อรนลินพอจะเดาได้ว่า ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นอาร์ตลูกชายคนโตของตระกูลกิตตินนท์ไม่ผิดแน่ ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไปชายคนนั้นได้พูดขึ้นก่อน “ลองเปิดตากว้าง ๆ แล้วมองให้ดีว่านี่ห้องใคร”
เมื่อได้ยินแบบนั้นอรนลินตกใจมาก จากนั้นเธอค่อย ๆ สังเกตสภาพในห้องผ่านแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาลาง ๆ ว่านี่ไม่ใช่ห้องของตน มิน่า ตอนนอนถึงได้รู้สึกไม่เหมือนกัน นี่เราเข้าห้องผิดเหรอเนี่ย เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงและกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเขินอายอย่างที่สุด “เอ่อ แอลขอโทษค่ะ แอลไม่ได้ตั้งใจ แอลเข้าผิดห้องน่ะ”
“ออกไป” ชายคนนั้นไล่เธอออกมาด้วยเสียงต่ำทุ้ม
และอรนลินที่กำลังเขินอายรีบออกจากห้องไปทันที
วันต่อมาอรนลินที่กำลังรู้สึกงัวเงียได้ยินเสียงพูดคุยในขณะที่เธอกำลังเดินลงบันได เจ้าของเสียงคือดิษพงษ์ที่กำลังพูดทั้งรอยยิ้ม “ผู้หญิงคนนั้นน่าเกลียดจริง ๆ นะพี่อาร์ต ผมได้ยินคนใช้เล่าว่าเมื่อคืนแม่นั่นเข้าไปในห้องพี่ด้วย นี่พี่ตกใจตอนที่เห็นหน้าแม่นั่นไหมเนี่ย”
อรนลินที่ได้ยินดิษพงษ์พูดแบบนั้นขมวดคิ้วแต่ก็เป็นไปตามที่เธอคิด ชายคนที่เธอเจอเมื่อคืนคืออาชา
อาชาไม่ได้พูดอะไร น่าเกลียดเหรอ เขาคิด ในคืนนั้นเขาไม่ได้เห็นหน้าอรนลินชัด ๆ เพราะไฟปิดอยู่แต่เขายังจำภาพของหญิงสาวที่สวมชุดนอนผู้มีผิวพรรณงดงามกับผมสลวยที่ปล่อยลงมาตามร่างกาย
ในระหว่างที่คุยกัน อาชาเห็นอรนลินที่กำลังเดินลงบันไดแม้ตอนนี้เธอจะเปลี่ยนเสื้อผ้า และสีผิวเธอตอนนี้คล้ำราวถ่านและบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยไฝของที่ทำให้เธอดูน่าเกลียดจนไม่มีอะไรเกินเมื่อเขาเห็นสภาพเธอในตอนนี้เขาคิดว่าเมื่อคืนนี้เขาคงตาฝาดไป
อรนลินเองก็มองไปที่อาชาที่ดูไร้ที่ติในชุดสูทสีดำซึ่งรูปร่างหน้าตาของเขาดูหล่อเหลาราวกับพระเจ้าสร้างสรรค์ตัวเขาขึ้นมา นอกจากนี้บรรยากาศรอบตัวเขายังทำให้เขาดูมีอำนาจทำให้เขายิ่งน่าหลงใหลเข้าไปอีก
เธอได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วน่าดึงดูดใจ “พี่ไปทำงานก่อนนะ” หลังพูดจบเขาก็ไปโดยที่ไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ
ดิษพงษ์มองไปที่อรนลินก่อนจะเยาะเย้ย “มิน่าละเมื่อวานถึงได้ทำตัวเฉย ๆ กับพวกเราสี่พี่น้อง ที่แท้เธอเล็งพี่อาร์ตเอาไว้นี่เอง ใครจะไปคิดละว่าบ้านนอกอย่างเธอจะแผนสูงถึงขนาดนี้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ริมฝีปากของอรนลินกระตุกเล็กน้อย ฉันแค่เข้าห้องผิดเฉย ๆ ย่ะ ทำไมถึงมองฉันเป็นคนแบบนั้น เธอคิดในใจ แต่แทนที่จะอธิบายแก้ต่าง เธอกลับเงียบและตรงไปนั่งที่โต๊ะพร้อมทานอาหารมื้อเช้าเงียบ ๆ คนเดียว
เมธัสที่นั่งอยู่ข้างทั้งสองมองไปที่ทั้งคู่โดยที่ไม่พูดอะไร จากนั้นเขามองไปที่อรนลินที่กำลังทานมื้อเช้าอยู่ เธอมาจากบ้านนอกแท้ ๆ แต่กลับทำตัวได้สง่างามและยังมีบรรยากาศของผู้หญิงชนชั้นสูงอีก นี่เรากำลังเห็นภาพลวงตางั้นเหรอ
“ห้ามไปบอกใครที่โรงเรียนละว่าเรารู้จักกันยัยอัปลักษณ์”
อรนลินมองดิษพงษ์ด้วยสายตาที่แสดงถึงความรู้สึกรังเกียจ
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จเธอไปขึ้นรถของเมธัสซึ่งเหมือนพี่ชายของเขา เมธัสไม่ใช่คนช่างพูดช่างจาเท่าไรนักและด้วยความที่อดสงสัยไม่ได้เธอเลยถามเขาไป “ทำไมไม่ให้คนขับรถพาแอลกับแดนไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกันล่ะคะ ไปโรงเรียนเดียวกันแท้ ๆ” ทำไมพี่เมธถึงต้องไปส่งเราด้วย
เมธัสเองก็ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกหลังจากที่ได้ยินคำถามของเธอ “คุณปู่อยากให้พวกเรามีสัมพันธ์ที่ดีกับเธอเพราะอย่างนั้นพวกเราห้าคนจะเป็นคนคอยพลัดกันรับส่งเธอที่โรงเรียนตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์และจะใช้เวลาร่วมกับเธอในวันหยุดด้วย อันที่จริงวันนี้ควรเป็นพี่อาร์ตที่ไปส่งเธอ แต่เขามีประชุมแต่เช้า พี่เลยรับหน้าที่แทน”
ในตอนแรกพี่น้องตระกูลกิตตินนท์ทุกคนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และไม่มีใครสักคนที่อยากจะไปรับไปส่งอรนลินสาวบ้านนอกคอกนาที่โรงเรียนทุกวันธรรมดา และไม่ต้องพูดถึงเรื่องต้องใช้เวลาช่วงวันหยุดกับเธออีก แต่เนื่องจากนี่เป็นคำสั่งของคุณปู่ ทุกคนเลยต้องทำตาม
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น อรนลินเลยรู้ว่าในบรรดาพี่น้องทั้งห้าไม่มีใครสักคนที่อยากจะเป็นคู่หมั้นของเธอ เราเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นคู่หมั้นของใครเหมือนกันนั่นแหละ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักร้าย กับเหล่าคุณชายทั้งห้า