พอมาลินีสงบสติอารมณ์ลงได้ สีหน้าของเธอก็กลายเป็นการดูถูกเหยียดหยามในทันที เธอไม่เชื่อเลยสักนิดว่าอคิรามีภรรยาแล้ว เธอหัวเราะกับความคิดนี้ และตั้งข้อสังเกตว่า “คุณต้องไปเอาเงินมาจากเงินกู้นอกระบบแน่ ๆ ตอนนี้คุณอยากจะเอาคืนฉัน คุณก็เลยโกหกแบบนี้ น่าตลกเสียจริง!”
เมื่อวานฉันไปที่บ้านของอคิรามา และดูเหมือนว่าเขาไม่ได้มีภรรยาสักหน่อย ถ้าเขามีจริง ๆ ทำไมเขาถึงยังไปนัดบอดกับฉัน เขาไม่สนใจเหรอไงว่าเขาจะมีภรรยาพร้อมกันสองคนน่ะ
เมื่อเห็นว่าเธอสงสัยเขา ฟากฟ้าก็เริ่มตื่นตระหนก
อคิราจึงต้องไปดึงแขนของเขาไว้ การช่วยแม่ของเขาเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดตอนนี้ ทำไมเขาต้องไปสนใจด้วยว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดเรื่องไร้สาระอะไร
เมื่อสังเกตเห็นอคิรา มาลินีไม่ได้พยายามซ่อนรอยยิ้มเยาะของเธอเลย “อคิรา ฉันได้ยินมาว่าคุณมีภรรยาแล้ว ใครกันจะเต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณ ทำไมคุณไม่ส่งรูปของเธอมาให้ฉันดูล่ะ ฉันจะได้เห็นว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร”
แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะส่งรูปมิเรียมให้มาลินีเพียงเพื่อจะทำให้เธออับอาย อย่างแรกเลย ฉันไม่มีรูปของมิเรียม อย่างที่สองคือยังไงผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่เชื่อฉันอยู่ดีแม้ว่าฉันจะเอารูปให้เธอดูก็ตาม และอย่างที่สาม มิเรียมไม่ใช่ภรรยาของฉันจริง ๆ แล้วมันจะมีอะไรให้โอ้อวดได้ล่ะ
ดังนั้นเขาจึงนิ่งเงียบขณะดึงตัวฟากฟ้าไปที่ห้องผ่าตัด อย่างไรเสีย สิ่งที่สำคัญที่สุดที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือการเร่งให้โรงพยาบาลดำเนินการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด
การที่เขาไม่กล้าโต้กลับยิ่งทำให้เธอขบขันมากขึ้นเท่านั้น “เหอะ! คุณสองคนก็เป็นแค่ขี้แพ้จน ๆ ที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างดื้อรั้น!”
หลังจากเลิกงานในเย็นวันนั้น อคิราก็กลับบ้าน เขายังคงขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพราะเขาไม่มีเงินซื้อรถ
ระหว่างการเดินทางกลับ เขาเอาแต่คิดถึงฟากฟ้า เราได้กำหนดเวลาผ่าตัดแล้ว แต่ฉันเกรงว่าฟากฟ้าจะใช้เวลาหลายปีในการหาเงินมาคืน เงินหกหมื่นจากแม่ของเขานั้น ฟากฟ้าเขาจะจ่ายคืนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สำหรับมิเรียม ใครจะไปรู้ว่าเธอจะทำอย่างไรถ้าฉันคืนเงินสองแสนที่ฉันยืมมาจากเธอมาช้าไปหลายปี
เขาหมกมุ่นอยู่กับความคิดของเขามากจนบังเอิญชนเข้ากับด้านหน้าของรถเบนท์ลีย์ขณะเลี้ยวเข้าโค้ง
ปัง!
แรงกระแทกทำให้เขาล้มลงกับพื้น และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของเขาก็ซีด ฉิบหายแล้ว! นี่มันรถราคาแพงซะด้วย!
คนขับรถเบนท์ลีย์ก้าวออกจากรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “เฮ้ คุณเป็นอะไรไหม”
ชายคนนั้นบีบแตรรถก่อนจะเลี้ยวเพื่อเตือนคนอื่น ๆ ตรงสี่แยก อย่างไรก็ตาม อคิราไม่ได้ชะลอความเร็วเลย ดังนั้นเขาจึงมองว่าอุบัติเหตุนั้นเป็นความผิดของอคิรา
อย่างไรก็ตาม เขาอดไม่ได้ที่จะกังวลเพราะพื้นที่นั้นไม่มีกล้องวงจรปิด ถ้าเขาไม่ลุกขึ้น เมื่อตำรวจจราจรมาถึงที่นี่ พวกเขาน่าจะตัดสินให้รถยนต์ที่รับผิดชอบต่ออุบัติเหตุ และถ้าผู้ชายคนนี้จัดฉากอุบัติเหตุนี้ขึ้น เขาอาจจะถึงขั้นแบล็กเมล์เจ้านายของฉันเพื่อเงินก้อนโตเลยก็ได้!
ด้วยความกังวลในใจ คนขับไม่กล้าตำหนิอคิราทั้ง ๆ ที่เขาโกรธ กลัวว่าคนหลังจะไม่พอใจและแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ผมไม่เป็นไรครับ! ขอโทษนะครับ!” อคิรารีบลุกขึ้น แม้ว่าน่องของเขาจะมีเลือดออก แต่เขายังคงยืนยันว่าเขาไม่เป็นอะไร
เขารู้ดีว่าเขาเป็นฝ่ายทำให้เกิดอุบัติเหตุเพราะเขาไม่ชะลอรถที่หัวมุมถนน และหากอีกฝ่ายเรียกร้องค่าเสียหาย เขารู้ว่ามันจะไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยแน่ ดังนั้น เขาจึงเดินกะเผลกออกไปอย่างรวดเร็วขณะไถสกู๊ตเตอร์ของเขาไปหลังจากขอโทษเสร็จ
เมื่อเขาจากไป ในที่สุด มิเรียมก็โผล่ออกมาจากรถ เธอขมวดคิ้วในขณะที่มองดูเขาเดินโซเซออกไป เขาทำบ้าอะไรน่ะ เขาขับรถไปรอบ ๆ อย่างเหม่อลอยได้อย่างไร เขาพยายามจะฆ่าตัวตายหรือไง
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าชายที่เพิ่งขับชนรถคือสามีของเธอ คนขับรถจึงถามว่า “คุณมิเรียมครับ เราต้องโทรแจ้งตำรวจไหมครับ”
“ไม่จำเป็น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เอารถไปทำสีใหม่ซะ เดี๋ยวฉันจะเดินกลับเอง”
“ฮะ” ชั่วขณะหนึ่ง คนขับตกตะลึง จากนั้น ในที่สุดเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “โอเคครับ คุณมิเรียม”
ทว่าเขายังคงงงงวย รถเบนท์ลีย์คันนี้เป็นรถคันโปรดของเธอ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเมื่อก่อน เธอจะต้องสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด ด้วยเส้นสายและความสามารถของเธอ มันจะไม่ยากเลยที่เธอจะทำให้อีกฝ่ายชดใช้และขอโทษสำหรับความผิดของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ทำไมครั้งนี้เธอถึงปล่อยผู้ชายคนนั้นไปแบบนั้นล่ะ
เมื่อมิเรียมกลับมาถึงบ้าน เธอเห็นอคิรากำลังเอาชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกมาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่น่องของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วิวาห์ว้าวุ่นกับเจ้าสาวซีอีโอ