การชนกันของรถม้าสองคันนั้นมิได้สร้างความวุ่นวายมากนัก ในมิช้ารถม้าก็แล่นไปตามถนนหนทางอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังพระราชวังหลวง
กู้โม่หานเอนหลัง พิงไปยังที่นั่งด้วยใบหน้าเย็นชา แววตาดูเยือกเย็นผิดปกติ
หนานหว่านเยียนก็เอนกายไปยังที่พิงของนางเงียบๆ มิได้ไปยั่วยุเขาอีก
เพราะถึงอย่างไรกู้โม่หานกับจวนเฉิงเซี่ยงก็มีความแค้นต่อกัน
นางมิอยากจะเถียงกับเขาเสียตอนนี้
จวบจนกระทั่งมาถึงประตูพระราชวัง หนานหว่านเยียนก็รู้สึกมีความสุขยิ้มขึ้นลงจากรถม้า
นางมิสนใจกู้โม่หาน ได้แต่เดินไปข้างหน้าตามลำพัง
ในวันเทศกาลดอกไม้ เป็นวันบูชาเทพเจ้าแห่งดอกไม้ ฮ่องเต้มักจะเสด็จไปทางใต้เพื่อชมดอกไม้มากมาย
แต่เนื่องจากเกิดเหตุจลาจลเมื่อมิกี่วันก่อน อีกทั้งพิจารณาถึงเหตุผลต่างๆ จึงเลือกที่จะจัดงานเลี้ยงใหญ่ในพระราชวัง
หนานหว่านเยียนเห็นทะเลดอกไม้บานสะพรั่งหลากสี มองไปช่างสบายตา
แต่ว่านางมิมีอารมณ์มาชื่นชมดอกไม้ บัดนี้งานเลี้ยงในวังยังมิทันได้เริ่มขึ้น นางอยากจะเดินทางไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก่อน เพื่อเอ่ยคำร้องขอของนาง
กู้โม่หานเดินตามหลังหนานหว่านเยียนไปด้วยสีหน้าเย็นชา
“ท่านอ๋องและพระชายาช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไป เฟิ่งกงกงก็รีบเร่งเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ารอยยิ้มอันอบอุ่น
หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยทันที “เฟิ่งกงกง ท่านมาได้อย่างไร?”
เฟิ่งจงฉวนมองไปทางหนานหว่านเยียน รอยยิ้มของเขาดูเข้มข้นขึ้น แววตาเปล่งประกายเฉียบแหลม
“ทูลพระชายา ฝ่าบาท เชิญให้ท่านเสด็จไปเข้าเฝ้า ณ ห้องทรงพระอักษร”
แววตาของหนานหว่านเยียนเป็นประกาย
นางยังมิทันเดินทางไปหา ฮ่องเต้ก็มาตามนางเองแล้ว เป็นสิ่งที่นางต้องการเสียเหลือเกิน
“เช่นนั้นเฟิ่งกงกงเชิญนำทางเถิด”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของกู้โม่หานดูสงบลง น้ำเสียงแกมบีบบังคับว่า “เสด็จพ่อมิได้เรียกให้ข้าเข้าเฝ้าหรือ”
เฟิ่งกงกงหันไปมองทางกู้โม่หานแล้วเสแสร้งทำเป็นมิรู้มิชี้ กล่าวว่า “เอ่อ เรื่องนี้กระหม่อมเองก็มิแน่ชัด ฝ่าบาทกล่าวว่าเชิญพระราชชายาอ๋องอี้ให้เข้าเฝ้าเท่านั้น”
“อืม” ดวงตาของกู้โม่หานดูแหลมคม เย็นเฉียบเป็นประกาย เขามองออกเพียงแต่มิได้กล่าวเท่านั้น
เฟิ่งจงฉวนเหลือบมองไปทางกู้โม่หาน ยิ้มแล้วกล่าวว่า “สีหน้าของอ๋องอี้ดูดีกว่าเมื่อก่อนยิ่งนัก กระหม่อมดีใจเหลือล้น หากท่านอ๋องยังมิหายดีละก็ เมืองหลวงนี้คงจะแย่แน่”
กู้โม่หานมองไปด้วยแววตาสงบ “งั้นหรือ เฟิ่งกงกงเป็นห่วงเป็นใยข้าเช่นนี้เชียว?”
หนานหว่านเยียนเหลือบมองไปทางกู้โม่หาน จากนั้นหันมามองที่เฟิ่งกงกง รู้สึกว่าคนในพระราชวังล้วนเป็นนักแสดงที่ตีบทแตกจริงๆ แต่ละคนแสดงได้มิแพ้กัน
เฟิ่งจงฉวนเพียงต้องการลองเชิงกู้โม่หาน แต่เมื่อเห็นว่าเขามิตอบต่อ จึงมิได้ใส่ใจแล้วยิ้มกลับ
“ท่านอ๋องคือเทพเจ้าแห่งสงคราม และยังเป็นอ๋องอี้แห่งซีเหย่ แน่นอนว่ากระหม่อมย่อมเป็นกังวล”
“โอ้ ดูสมองอันแก่ชราของกระหม่อมสิ เอ่ยวาจามากความ ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรอพระชายาอยู่ กระหม่อมขอตัวพาพระชายาเสด็จไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบเขาก็โค้งคำนับไปทางกู้โม่หานแล้วหันหลังจากไป
หนานหว่านเยียนละสายตาจากกู้โม่หานแล้วก้าวเท้าเดินตามออกไปเช่นกัน
แววตาที่ยังนับว่าค่อนข้างอ่อนโยนของกู้โม่หานจับจ้องไปทางร่างของหนานหว่านเยียนอยู่สักพัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...
รออัพเดทนะคะ...
ขอเรื่อง หนูน้อยจอมอิทธิฤทธิ์...