตุกขึ้น ผู้หญิงคนนี้โง่จริงๆ !
เขาครุ่นคิดสักพัก และพูดอย่างช้าๆว่า " ฉันจำได้ว่าคืนนั้นมีฟ้าแลบฟ้าร้องดังมาก ฉันตกใจกลัวจนเป็นลมไป พอตื่นขึ้นมา ตัวฉันก็ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ และก็มีพลังที่สามารถทำสิ่งเหลือเชื่อได้ "
เมื่อฟังเขาพูดจบ มู่เวยเวยก็เบิกตากว้าง เธอได้รู้สิ่งใหม่ !
เสียงฟ้าร้องก็ทำให้คนตายได้ ?
คนตายก็สามารถฟื้นขึ้นมาได้ ?
เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้รับพลังพิเศษ ? ?
นี่เป็นโชว์วิทยาศาสตร์รึไง !
เธอรู้สึกถึงผมสีดำลุกขึ้นสามเส้น ในใจของมู่เวยเวยแทบไม่อยากเชื่อ
หลังจากจ้องมองเขาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ มู่เวยเวยเลยเชื่อเขา เธอจึงพยักหน้าพูดต่อ " งั้นคุณมีพลังพิเศษอะไร ? แสดงให้ฉันดูหน่อยได้ไหม ? "
ชายตาม่วงไม่ได้ตอบอะไร เขายื่นมือออกไปโบกสะบัด ถ้วยน้ำชาและกาน้ำชาก็เหมือนจะมีขายาวออกมา และก้าวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเห็นแบบนี้ มู่เวยเวยก็ตกตะลึงและพูดว่า " มันช่างน่าทึ่งจริงๆ คุณยังมีทักษะอะไรให้ฉันชื่นชมอีกไหม ฉันยังไม่เคยเห็นอะไรที่วิเศษขนาดนี้มาก่อน !"
เมื่อได้ยินมู่เวยเวยขอร้อง ชายตาม่วงก็ไม่ได้ว่าอะไรและแสดงทักษะให้เธอได้ชมอีกมากมาย ทำให้มู่เวยเวยอยากปรบมือชมเขา
ใช่แล้ว ! มู่เวยเวยมองดูการแสดงพลางถามชื่อของเขา " คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย คุณชื่ออะไร ? "
ชายตาม่วงมองเขาครู่หนึ่ง เขาค่อยๆตอบว่า “ ฉันชื่อเสี่ยวจื่อ “
เอ่อ.....เสี่ยวจื่อ ?
ชื่อนี้จริงๆมัน.....
แน่นอน เธอคิดในใจ ไม่กล้าพูดออกมา เพราะเธอรู้ว่าผลที่ตามมามันร้ายแรง !
" เอ่อ.....ฉันขอถามหน่อย ชื่อนี้ใครเป็นคนตั้งให้คุณ ? " มู่เวยเวยกลั้นยิ้มและถามอย่างสงบ
ชายตาม่วงมองเธอ ขมวดคิ้ว " เธอนี่ปัญหาเยอะจริงๆ "
มู่เวยเวยยิ้มแห้ง และกำลังจะพูดต่อ จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้นมา ' กริ๊ง กริ๊ง ' เธอหยิบมันออกมาและมองข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์
เมื่อกดดู คิ้วมองมู่เวยเวยก็ขมวดขึ้นมา
คนที่ส่งข้อความมาคือคุณลุงมู่จางรุ่ย ข้อความเขียนว่า :
เวยเวย เพิ่งมีข่าวมาจากอเมริกา มู่เทียนเย่อาการแย่ลง จำเป็นต้องใช้เงินหนึ่งล้าน !!
มู่เวยเวยอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้า เธอรู้ว่าสถานการณ์กำลังคับขัน เธอรีบตอบกลับข้อความ
เข้าใจแล้วค่ะ
เงยหน้าขึ้นมา มู่เวยเวยมีท่าทีที่กังวล เธอรีบพูดว่า " เสี่ยวจื่อ ฉันมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ ไปก่อนนะ ค่อยคุยกันใหม่วันหลัง !"
" อืม "
เมื่อได้ยินเขาตอบ มู่เวยเวยรีบหันหลังเดินออกไป เดินตรงไปที่ห้องหนังสือของเย่ฉ่าวเฉิน เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
เมื่อเข้าไปในห้องหนังสือ มู่เวยเวยก็เห็นเย่ฉ่าวเฉินกำลังจดจ่ออยู่กับงาน เธอก็รู้สึกโล่งใจ
ยังดีเพราะเมื่อครู่เธอคิดว่าทั้งสองเป็นคนคนเดียวกัน เสี่ยวจื่อคงไม่สามารถผ่านกำแพงมาที่นี่ได้ เธอคงจะคิดมากไป
แม้ว่าเสี่ยวจื่อจะดูเย็นชา แต่ก็ยังดีกว่าเจ้าปีศาจเย่ฉ่าวเฉินมาก ในใจเธอหวังว่าให้เป็นแบบนั้น
มู่เวยเวยดึงสติกลับมา เดินไปที่ข้างๆเย่ฉ่าวเฉิน ดูท่าทางที่สมบูรณ์แบบของเขา เธอพูดอย่างระวังว่า " เย่ฉ่าวเฉิน ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ "
เย่ฉ่าวเฉินเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าของเขาเย็นชา และถามอย่างไม่สนใจว่า " มีเรื่องอะไร ? "
มือของมู่เวยเวยเหงื่อไหล เธอไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่เมื่อคิดถึงเรื่องของพี่ชาย เธอก็กัดฟันพูด “ ฉัน.....ฉันขอยืมเงินคุณ..... ”
เย่ฉ่าวเฉินเห็นท่าทีที่เกร็งของเธอ ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายและถามไปว่า " ยืมเงินไปทำไม ? "
ฉัน..... มู่เวยเวยชะงักและคิดว่าเธอไม่สามารถบอกเรื่องพี่ชายเธอได้ จึงพูดไปว่า “ ยังไงก็ตามมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะหามาคืนคุณโดยเร็วที่สุด !”
มุมปากของเย่ฉ่าวเฉินกระตุกยิ้มขึ้น นิ้วชี้ขวาของเขาเคาะโต๊ะ และพูดอย่างไม่สนใจว่า " เธอบอกมาว่าจะเอาเงินไปทำอะไร ทำไมฉันถึงต้องให้เธอยืม ? "
“ ฉัน..... ”
มู่เวยเวยถูกคำพูดของเขาดักไว้ เมื่อคิดว่าจะถามเขา เธอจึงลดท่าทีลง “ งั้น.....เย่ฉ่าวเฉิน เพียงแค่ฉันบอกว่าเอาไปทำอะไร คุณก็จะให้ฉันยืมใช่ไหม ? "
เมื่อเจอกับคำถามของเขา เย่ฉ่าวเฉินก็เอามือเท้าคาง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เหยียดหยามว่า " มู่เวยเวย ตอนนี้เธอกำลังขอร้องฉันเหรอ ระวังสถานะเธอหน่อย !"
ไอ้คนบ้านี่ !
มู่เวยเวยสาปแช่งเขาเงียบๆ เธอรู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง เธอไม่มีสิทธิ์พอที่จะไปต่อรองกับเขาเหรอ ?
" กลุ่มบริษัทมู่ซื่อต้องการเงินก้อนหนึ่งเผื่อหมุน สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดี ในฐานะของคนตระกูลมู่ ฉันไม่สามารถนั่งเฉยได้ “ ดังนั้น..... “ มู่เวยเวยครุ่นคิดสักพักแล้วตอบไป
" ถ้าฉันจำไม่ผิด บริษัทมู่ซื่อในตอนนี้อยู่ในความดูแลของมู่จางรุ่ย เธอยืมเงินให้เขา ฉันควรจะบอกว่าเธอมีเกียรติ หรือว่าเธอโง่กันแน่ " เย่ฉ่าวเฉินพูดด้วยเสียงที่เย็นชาและประชดประชัน
มู่เวยเวยยังแสดงออกเหมือนเดิม “ บริษัทนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่เธอสร้างมา อีกอย่างคุณลุงก็คือคนในครอบครัว ไม่ใช่คนนอก !”
เย่ฉ่าวเฉินเงียบไปครู่หนึ่งและถามออกไปว่า “ เธอจะยืมเท่าไหร่ ? "
มู่เวยเวยสีหน้าดีใจ และพูดเรียบๆว่า “ หนึ่งล้าน !”
เย่ฉ่าวเฉินมีท่าทีตกใจ และยิ้มด้วยความเย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
มู่เวยเวยมองดูเขา ไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ เธอรู้สึกกังวล ยิ่งเห็นเขาไม่พูดอะไร เธอกัดริมฝีปากพลางพูด “ เอ่อ ฉัน..... ฉันรู้ว่ามันเป็นจำนวนที่มาก แต่ว่าฉันจะหามาคืนคุณให้เร็วที่สุด หวังว่าคุณ..... “
เย่ฉ่าวเฉินเม้มริมฝีปากเหลือบมองเธอ " ฉันไม่ใช่คนใจดี ในเมื่อเธอบอกว่าจะยืม ถ้างั้นก็ต้องมีเวลา เธอคิดว่าจะคืนฉันเมื่อไหร่ ? "
มู่เวยเวยจิกนิ้วมือ ในใจเธอรู้ดีว่า ด้วยความสามารถของเธอ เป็นไปได้ยากที่เธอจะเก็บเงินได้มากพอ ถึงแม้ว่าเธอจะทำงานหนักขนาดไหนก็ตาม ภายในเวลาอันสั้นเธอไม่สามารถคืนเขาได้แน่
แต่ ณ จุดนี้ เธอจะหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว เธอกัดฟันพูดอย่างแน่วแน่ " ให้เวลาฉันสามปี ภายในสามปีฉันจะหามาคืนคุณแน่นอน !"
สถานการณ์ของพี่ชายเธอไม่สู้ดี เธอไม่สามารถลังเลต่อไปได้อีกแล้ว !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์สายฟ้าแลบ กับคุณสามีผู้ลึกลับ
ขอบคุณแอดค่ะ...สนุกค่ะ......
สนุก...