หวังอี้หลินเห็นว่าหลังจากฉู่หลินเฉินฟังที่เธอพูดจบแล้ว ก็มีสีหน้าก็เยือกเย็น ทำให้อ่านความคิดของเขาไม่ออก
เธอไม่กล้าคาดเดาเอาเองตามอำเภอใจ จึงเปลี่ยนหัวข้อเสียเลยแล้วเอ่ยขึ้น “หลินเฉิน ช่วงนี้พ่อแม่ของฉันเอาแต่ถามเรื่องงานแต่งงานของเราอยู่ตลอด ที่คุณเคยบอกก่อนหน้านี้ว่า หลังจากรับช่วงต่อฉู่ซื่อแล้ว และจัดการภาระงานเข้าที่เรียบร้อย เราก็จะจัดงานแต่ง…”
ฉู่หลินเฉินชะงักเล็กน้อย เขาละทิ้งความคิดเกี่ยวกับฉินซูที่อยู่ในหัวของเขา
“ใช่ ฉันเคยพูดอย่างนั้น” เขายอมรับอย่างไม่หวาดหวั่น เพียงแค่มีความลังเลเล็กน้อย เขาพูด “ช่วงนี้ฉันมีเรื่องให้ต้องจัดการค่อนข้างเยอะ เรื่องงานแต่งจะจัดขึ้นในชั่วครู่ชั่วยามไม่ได้”
ความหดหู่แวบขึ้นมาบนใบหน้าของหวังอี้หลิน เธอยิ่งรู้สึกเคียดแค้นในใจ
ฉู่หลินเฉินชักช้าไม่ยอมแต่งงานกับเธอ เขาเปลี่ยนใจแล้วหรือเปล่า?
เธอเกิดความรู้สึกกังวลใจอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทางรีบร้อนออกมาแม้แต่นิด แต่ทว่าภายในแววตากลับมีความเงียบหงอย ที่ทำให้คนรู้สึกสงสาร เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่เข้าอกเข้าใจ “ฉันเข้าใจ งานสำคัญที่สุด ฉันจะรอคุณ”
ฉู่หลินเฉินมองเธอ เขาครุ่นคิดเล็กน้อยและรู้สึกละอายใจ
เรื่องที่ตนเองรับปากไปแล้วผัดวันประกันพรุ่ง จริง ๆ แล้วมันไม่มีเหตุผลเลย
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดเสนอว่า “จัดงานหมั้นก่อนดีไหม?”
ทันทีที่หวังอี้หลินได้ยินเธอก็ดีใจมาก
งานหมั้นก็ดี อย่างน้อยหลังจากนี้ เธอก็เป็นคู่หมั้นหญิงของคุณชายฉู่ อย่างถูกหลักทำนองคลองธรรม!
เธอควบคุมความตื่นเต้นในใจและตอบรับเห็นด้วยพร้อมรอยยิ้ม “ได้สิ”
“งั้นก็ดี ไว้ค่อยไปคุยกับพ่อแม่ของเธอแล้วนัดวัน”
“ค่ะ”
หลังจากส่งหวังอี้หลินกลับไปแล้ว ฉู่หลินเฉินก็รับสายของเว่ยเหอที่โทรมารายงาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...