“ใช่ ไม่อย่างนั้นแล้วคุณคิดว่ายังมีอะไรอีก?” ฉินซูรู้สึกว่าเขาแปลก ๆ ราวกับว่ากำลังทดสอบหยั่งเชิงอะไรสักอย่าง
เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
ฉู่หลินเฉินไม่ได้เจาะจง
แม้ว่าจะได้รับการยืนยันแล้วว่า ฉินซูและหานโม่หยางได้พบเจอกันเป็นการส่วนตัว แต่ยังขาดหลักฐานที่เป็นกุญแจสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้จุดประสงค์ที่หานโม่หยางส่งฉินซูมา
ฉู่หลินเฉินค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจที่เยือกเย็นไปทั่วทั้งร่างกาย และพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “ไม่มีอะไร เธอขึ้นไปได้แล้ว”
ฉินซูขึ้นไปชั้นบนอย่างครุ่นคิด
ทันทีที่ถึงห้องเธอรีบปิดประตูทันที และสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
สายตาที่ฉู่หลินเฉินมองเธอเมื่อสักครู่แปลกประหลาดเล็กน้อย หรือว่ารู้เรื่องที่เธอแกล้งเป็นพยาบาลแล้วเหรอ? หรือว่า รู้ว่าเธอคือผู้หญิงที่แทงเข็มนั่นให้แก่เขา?
ฉินซูส่ายหัว ปล่อยให้ตัวเองวิเคราะห์อย่างใจเย็น
ฉู่หลินเฉินไม่น่าจะรู้ว่าคือเธอ ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้นี้เขาจะสงบขนาดนั้นได้อย่างไร? นี่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวโยงกับการสือทายาทตระกูลฉู่ของเขา ถ้าเขาจัดการเธอโดยที่ไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟนี่สิแปลก!
คิดถึงตรงนี้ฉินซูก็ค่อย ๆ คลายความกังวลในใจ
ตกกลางคืน
หลังจากเธอล้างหน้าบ้วนปากเสร็จเรียบร้อย ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดเข้ากลุ่มสนทนา เธอลังเลว่าจะบอกข่าวดีล่วงหน้าแก่พวกเขาหรือไม่
แต่หลังจากคิดดูแล้วก็เก็บโทรศัพท์มือถือ คิดว่ารอให้รู้จากการประกาศอย่างเป็นทางการดีกว่า
ถ้าเธอพูดออกไปก่อน จะทำให้ความรู้สึกรอคอยของพวกเขาน้อยลง ยิ่งไปกว่านั้นจะถามหาแหล่งข่าวของเธอด้วย
ถึงยังไงมันก็ไม่ได้รอนานขนาดนั้น
หลังจากนั้นสามวัน ก็มีการประกาศผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
โครงการของฉินซูและทีมได้ที่หนึ่ง ได้รับเงินรางวัลหนึ่งล้าน!
ภายในทีมต่างก็ปีติยินดีอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้ชั่วขณะหนึ่ง และมีคนพูดถึงอาหารมื้อใหญ่ที่ฉางเหล่าสัญญาไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน
ฉางเหล่ารีบกล่าวออกมา “เอาเป็นว่าจะมีการเลี้ยงฉลองในตอนเย็นของวันพิธีมอบรางวัลแล้วกัน เวลาและสถานที่อย่างละเอียด ฉันจะให้อาจารย์หม่าจองไว้และจะบอกให้ทุกคนทราบ”
“รับทราบ!”
สมาชิกทุกคนต่างพากันขานรับ แต่ฉินซูกลับรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
ถ้าไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลอง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องถอดหน้ากากออก
ตอนที่หลายคนในกลุ่มกำลังสนทนากันอย่างคึกครื้น ฉินซูออกจากแชทกลุ่ม และส่งข้อความส่วนตัวไปหาฉางเหล่า
“ฉางเหล่า ฉันไม่สะดวกที่จะเปิดเผยตัวตนของฉัน ดังนั้นจึงขอไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกคุณ”
ฉางเหล่าแสดงความเข้าใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ฉินซูเพิ่งจะปฏิเสธงานเลี้ยงอาหารค่ำของกลุ่ม อีกด้านหนึ่งฉู่โจวก็โทรศัพท์มาเชิญเธอ
“ยินดีด้วยกับชัยชนะ ฉันอยากเลี้ยงอาหารเธอ ไม่รู้ว่าเธอจะว่างหรือเปล่า?”
“ขอบคุณค่ะ” ฉินซูตอบกลับอย่างสุภาพ “ถึงยังไงหนูก็ซาบซึ้งในความหวังดีของคุณ”
ฉู่โจวเงียบไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำที่ดูลึกลับเล็กน้อย “อย่ารีบปฏิเสธ บางทีอาจจะมีเซอร์ไพรส์อะไรรอเธออยู่?”
“คุณท่านรอง คุณหมายความว่า…”
ฉู่โจวพูด “ฉันอยากแนะนำคน ๆ นึงให้เธอรู้จัก คน ๆ นี้เธอจะต้องสนใจมาก ๆ อย่างแน่นอน”
สุดท้ายเพราะความอยากรู้ที่ก่อกวนในใจ ฉินซูจึงตอบตกลงไป
ด้วยท่าทางที่นิ่งสงบของฉู่โจว จึงแน่ใจได้ว่าคงไม่จงใจพูดเล่น ดังนั้นเธอจึงอยากรู้จริง ๆ ว่าใครที่เขาจะแนะนำให้เธอรู้จัก
ถึงเวลานัด
ฉินซูสวมหน้ากากบนใบหน้า และปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องอาหารอย่างตรงเวลา
“ห้องส่วนตัว 206 ใช่ไหมคะ? ตกลงค่ะ หนูกำลังไป”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เพื่อยืนยันตำแหน่งกับฉู่โจวและเดินเข้าไปด้านใน
อีกด้านหนึ่ง มีคนหนุ่มสาวไม่กี่คนเพิ่งจะเข้าไปในห้องส่วนตัว และนั่งลงทีละคน
“ฉางเหล่ายังไม่มา พวกเรารอสักครู่แล้วค่อยสั่งอาหารกันเถอะ!” หม่าเฉิงพูดขึ้น
อีกสี่คนพยักหน้าและพูดคุยกันพร้อมกับกินขนมไปด้วย
“น่าเสียดายที่เหอซูไม่มา วันนี้ที่ให้ทุกคนมารวมตัวกัน ทานอาหารด้วยกันมันหาได้ยาก ยังคิดว่าในที่สุดจะสามารถเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอได้สักที”
“นั่นสิ ฉันก็อยากเห็นเหมือนกัน เพราะว่าเธอมักจะใส่หน้ากากอยู่ตลอด จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาของเธอเป็นยังไง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...