นางเริ่มรู้สึกทนไม่ไหว รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของนางเริ่มพร่าเลือน นางพยายามกระพริบตาฝืนกลั้นให้น้ำตาไหลกลับเข้าไป
ที่แท้ นางคิดมาโดยตลอดว่าพวกลูกสาวห่างนางไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง เป็นนางเองต่างหากที่ห่างจากพวกลูกสาวไม่ได้.....
หนานหว่านเยียนเดินออกจากห้อง มาถึงเรือนพักแล้วรวบรวมความคิดของตัวเอง
เซียงอวี้บังเอิญมาถึงพอดี เมื่อเห็นหนานหว่านเยียนสองตาก็อดเป็นประกายสว่างวาบไม่ได้ "พระชายา! ท่านกลับมาเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ?"
หนานหว่านเยียนซ่อนความรู้สึกที่ล้นทะลักออกมาจากส่วนลึกในดวงตา แล้วมองไปที่เซียงอวี้
“เมื่อครู่นี้เอง จริงสิ วันนี้อาจี้ได้แวะมาที่นี่ เล่าสถานการณ์ของท่านน้าให้ฟังบ้างหรือเปล่า?”
ตามกำหนดในใบสั่งยาของโม่หวิ่นหมิง คือสามวันเปลี่ยนครั้ง วันนี้ถึงกำหนดแล้ว
เป็นไปตามคาด เซียงอวี้พยักหน้าแล้วพูดว่า "มาแล้วเจ้าค่ะ เด็กรับใช้คนนั้นยังบอกด้วยว่า ช่วงนี้น้าชายของท่านนอนหลับสนิทดี ไม่มีอาการไอแล้ว ดูมีสุขภาพดีขึ้นมากทีเดียว"
“เขายังบอกด้วยว่า น้าของท่านบ่นคิดถึงท่านทั้งวันทั้งคืนเลยเจ้าค่ะ บอกว่าถ้าท่านมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ก็อยากให้ไปเยี่ยมไปหาเขาบ่อย ๆ”
เมื่อหนานหว่านเยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ดวงตากระจ่างใสปรากฏแววอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย "เข้าใจแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ"
แต่เห็นได้ชัดว่าเซียงอวี้ยังมีเรื่องอื่นอีก นางอึกอักลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าแฝงแววตื่นเต้นในลักษณะอยากชวนซุบซิบอยู่ในที
“หลายวันมานี้พระชายากับท่านอ๋องอยู่ในวัง คิดว่าคงจะ.....เรียบร้อยแล้ว... พูดสั้น ๆ คือความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับท่านอ๋อง เริ่มจะอบอุ่นกลมเกลียวขึ้นบ้างแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
นางเป็นกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพระชายากับท่านอ๋องมาทั้งวัน ในเมื่อครั้งนี้เป็นเพราะไทเฮาทรงเรียกตัวให้ไปเข้าเฝ้า เช่นนั้นแล้ว พระชายากับท่านอ๋องก็น่าจะมีพัฒนาการที่ดีต่อกันขึ้นบ้างแล้วสิ?
หนานหว่านเยียนในตอนนี้ ถ้าพูดถึงกู้โม่หานขึ้นมาเมื่อไหร่ สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที
นางตอบกลับด้วยคำพูดที่ไม่ต่างจากการสาดน้ำเย็นจัดอ่างใหญ่ ๆ ใส่เซียงอวี้อย่างไร้ความปราณี
"ความแค้นลึกล้ำ อาฆาตพยาบาทไม่จบไม่สิ้น ข้ากับเขาถูกกำหนดให้ต้องเกลียดชังจองเวรจองกรรมกันเรื่อยไป จะมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกลมเกลียวได้อย่างไรรึ?"
เซียงอวี้เหมือนถูกฟ้าผ่ากลางแดดจัด ๆ มองไปที่หนานหว่านเยียนด้วยอาการตกตะลึงอึ้งค้าง คิดอยากพูดอะไรออกมาบ้าง แต่กลับพบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
นางพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับหยีเฟย อยู่บ้างเล็กน้อย
ได้ยินว่าในตอนนั้นที่หยีเฟยเกิดเรื่อง ข่าวลือของนางแพร่กระจายออกไปจนวุ่นวายโกลาหลไปทั้งเมือง ถ้าไม่ใช่เพราะมีฮองเฮาช่วยออกหน้าปกป้องเฉิงเซี่ยง รวมถึงมีขุนนางหลายคนที่ออกมาช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเฉิงเซี่ยง น่ากลัวว่าตอนนี้จวนเฉิงเซี่ยงคงได้ล่มสลายหมดไม่มีเหลือไปนานแล้ว ส่วนพระชายาก็คงไม่มีโอกาสได้แต่งให้กับท่านอ๋องแน่.....
แต่เรื่องของหยีเฟยจะเป็นแค่เพราะกินผิด จนทำให้กลายมาเป็นแบบนี้ได้เลยเชียวหรือ?
ในเวลานั้น หยีเฟยเป็นถึงพระสนมชั้นกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในหกตำหนักเชียวนะ ทั้งยังเป็นคนฉลาดหลักแหลม นางจะทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้ออกมาได้จริง ๆ น่ะหรือ.....
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางก็หวังว่าท่านอ๋องกับพระชายาจะสามารถคลายปมแค้นในใจให้เร็วที่สุด แล้วเปลี่ยนเป็นรักใคร่ปรองดองกันได้สักที.....
“พระชายา ท่าน....” ในที่สุดเซียงอวี้ก็กลับมาตั้งสติได้ นางเพิ่งจะอ้าปากพูด กลับพบว่าหนานหว่านเยียนหายไปแบบไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว นางเกาหัวยิก ๆ “พระชายาถึงกับไปตั้งนานแล้ว ทำไมข้าไม่ทันสังเกตเห็นสักนิดเลยล่ะเนี่ย?..... "
หนานหว่านเยียนกลับมาถึงเรือน ตรงไปนั่งที่โต๊ะ หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ใบหน้าอันงดงามดวงนั้นก็ดูเคร่งเครียดจริงจังขึ้นหลายส่วน
"เอาล่ะ หนานหว่านเยียน มาวางแผนสะสางเรื่องที่ได้เจอช่วงนี้ให้ชัดเจนกันเถอะ!"
นางหยิบถ้วยชาใบหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ "นี่คือหนานชิงชิง นางลอบสังหารข้า ก็เพราะกู้โม่หาน"
แม้ว่าแรงจูงใจในการฆ่าของหนานชิงชิงจะไม่ชัดเจนพอ แต่โดยพื้นฐานแล้วก็มั่นใจได้ประมาณแปดเก้าส่วนจากเต็มสิบ นางจะไม่ถึงกับอยู่เฉย ๆ ให้คนลงมือโจมตี หรือหลบหลีกอย่างไร้ทิศทางเหมือนเมื่อก่อนอีก
หนานหว่านเยียนหยิบถ้วยชาออกมาอีกใบ "นี่คือท่านน้า ร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวจนดีขึ้นบ้างแล้ว ต้องหาโอกาสรับเขามารักษาตัวให้หาย"
แต่หลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้ดี ๆ อีกรอบ หนานหว่านเยียนก็พบกับปัญหายากขึ้นมาอีกข้อ
โม่หวิ่นหมิงไม่ใช่น้าแท้ ๆ ของนาง พวกเขาสองคนไม่ใช่ญาติกัน อีกทั้งโม่หวิ่นหมิงยังเป็นผู้ชาย แถมเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก ๆ ด้วย ถ้าถูกนางรับตัวมาทั้งอย่างนี้ ย่อมหลีกเลี่ยงเรื่องถูกคนเอาไปเล่าลือจนเสื่อมเสียได้แน่
ยิ่งไปกว่านั้น คงหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะมีคนคอยยุแยงขัดแข้งขัดขาไม่ได้
แต่ถ้าจัดที่ทางให้เขาอยู่นอกจวนก็ไม่ปลอดภัย แต่จะอย่างไรสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ก็มีคนจำนวนมากที่หมายชีวิตนาง โดยเฉพาะหยุนอี่ว์โหรวกับหนานชิงชิง แม่ดอกบัวขาวจอมสับปลับสองดอกนี้ คงแทบจะอดรนทนไม่ไหว อยากจะกำจัดนางไปให้พ้นทาง แล้วให้ตัวเองได้เข้ามาแทนที่แทบแย่แล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ หนานหว่านเยียนก็ได้แต่ลอบถอนใจ หนานชิงชิงก็ถือว่าช่างเถอะ เพราะยังไงก็เป็นถึงพระชายาเฉิง แถมยังมีฮองเฮาเป็นที่กำบังให้ เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากจะรับมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อยากอ่านต่อค่ะ ไม่อยากให้นางเอกให้อภัยเลย ถึงแม้ว่าพระเอกจะถูกนางร้ายหลอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พระเอกทำร้ายนางเอกหนักหนาสาหัส ทำนางเอกตายและเกือบตายมาหลายรอบ ชอบข่มเหงบังคับจิตใจ ไหนจะเลือกช่วยนางร้ายก่อนนางเอกทุกที แล้วยังเลือกทำร้ายนางเอกเพื่อนางร้าย สมควรทิ้งมันค่ะ...