ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 242

เกี๊ยวน้อยมองไปทางซาลาเปาน้อย ด้วยเกรงว่าหนานหว่านเยียนจะโมโห จึงรีบเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า

“พวกเรามิได้มีความหมายอื่นใด พวกเราเพียงรู้สึกว่าดูเหมือนคนชั่วคนนั้น จะ จะดีกับท่านแม่บ้างเล็กน้อย......”

หนานหว่านเยียนตกตะลึง เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าอันไร้เดียงสาของสองพี่น้อง นางก็รู้สึกทำตัวมิถูก ในใจมิค่อยดีนัก ทั้งยังรู้สึกผิดเล็กน้อย

เจ้าหนูสองคนนี้ เปลี่ยนความคิดที่มีต่อกู้โม่หานรวดเร็วเช่นนี้เชียว?

นางขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าของนางมองไปทางสองพี่น้อง เผยถึงความโมโหเล็กน้อย “ไม่ แม่เกลียดเขา!”

ความโมโหของนางมิได้โมโหสองศรีพี่น้อง แต่โมโหกู้โม่หาน

เจ้าอ๋องผู้มีจิตใจโหดเหี้ยมคนนั้น พยายามคิดหาวิธีต่างๆ เพื่อเข้าใกล้ลูกสาวของนาง ต้องการจะนำทั้งสองไปเป็นของตน ช่างหน้าด้านไร้ยางอาย

อีกอย่าง เขาดีกับนางตรงไหนกัน เขาคอยขัดขานางต่างหากเล่า!

เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยหันมามองหน้ากัน พวกนางเข้าใจดีว่าความรู้สึกมิพึงพอใจนั้นมิได้มาจากทั้งสอง สองพี่น้องมิอยากให้หนานหว่านเยียนโมโหหงุดหงิดต่อไป จึงได้เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย

เกี๊ยวน้อยทำท่าทางน่าสงสาร กะพริบตากลมโตของตน เอาคางไปเกยไว้ตรงหัวเข่าของหนานหว่านเยียน นิ้วมืออ้วนท้วมเขียนวงกลมที่ขาของหนานหว่านเยียน

“ท่านแม่ ข้าขอโทษ พวกเรามิควรเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา ท่านแม่อย่าโมโหเลย!”

“คนคนนั้นชั่วร้ายจะตายไป พวกเราจะให้ท่านแม่ไปดีกับเขาได้อย่างไร?”

“ท่านแม่ ข้าขอโทษ” ซาลาเปาน้อยเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย แก้มยุ้ยของแม่หนูวางอยู่บนแขนของหนานหว่านเยียนเสียดสีไปมาเบาๆ มือทั้งสองข้างโอบไปที่แขนของหนานหว่านเยียนแล้วกล่าวว่า “ต่อจากนี้ในอนาคต พวกเราจะมิเอ่ยถึงเรื่องเช่นนี้แล้ว”

“ท่านแม่เป็นสตรีที่เก่งกาจที่สุดในใต้หล้า จะให้ใครมาทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจมิได้!”

ไม่ว่ากู้โม่หานทำอะไรลงไป แต่ในใจของสองพี่น้องแล้ว หนานหว่านเยียนจะอยู่อันดับแรกเสมอ หากว่านางต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจละก็ พวกนางจะต้องเข้ามาปกป้องนางเป็นอันดับแรก

สีหน้าของหนานหว่านเยียนดูผ่อนคลายลง รู้สึกพอใจเป็นยิ่งนัก

“พวกเจ้าสองคนเป็นเหมือนดวงใจของแม่ เป็นคนที่เข้าใจแม่มากที่สุด แล้วแม่จะโทษพวกเจ้าได้อย่างไร? แม้ว่ากู้โม่หานกับแม่จะมีหนังสือหมั้นหมายกันอยู่ แต่นิสัยของพวกเราเข้ากันมิได้ มุมมองต่างๆ ก็มิเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้จึงมิอาจเป็นไปได้ที่จะคืนดีกัน นี่คือความคิดของแม่ หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจ”

เรื่องตัวตนทั้งสองของเด็กน้อยนางยังคงปิดบังเอาไว้ มิกล้าให้พวกนางรู้ว่าบิดาของพวกนางก็คือกู้โม่หาน ที่จริงแล้วนางรู้สึกว่ากู้โม่หานมิควรคู่ต่อการเป็นบิดา มิจำเป็นต้องให้เด็กๆ รู้ว่าบิดาของพวกนางเป็นคนเลวย่ำแย่

โชคดีที่ทั้งสองคนนี้รู้จักมารยาทกาลเทศะ พวกนางมิเคยเอ่ยถามเรื่องนี้มาก่อนเลย

เจ้าหนูทั้งสองคนมองหน้ากัน พยักหน้าตอบว่า “เจ้าค่ะ ท่านแม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ว่าเช่นนั้น พวกเราฟังตามที่ท่านแม่บอก”

“เด็กดีของแม่” หนานหว่านเยียนรู้สึกว่าโชคดีเหลือเกิน นางอดมิได้ที่จะอุ้มทั้งสองคนขึ้นมากอด

ขณะเดียวกัน นางก็อดมิได้ที่จะครุ่นคิดมากมายต่างๆ นานา

ช่วงนี้ท่าทีของกู้โม่หานที่มีต่อนางเหมือนจะแปลกประหลาดมากขึ้นทุกที มิเพียงแต่ระบายอารมณ์หงุดหงิดโดยไร้เหตุผล ทั้งยัง แตะเนื้อต้องตัวนาง

หรือแม้กระทั่งต้องการจะครอบครองนาง แต่ก่อนหน้านี้มิใช่เช่นนั้น

ส่วนลูกสาวทั้งสองคนแม้ว่าจะเข้าข้างนาง แต่จากช่วงเวลาที่ผ่านมา ในใจของพวกนางทั้งสองคงถูกซื้อโดยกู้โม่หานบ้างแล้วเล็กน้อย

เพราะถึงอย่างไรเลือดก็ข้นกว่าน้ำ และเขาปฏิบัติต่อลูกทั้งสองมิเลวทีเดียว

หรือแม้กระทั่งนับตั้งแต่มาเจอกันอีกครั้ง เขาก็ดูมิได้รังเกียจเดียดฉันท์พวกนางแม้แต่นิดเดียว

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หนานหว่านเยียนก็อดมิได้ที่จะหงุดหงิด

ตอนนี้นางมีศัตรูทั้งหน้าหลัง นางเป็นตัวหมากสำหรับฮ่องเต้ และยังมีกู้โม่หานคอยจ้องมอง

เมื่อนางถูกดึงเข้าไปเกี่ยวโยงในเรื่องความแค้นและอำนาจของราชวังหลวง เช่นนั้นเรื่องการหย่าร้างภายในครึ่งปีระหว่างนางกับกู้โม่หาน การเปลี่ยนแปลงนี้คงจะมากเกินไป

นางอยากจะจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จไปเสีย จัดการกับทุกปัญหาแล้วหลบหนีไปใช้ชีวิต......

เมื่อคิดดังนั้น แววตาของหนานหว่านเยียนก็เปลี่ยนไป กุมมือของพี่น้องทั้งสองคนแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้