ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 552

สีหน้าโม่หวิ่นหมิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในใจก็มีความรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ท่าทีของหว่านหว่านเขารู้ดี แต่หากถ่วงเวลาออกไปอีก หว่านหว่านจะอยู่แคว้นซีเหย่ต่อเพราะเจ้าหนูสองคนหรือไม่ เขาก็ไม่แน่ใจ…

ดูเหมือนว่าจะต้องแจ้งเซียนเซิงว่า สุภาพบุรุษจะต้องเร่งการออกเดินทางแล้ว

ประจวบกับในเวลานี้ที่เซียงอวี้ และเซียงเหลียนกำลังยกอาหารเช้าเข้ามา ทั้งสองเห็นภาพครอบครัวนั่งอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นกลมกลืน ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก

อย่างไรในใจของเซียงอวี้ ยังคงหวังว่ากู้โม่หานจะสามารถมานั่งอยู่ที่นี่ได้ แต่น่าเสียดายที่ท่านอ๋องได้ออกไปแล้วก่อนหน้านี้...

แต่นางไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ยกอาหารเช้าวางไว้บนโต๊ะ พูดกับทั้งทุกคนว่า "พระชายา นายท่าน เสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสอง หลายวันก่อนบ่าวได้เรียนทำขนมชนิดใหม่มา ทุกท่านลองชิมดูนะเจ้าคะว่าถูกปากหรือไม่"

เซียงเหลียนก็วางโจ๊กร้อนๆ ในมือลง "ช่วงนี้อากาศหนาว พระชายาและนายท่านรับประทานโจ๊กเนื้อแกะตังกุย (ชื่อสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน) ขับไล่คลายหนาวนะเจ้าคะ ส่วนเสี่ยวจวิ้นจู่ทั้งสองเหมาะที่จะรับประทานโจ๊กหวงฉี (ชื่อสมุนไพรชนิดหนึ่ง) ลำใยเจ้าค่ะ"

เด็กน้อยทั้งสองคนมองไปที่โจ๊กที่กำลังร้อนๆ พร้อมกับร้อง "ว้าว" ออกมาด้วยความดีใจ

เกี๊ยวน้อย: "ขอบคุณพี่เซียงเหลียน พี่เซียงอวี้ หลังจากนี้พวกเราจะได้ถูกเลี้ยงจนอ้วนๆ กลมๆ แน่เลย!"

ซาลาเปาน้อยหัวเราะคิกคัก ชี้ไปยังจานที่เซียงอวี้ทำพร้อมกล่าวว่า "ซาลาเปาลูกหมู" "พี่สาว เจ้าว่าเหมือนหรือไม่?"

คำพูดของเด็กไม่มีอ้อมค้อม ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารหัวเราะออกในทันที บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก

หนานหว่านเยียนอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของซาลาเปาน้อย ลูกสาวทั้งสองของนาง เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่โลกนี้มอบให้กับนาง

ทันใดนั้นซาลาเปาน้อยก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มองหนานหว่านเยียนตาปริบๆ น้ำเสียงมีความระมัดระวังเล็กน้อย

"ท่านแม่ข้ากำลังคิดว่า ขนมอบหวานๆ ที่พี่เซียงอวี้ทํา อร่อยทุกอย่าง โจ๊กอุ่นๆ ที่พี่เซียงเหลียนทำ ทำให้หัวใจของข้ารู้สึกอบอุ่นขึ้นมา หากส่งของเหล่านี้ไปให้เสด็จย่าที่เรือนจิ้งฉาน นางจะหายเร็วขึ้นหรือไม่เจ้าคะ?"

พวกนางรู้ว่าเสด็จแม่ของพ่อเฮงซวยพักอยู่ในเรือนจิ้งฉาน แต่ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว พวกนางกลับไม่ได้ไปเยี่ยมเสด็จย่า ดูเหมือนพวกนางไม่ค่อยมีมารยาทนัก..

เกี๊ยวน้อยพอลูบต้นขาก็คิดได้ และกล่าวว่า "ใช่แล้ว!เสด็จย่าที่เรือนจิ้งฉานไม่ใช่ท่านแม่ของท่านพ่อหรอกหรือหลายวันมานี้ ข้าและซาลาเปาน้อยได้ยินมาว่าเสด็จย่าฟื้นแล้ว แต่ไม่พูดไม่จา ท่านแม่ท่านแม่ พวกข้าต้องเอาของหวานไปเยี่ยมนางสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?"

หยีเฟยฟื้นแล้วหรือ?

สายตาของโม่หวิ่นหมิงเปลี่ยนแปลง ซับซ้อนขึ้นมาในทันที

เขามองไปยังหนานหว่านเยียน รอคำตอบจากนาง

เซียงอวี้ เซียงเหลียนก็จ้องมองไปยังหนานหว่านเยียน หนานหว่านเยียนก็ประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าซาลาเปาน้อยจะยกเรื่องนี้ขึ้นมา นางจึงตอบกลับในทันทีนว่า "เสด็จย่าตอนนี้นางยังกินของหวานเหล่านี้ไม่ได้ และตอนนี้นางต้องการพักผ่อนอย่างสงบ พวกเจ้าทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงมาก วันนี้เป็นเด็กดีเข้าเรียนกับเหล่าเซียนเซิงในลานบ้านเข้าใจหรือไม่"

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เด็กทั้งสองกับหยีเฟยมีความเกี่ยวข้องกันมากเกินไป โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่หยีเฟยมีท่าทีคลุมเครือต่อนาง

นางไม่ต้องการให้เด็กทั้งสองได้รับบาดเจ็บใดๆ

ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางกําลังจะไปแล้ว หากเกิดความรู้สึกที่ไม่จำเป็นอะไรขึ้นมาอีก ก็จะเพิ่มความทุกข์ขึ้นมาเปล่าๆ

เมื่อโม่หวิ่นหมิงได้ยิน ก็เกิดรอยยิ้มขึ้นในดวงตา

สามารถเข้าใจสถานการณ์และวางแผนออกมาได้ หนานหว่านเยียนก็เป็นเหมือนพี่สาวสาบาน เป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมมาก รอนางกลับไปที่นั่น เชื่อว่าก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้