ฉินซูเม้มปากและยิ้ม ไม่ได้อธิบายอะไร
ในใจของจางอี้เฟยกลัดกลุ้มเล็กน้อย เขาถอดถุงมือออกและหมุนตัวไปมองเธออย่างจริงจัง “ตกลงเด็กคนนี้เป็นลูกของฉู่หลินเฉินใช่ไหม? วันนี้คุณก็เห็นแล้วนี่ เขาใส่ใจแค่นักแสดงหญิงตัวแม่นามสกุลหวังคนนั้น มันอาจจะไม่ใช่เรื่องดีที่คุณเก็บเด็กคนนี้ไว้”
“เด็กจะเป็นลูกของใครไม่สำคัญ ในเมื่อฉันตัดสินใจเก็บเขาไว้ ฉันก็จะเตรียมตัวอย่างดีเพื่อจะเลี้ยงดูเขาด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ยินคำตอบของฉินซู จางอี้เฟยก็ยังยากที่จะเห็นด้วย “งั้นศาสตราจารย์สมิธล่ะ?”
“ฐานะของเขาในโลกการแพทย์นั้นสูงที่สุด ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปในห้องทดลองของเขาได้ตามอำเภอใจ ขอเพียงแต่เรียนรู้กับเขาที่นั่นไม่เกินสองสามปี ความสำเร็จในขอบเขตทางการแพทย์ของคุณ ก็จะได้รับการยอมรับ การสละสิทธิ์มันคุ้มค่าแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“น่าเสียดายมากจริง ๆ” ฉินซูก้มมองต่ำและบีบผ้าขี้ริ้วในมือแน่น
อย่างไรก็ตาม อีกไม่นานเธอก็จะสามารถปล่อยวางได้ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นพูด “ฉันเรียนหมอไม่ใช่เพื่อได้รับความสำเร็จใด ๆ เพียงแต่หวังจะสามารถเป็นหมอที่สามารถช่วยชีวิตคนใกล้ตาย และดูแลรักษาคนที่บาดเจ็บ คนเป็นหมอควรจะให้เกียรติและเคารพทุกชีวิต นี่คือปณิธานตั้งแต่แรกที่ฉันไม่เคยเปลี่ยน”
“การสละสิทธิ์ในโอกาสที่จะได้เรียนรู้กับศาสตราจารย์สมิธที่นั่น มันน่าเสียดายมากจริง ๆ แต่ถ้าหากอยากจะยกระดับตัวเองอย่างแท้จริงล่ะก็ มันไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเลือกนี้ตัวเลือกเดียวอย่างแน่นอน เพียงแต่ฉันสละสิทธิ์ในทางลัด และเลือกทางที่คดเคี้ยวกว่า แต่ปลายทางก็ไม่ได้เปลี่ยนไป”
จางอี้เฟยเงียบสนิท
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าเมื่อเทียบเธอกับแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะคิดอะไรตื้น ๆ แบบนี้
ฉินซูมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งและเฉียบแหลมมากกว่าเขามาก
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาเริ่มเปิดปากพูด “ตกลง งั้นเรื่องหาบ้านก็ให้เป็นหน้าที่ของผม แล้วคุณยังมีแผนอะไรต่อไป?”
ฉินซูยิ้มอย่างรู้สึกขอบคุณและพูดว่า “ฉันอยากหางาน อยากเก็บเงินสักหน่อย”
แม้ว่าในบัตรยังมีเงินรางวัลสองแสนหยวนที่ได้รับจากการเข้าร่วมการแข่งขัน แต่เธอไม่สามารถเก็บเพียงแค่เงินก้อนนี้ แล้วรอจนเด็กคลอดออกมา เพราะหลังจากนี้ การพาเด็กไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ส่วนที่ต้องจ่ายเงินยังมีอีกเยอะมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...