ฉินซูมองไปยังลูกชายที่ฟื้นตัวจนแทบจะสามารถเดินบนพื้นได้และอีกแค่อึดใจเดียวก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง ราวกับว่ามองเห็นความหวังที่อยู่ตรงหน้า แต่เธอกลับไม่คว้ามันไว้
ไม่มีผู้หญิงจิตใจเปราะบางคนไหนสามารถทนต่อการต่อสู้และความสิ้นหวังเช่นนั้นได้
คนเข้มแข็งอย่างฉินซูก็ไม่กล้าที่จะเผชิญกับรอยยิ้มที่มองโลกในแง่ดี และไร้เดียงสาบนใบหน้าของลูกชาย
เธอเดินออกจากวอร์ดอย่างรวดเร็ว จากนั้นเดินไปนั่งกุมเข่าอยู่ที่มุมทางเดินพร้อมรู้สึกทรมานในใจเพียงลำพัง
หลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็สงบสติอารมณ์และลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
ร่างกายที่อ่อนแอบวกกับการนั่งยอง ๆ เป็นเวลานาน ทำให้เธอตัวชาพร้อมกับร่างของเธอโยกไปมา
เธอเกาะกำแพงแล้วเดินกลับไปที่วอร์ด ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอกลับมาสงบและเคร่งขรึมอีกครั้ง
“จะถ่ายเลือดครั้งต่อไปเมื่อไหร่?” เธอถามพยาบาล
“เดิมทีเป็นวันศุกร์หน้า แต่ตอนนี้...ไม่รู้ว่าจะหาผู้บริจาคโลหิตที่ตรงกันได้ภายในสิ้นเดือนนี้หรือเปล่า”
พยาบาลพูดอย่างลังเล พลางมองดูเด็กชายตัวน้อยที่แพทย์กำลังตรวจดูอาการอย่างเชื่อฟัง เมื่อมองดูแล้วเธอรู้สึกทนไม่ไหว จากนั้นก็ลดเสียงลงแล้วพูดว่า “คุณหมอฉินคะ กรุ๊ปเลือดแพนด้าล้ำค่ามาก หนำซ้ำปริมาณเลือดที่เสี่ยวเวยเวยจำเป็นต้องใช้นั้นเยอะมาก เกรงว่าคนส่วนใหญ่อาจไม่เต็มใจที่จะเสี่ยงบริจาคเลือดมากมายขนาดนี้”
“ฉันรู้” ฉินซูพูดอย่างเคร่งขรึม
อันที่จริงเธอกำลังนึกถึงใครบางคนอยู่
เธอแน่ใจว่าเลือดของชายคนนั้นตรงกับเลือดของลูก แต่ติดตรงที่ว่าเขาจะยอมช่วยหรือเปล่า?
ถ้าหากเปิดเผยการมีตัวตนอยู่ของลูกให้เขารู้ บางทีเขาอาจเห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือด...ไม่ นั่นมีแต่จะทำให้ลูกได้รับอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ฉินซูกำลังชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ในใจ ทว่าทุกครั้งที่มีความคิดนี้เกิดขึ้นก็มักจะถูกเหตุผลของเธอระงับไว้
อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อเห็นลูกชายที่รักที่กว่าจะฟื้นตัวอย่างยากลำบากแล้วกลับไปอ่อนแออีกครั้ง หนำซ้ำอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของภาวะไตวายได้
รอไม่ไหวแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...