...
ภายในรถ
เธอคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าใครจะสะกดรอยตามตนเองมา อีกทั้งก็ไม่มีหลักฐานยืนยัน ฉินซูก็เลยไม่คิดมากอีกต่อไป
ฉู่โจวมองดูเธอมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจไปตลอดทาง ทันใดนั้นก็พูดหยอกล้อขึ้นมา “ไม่อยากรู้ผลที่พวกเราเพิ่งจะโหวตไปเหรอ?”
ฉินซูชะงัก หันศีรษะไปมองเขา คิดอย่างจริงจังและถามขึ้น “เรื่องนี้ควรจะเก็บเป็นความลับไม่ใช่เหรอคะ? ต้องรอให้การประกาศอย่างเป็นทางการ”
เห็นอีกฝ่ายพูดประโยคนี้อย่างจริงจัง ฉู่โจวก็หัวเราะยกใหญ่
ทันทีที่รู้ว่าตนเองลืมตัวจนเสียภาพพจน์ เขาก็กำมือกดลงที่ริมฝีปากและกระแอมเบา ๆ
“อืม เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้ายังมีเรื่องให้ต้องถกเถียงกัน ฉันจะไม่บอกเธอแน่ ๆ”
ฉินซูใจเต้น ที่บอกว่าไม่สนใจผลลัพธ์นั้นมันไม่จริง ช่วงเวลานี้ทั้งทีมทำการทดลองอย่างเหน็ดเหนื่อย แทบเป็นแทบตายไม่ใช่เพราะว่ารอผลลัพธ์อันนี้เหรอ
ฉินซูมองฉู่โจวอย่างแนบแน่น “ถ้าอย่างนั้น…”
ฉู่โจวพูดอย่างสงบไม่สะทกสะท้าน “ฉันสามาถบอกเธอเลยได้เลยว่า โครงการนั้นของพวกเธอนั้นเชื่อถือได้”
เมื่อได้รับคำตอบที่แน่ชัดแบบนี้ ฉินซูที่สงบมาตลอดก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น จับมือทั้งสองและโพล่งออกมา “ดีจริง ๆ เลย!”
สายตาของฉู่โจวมองไปที่ใบหน้าของเธอ สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่า เธอกำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ในตอนนี้
แม้ว่าหน้ากากจะปกปิดใบหน้าเธอไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็เผยให้เห็นคิ้วและดวงตาที่สดใสของเธอ
ในตอนนี้คิ้วโก่งและแววตาเปล่งประกายราวกับดวงดาว
ทันใดนั้นฉู่โจวก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าถอดหน้ากากที่เกะกะนี่ออกไป รอยยิ้มของเธอจะต้องแจ่มใสและเบิกบานตาแน่ ๆ
มุมปากของเขาก็ค่อย ๆ ยกขึ้นมาอย่างกลั้นไว้ไม่ได้
“ฉันได้ยินมาว่าหลังจากที่หลินเฉินวางแผนรับช่วงต่อ ก็จะหย่ากับเธออย่างเป็นทางการ เธอไม่ต้องกังวล ถึงตอนนั้นฉันจะไม่ให้ตระกูลฉู่ทำให้เธอต้องอับอาย”
“ขอบคุณค่ะ! คุณท่านรอง คุณเป็นคนดีจริง ๆ”
ฉินซูก็ไม่เคยคิดว่าฉู่หลินเฉินจะทำให้เธออับอาย ถึงอย่างไรทั้งคู่ได้พูดคุยกันชัดเจนแล้วก่อนหน้านี้ แต่คำพูดของฉู่โจวก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมา
สายตาของฉู่โจวหรี่ลง คนดี เขาเหรอ?
ฉินซูไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีที่ประหลาดใจของเขา เพียงแต่ขอให้คนขับหยุดรถ เมื่ออยู่ห่างจากบ้านพักตากอากาศพอประมาณ
“หนูลงตรงนี้ก็ได้ค่ะ คุณชายฉู่เคยพูดก่อนหน้านี้ว่า ไม่อยากให้หนูติดต่อกับคุณมากเกินไป”
ฉู่โจวเข้าใจและไม่ได้พูดอะไรมาก
ฉินซูกล่าวขอบคุณกับเขาอีกครั้ง และลงจากรถเดินไปที่บ้านพักตากอากาศอย่างไม่รีบร้อน
เขามองดูแผ่นหลังของฉินซูที่ค่อย ๆ ไกลออกไป คนขับซึ่งเป็นผู้ช่วยของฉู่โจวก็พูดขึ้น “คุณท่านรอง คุณและคุณฉินซูเข้ากันได้ดีมาก เมื่อสักครู่เห็นคุณหัวเราะไปหลายครั้ง หรือบางทีพวกคุณอาจจะกลายเป็นเพื่อนกันได้?”
ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของฉู่โจวก็เย็นลง เปลี่ยนเป็นว่างเปล่าและเย็นชา
เมื่อถอนสายตากลับมา เลื่อนหน้าต่างรถขึ้น น้ำเสียงของเขาเยาะเย้ยเล็กน้อย “ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องเพื่อนฝูง”
ไม่มีใครสามารถเป็นเพื่อนของเขาได้
และไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ภาพที่เขาปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างสุภาพอ่อนโยนนั้น เป็นดินที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งมานับหมื่นปี ที่ใครก็ไม่สามารถละลายมันได้
ฉู่โจวละทิ้งความคิด กลับสู่ความสงบในอดีต “โม่คุน นายบอกสมิธหน่อยว่าฉันเจอคนที่เหมาะสมแล้ว”
“ที่คุณพูด ใช่คุณฉินซูหรือเปล่าครับ?” โม่คุนพูดคาดเดาอย่างกล้าหาญ
แต่เมื่อเห็นว่าฉู่โจวไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เขาก็ไม่กล้าที่จะถามอีก และต่อสายโทรระหว่างประเทศอย่างเงียบ ๆ
ภายในห้องโถงใหญ่บ้านพักตากอากาศ
ทันทีที่ฉินซูเดินเข้าไปก็รู้สึกถึงสายตาที่เย็นชาจ้องมองมาที่ตนเอง
เธอแหงนสายตาและเห็นฉู่หลินเฉินนั่งไขว้ขายาวอยู่บนโซฟา เปล่งออร่าที่ทรงพลังและมีอำนาจ ที่ทำให้คนไม่สามรถละสายตาไปได้ทั่วทั้งร่างกาย
ไม่รอให้เธอได้เอ่ยปาก น้ำเสียงต่ำและเย็นชาก็ดังขึ้น “เธอไปบริษัทของหานโม่หยางมาเหรอ?”
ฉินซูพยักหน้า “อืม การแข่งขันที่เข้าร่วมก่อนหน้านี้ เข้าสู่การพิจารณาตรวจสอบขั้นสุดท้ายแล้ว และจำเป็นต้องแข่งขัน อาจารย์ก็เลยเรียกฉันไปชั่วคราว”
“แค่นั้นเหรอ?” น้ำเสียงของฉู่หลินเฉินแฝงไว้ด้วยความหมายที่มากกว่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...