ฉินซูอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อดูแลฉินกู้เซียง
ฉินซูนำผลไม้ที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ป้อนให้คุณย่าของเธอ “คุณย่าลองชิมดูสิคะ”
ฉินกู้เซียงค่อย ๆ กัดและกลืนลงไป จากนั้นหรี่ตา “หวาน”
ฉินซูป้อนให้เธอเรื่อย ๆ และพูดไปด้วย “หนูถามคุณหมอแล้ว อีกไม่กี่วันคุณย่าจะต้องตรวจอีกครั้ง ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็จะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในอีกครึ่งเดือน”
พูดจบ ทันใดนั้นเธอก็มีความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
“เด็กดี มีอะไรก็พูดมาเถอะ” ฉินกู้เซียงมองเธอและพูดให้กำลังใจ
“อีกสักพักหนูอาจจะต้องไปต่างประเทศกับศาสตราจารย์สมิธ คุณย่า…”
ฉินกู้เซียงมองผ่านความคิดของเธอได้อย่างรวดเร็ว จึงยิ้มน้อย ๆ และพูดขึ้น “หรือหลานกังวลว่าคนแก่อย่างย่าจะไม่มีที่อยู่ใช่ไหม?”
ฉินซูเงียบสนิท
จริง ๆ แล้วเธอกังวลว่าหลังจากตนเองไปแล้วจะไม่มีใครมาดูแลคุณย่า และเธอก็คิดที่จะยอมแพ้เรื่องการไปต่างประเทศ แต่การเชื้อเชิญของศาสตราจารย์สมิธนั้น มีแรงดึงดูดที่มากเกินไป... เธอลำบากใจทั้งสองทาง
“เด็กโง่” ฉินกู้เซียงยิ้มและกล่าวว่า “หลานไม่ต้องทุกข์ใจกับเรื่องนี้ ย่ามีที่ไปอยู่แล้ว”
“คุณย่า... จะกลับไปบ้านครอบครัวจงเหรอคะ?” ฉินซูถามด้วยความแปลกใจ
ฉินกู้เซียงส่ายหัว “ไม่หรอก ย่าคิดว่าย่าเลี้ยงลูกชายคนนี้มาเปล่าประโยชน์ ย่ามีเพื่อนเก่าของย่าที่เปิดสถานสงเคราะห์อยู่ที่หนานซาน ถึงตอนนั้นย่าก็จะไปอยู่ที่นั่น ไม่มีปัญหาหรอก คนแก่สองคนยังสามารถพูดคุยกันได้”
ฉินซูรู้สึกว่าชื่อสถานสงเคราะห์นี้มันคุ้นหูเล็กน้อย
ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ เป็นที่ที่เธอ “ช่วย” หวังอี้หลินบริจาคเงินก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงฉินซูก็มาถึงด้านนอกประตูของสถานสงเคราะห์หนานซาน
เธอมาเยี่ยมเพื่อนเก่าคนนั้นของคุณย่าแทนคุณย่าของเธอ
เมื่อยามเฝ้าประตูเห็นเธอ เขาประทับใจเธอมากและจำเธอได้ในทันที
“คุณผู้หญิง ขอบคุณสำหรับเงินบริจาคที่คุณบริจาคให้กับพวกเราครั้งก่อน ครั้งนี้คุณมาทำอะไรเหรอครับ?”
“คุณย่าของฉันกับผู้อำนวยการเผิงเป็นเพื่อนสนิทกัน ฉันมาเยี่ยมแทนคุณย่าค่ะ”
“เชิญเข้ามาเลยครับ สำนักงานของผู้อำนวยการเผิงอยู่ชั้นสองด้านซ้ายสุด”
“ขอบคุณค่ะ” ฉินซูหิ้วของเดินเข้าไป
ด้านนอกประตูสถานสงเคราะห์ ฉู่หลินเฉินลงมาจากรถและชี้ไปยังด้านหลังของฉินซู ถามยามเฝ้าประตูว่า “เธอเคยบริจาคเงินให้พวกคุณที่นี่เหรอ?”
ยามเฝ้าประตูพยักหน้า “ใช่ครับ บริจาคมาแปดแสนหยวน โชคดีที่ได้เงินก้อนนี้มา ทำให้ผู้อำนวยการได้ปรับปรุงหอพักของเหล่าเด็ก ๆ ใหม่ทั้งหมด ติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องปรับอากาศ และยังเปลี่ยนโต๊ะเก้าอี้ในโรงอาหารใหม่อีกด้วย”
แปดแสนหยวน...
ฉู่หลินเฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและครุ่นคิด
เว่ยเหอที่อยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นด้วยความสงสัย “คุณชายครับ คุณบอกว่าคุณฉินซูรักเงิน และยิ่งไปกว่านั้นตัวเธอเองไม่ได้มีเงินมากมาย ทำไมถึงไม่เสียดาย แล้วบริจาคเงินจำนวนมากขนาดนี้ล่ะ?”
เมื่อยามเฝ้าประตูได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ไม่พอใจและพูดขึ้น “ไม่มีเงินแล้วจะทำเรื่องดี ๆ ไม่ได้เหรอครับ? พวกเราที่นี่ได้รับการบริจาคจำนวนไม่น้อย คนแก่ที่เก็บขยะบางคน เห็นเด็กน้อยที่น่าสงสาร ก็นำเงินที่เก็บมาจากการขายขยะอย่างยากลำบาก มาบริจาคให้พวกเรา แม้ว่าปกติแล้วพวกเราไม่รับเงินบริจาคพวกนี้ แต่นี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่า ความเมตตาไม่แบ่งแยกรวยจน!”
เว่ยเหอนิ่งจนพูดไม่ออกและยิ้มหน้าเหยเก “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เป็นเพราะ... ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณฉินซูคนนั้น”
สีหน้าของยามเฝ้าประตูนิ่งลงและพูดขึ้น “คุณฉินซู? เธอนามสกุลหวัง!”
ฉู่หลินเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย “คุณบอกว่าเธอนามสกุลหวัง? ชื่อเต็ม ๆ คืออะไร”
“หวัง... หวังอี้หลิน? ผมดูตอนที่เธอกรอกแบบฟอร์มการบริจาค เธอเขียนชื่อนี้”
“หวังอี้หลิน?” เว่ยเหอโพล่งออกมาอย่างอดไม่ได้ และมองหน้าสบตากับฉู่หลินเฉิน
นี่มันน่าสนใจ
ยามเฝ้าประตูกวาดสายตามองทั้งสองอย่างสงสัย “พวกคุณทั้งสองมาที่สถานสงเคราะห์เพื่อ…”
ฉู่หลินเฉินเก็บความรู้สึกแปลกในใจไว้แล้วนึกถึงจุดประสงค์ที่มาที่นี่ จากนั้นจึงออกคำสั่งด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เว่ยเหอไปเอาของออกมา”
เว่ยเหอนำกล่องกระดาษกล่องใหญ่หนึ่งกล่องลงมาจากรถ
“นี่คือหนังสือบางส่วน ที่คุณแม่ของฉันฝากให้ฉันนำมาบริจาค” ฉู่หลินเฉินพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...