ฉินซูออกจากบ้านพักตากอากาศแต่เช้าเพราะเธอได้รับสายจากอาจารย์สวี่
ใบสมัครของเธอได้รับการอนุมัติแล้ว อีกไม่นานเธอก็สามารถเข้าร่วมห้องปฏิบัติการ และมีส่วนร่วมในโครงการวิจัย
ดังนั้นเธอจึงต้องเตรียมความพร้อมให้ดี
และอีกหนึ่งเหตุผลคือ เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับฉู่หลินเฉิน
เมื่อคืนเขาทำให้เธอตกใจจริง ๆ
แต่ตอนนี้เธอสงบลงแล้ว เพียงแต่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เมื่อคืนเป็นโอกาสดีที่หาได้ยาก หลังจากเธอทุบเขาจนสลบ เธอน่าจะถลกกางเกงเขาเพื่อพิสูจน์ว่าเขาคือคนนั้นหรือไม่…
ท้ายที่สุดแล้ว เขาและผู้ชายคนนั้นให้ความรู้สึกกับเธอที่คล้ายคลึงกันมากจริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อคืน กลิ่นอายความรุนแรง เผด็จการ และความเอาแต่ใจของเขาเหมือนกับคนนั้นทุกประการ
ฉินซูสะบัดหัวละทิ้งความคิดที่วุ่นวายอยู่ในสมอง
ตอนนี้เธอต้องกลับไปที่บ้านของพ่อแม่บุญธรรม เพื่อไปเอาเข็มเงินที่คุณย่าให้กลับมา
การวิจัยครั้งนี้เกี่ยวข้องกับแพทย์แผนจีนและการฝังเข็ม เป็นสิ่งที่ฉินซูสนใจอย่างยิ่ง เข็มเงินชุดนั้นอาจมีประโยชน์
ถือโอกาสไปยืนยันกับจงจื้อหย่วน เกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเธอ ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ถูกคนเรียกว่าเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่มายี่สิบปีแล้ว ถึงยังไงเธอก็ยังอยากรู้เกี่ยวกับชีวิตตัวตนจริง ๆ ของตัวเอง
รถวิ่งผ่านสถานสงเคราะห์ เด็ก ๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในสนาม ผู้สูงอายุที่เคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวกนั่งพูดคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้
ในใจฉินซูกระตุก เธอขอให้คนขับแท็กซี่หยุดรถ
เธอสแกนวีแชทเพื่อจ่ายค่าโดยสาร สวมหมวกและลงจากรถ จากนั้นเดินตรงไปยังประตูทางเข้าสถานสงเคราะห์
เด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทยอยหยุดการเคลื่อนไหวและมองมาที่เธอด้วยความสงสัย สายตาที่ไร้เดียงสาปรากฏถึงการเฝ้ารอและปรารถนา
พวกเขาต่างก็เป็นเด็กกำพร้า เด็กน้อยอายุหนึ่งถึงสองปี เด็กโตอายุสิบสามสิบสี่ปี แม้ว่าสถานสงเคราะห์จะเลี้ยงดูพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถให้ครอบครัวที่แท้จริงกับพวกเขาได้
ชายสูงอายุที่เฝ้าป้อมยาม มองดูฉินซูอย่างพินิจพิเคราะห์และถามว่า “คุณหนู คุณมารับเลี้ยงเด็กเหรอ?”
ฉินซูส่ายหัว
แสงสว่างในดวงตาของเด็ก ๆ เหล่านั้นค่อย ๆ จางลง พวกเขาหยุดสนใจฉินซู และวิ่งไล่จับกันในสนามต่อไป
ความกระตือรือร้นบนใบหน้าของชายสูงอายุที่ป้อมยามก็ลดลงเช่นกัน “งั้นคุณ?”
“ฉันอยากรู้ว่า ถ้าจะบริจาคเงินให้สถานสงเคราะห์ที่นี่ต้องทำยังไง”
นี่เป็นความคิดชั่ววูบที่เกิดขึ้นขณะที่ฉินซูอยู่บนรถเมื่อสักครู่
หลังจากมองเห็นเด็กธรรมดา ๆ เหล่านี้และผู้สูงอายุที่สภาพร่างกายไม่สดใส เธอก็มีความคิดแน่วแน่ที่อยากจะช่วยเหลือพวกเขา
เพียงแต่ว่าเธอยังเป็นหนี้อยู่และไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นที่จะนำมาบริจาค
เงิน 800,000 หยวนของหวังอี้หลินยังไม่ได้ใช้จ่ายไปไหน
หวังอี้หลินใช้เงินก้อนนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงเธอ และเธอก็ไม่คิดที่จะคืนมัน แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะนำมาใช้จ่ายส่วนตัวเช่นเดียวกัน
ฉินซูเคยพูดไว้ว่าเงินที่ไม่ควรถือไว้เธอก็จะไม่ถือ
การบริจาคให้กับคนที่ต้องการความช่วยเหลือถือเป็นการทำบุญ
…
หลังจากบริจาคเงินแล้วฉินซูก็ออกจากสถานสงเคราะห์
เธอเดินไปถึงด้านนอกห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง มีผู้หญิงสามคนลงมาจากรถหรู
“คุณแม่คะ วันนี้หนูตั้งใจเรียกอี้หลินมาเดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อนคุณแม่เลยนะคะ คุณแม่มีความสุขไหม? ด้านหน้าเป็นห้างสรรพสินค้า คุณแม่ลองไปเดินดูว่ามีอะไรที่อยากซื้อรึเปล่า?”
ฉู่หยุนซีจับแขนของหลิวเหวยลู่ และอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เธอคือหวังอี้หลิน
หวังอี้หลินกำลังจะพูดกับหลิวเหวยลู่ แต่เธอหันมาเห็นฉินซูก่อน
แม้ว่าฉินซูจะสวมแว่นกันแดดและหมวก แต่พวกเขาสองคนก็รู้จักกันมานาน มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นเธอ
เมื่อเห็นฉินซูสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังและถือกระเป๋าหรู ในใจของหวังอี้หลินก็รู้สึกไม่ค่อยดี
หวังอี้หลินคิดว่าฉินซูควรจะสวมใส่เสื้อผ้าราคาถูกกว่านี้ ถึงจะคู่ควรกับฐานะ “คนบ้านนอก” ของเธอ
เงินของฉู่หลินเฉินที่เธอใช้ไปนั้นถูกต้องสมเหตุสมผล แต่ฉินซู... ไม่เพียงแต่ปิดกั้นเส้นทางของเธอสู่การเป็นคุณผู้หญิงแห่งตระกูลที่ร่ำรวยเท่านั้น แต่ยังพึงพอใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉู่หลินเฉินมอบให้เธออีก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...