ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 672

คิ้วงามของหนานหว่านเยียนขมวดแน่นเล็กน้อย นางเงยหน้ามองเขา แต่ไม่นานก็หลุบสายตาลง จับชีพจรอย่างถี่ถ้วน

กู้โม่หานหลุบสายตาลงมองใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยตรงหน้า แล้วเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย

เขาขยับเข้าใกล้นางอย่างใจเย็น จนห่างจากหนานหว่านเยียนเพียงหนึ่งกำปั้น

แม้จะไม่มีกลิ่นยาที่ทำให้เขาจิตใจสงบ แต่กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ บนผมหนานหว่านเยียน ก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจได้

ปลายนิ้วมือขวาขยับแหวนตรงนิ้วก้อยเล่น นัยน์ตาราวกับยาพิษเปล่งประกายเล็กน้อย เขาเอ่ยพูดเสียงเบา น้ำเสียงอ่อนโยนเล็กน้อย “ตรวจเจออะไรหรือ?”

หนานหว่านเยียนรู้สึกตัวว่าทั้งสองคนใกล้กันเกินไปแล้ว จึงรีบชักมือกลับ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เพื่อรักษาระยะห่าง

นางเม้มปาก แล้วเอ่ยขึ้น: “ฝ่าบาทมีปมในใจที่แก้ไม่ได้”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพระวรกายจะทรุดลงได้ ขอให้ฝ่าบาทโปรดทรงทำใจให้สบาย ปล่อยวางบ้าง พักผ่อนให้เต็มที่ และระมัดระวังเกี่ยวกับอาหารการกิน”

เฉินกงกงเลิกคิ้ว มองหนานหว่านเยียน ไป๋จื่อผู้นี้ วิชาแพทย์ถือว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก ที่พูดนี้ก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยสักนิด

นับตั้งแต่ฮองเฮาเหนียงเหนียงสวรรคต ฝ่าบาทก็ปิดกั้นหัวใจตัวเอง ราวกับว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถก้าวเข้าไปลานน้ำแข็งที่โดดเดี่ยวได้อีก

เขารีบร้อนเอ่ยสมทบอยู่ข้างๆ “ใช่ฝ่าบาท ท่านจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ท่านเป็นทุกข์ บ่าวดูแล้วก็เป็นห่วงเช่นกัน”

กู้โม่หานไม่ได้สนใจเฉินกงกง นัยน์ตาแคบยาวคู่นั้นสั่นไหวเล็กน้อย ตอนที่มองหนานหว่านเยียน ใบหน้าหล่อเหลาเย็นยะเยือกดูเหมือนจะเศร้าสลดเล็กน้อย

“คนที่รักจากไปหมดแล้ว เจ้าจะให้ข้ามีความสุขได้อย่างไรกัน?”

“ความทุกข์ใจของข้า มีเพียงนางคนเดียวที่สามารถรักษาได้”

ความรู้สึกของหนานหว่านเยียนยุ่งเหยิงอย่างอธิบายไม่ได้ อาจเป็นไปได้ว่า พอนาง “ตาย” แล้ว ก็ส่งผลกระทบกระเทือนทางจิตใจให้กับกู้โม่หานกระมัง

แต่ไม่ถึงสองเดือน เขาก็พาหยุนอี่ว์โหรวเข้าวังมาแล้วไม่ใช่หรือ ซึ่งนั่นก็เห็นได้ว่าปัญหาไม่ได้ร้ายแรงอะไร

นางเอ่ยอย่างราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง “ฝ่าบาทโปรดระงับความโศกเศร้า การรักษาพระวรกายสำคัญที่สุด”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่าทางของนางเย็นชาเกินไป หรือเพราะคำพูดของนางไม่น่าฟังเกินไปกัน จู่ๆ กู้โม่หานถึงได้กำมือแน่น สีหน้าขาวผ่องเปลี่ยนเป็นเขียวทันที

“พานางไปเรือนจ้างฮวาที่อยู่ด้านข้าง แล้วจัดแจงให้ไปอยู่ด้วยกันกับเหล่าสาวใช้”

เฉินกงกงตอบรับตัวสั่นงันงก “ขอรับ”

ฝ่าบาทยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดถึงได้โกรธอีกแล้ว

แม่นางไป๋จื่อเพียงแค่ให้เข้าระงับความโศกเศร้า ก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่……

หนานหว่านเยียนอ่านสีหน้าตอนนี้ของกู้โม่หานไม่ออก แต่ก็สามารถรับรู้ได้ ถึงความโกรธรุนแรงพวกนั้นที่กระจายอยู่รอบตัวของชายหนุ่ม

นางเองก็ไม่ได้พูดให้มากความ ไม่ว่าสาเหตุที่กู้โม่หานจู่ๆ ก็มีท่าทางแปลกๆ ในคืนนี้คืออะไร นางก็มีเพียงเป้าหมายเดียว------

คือปกป้องตัวเองให้ดี ไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อปูทางในการพาลูกออกจากวังในภายหลัง

คิดเช่นนี้ เสียงเย็นยะเยือกของกู้โม่หานก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ในวังหลัง ตำหนักบรรทมล้วนให้เหล่าพระสนมเอกอาศัยอยู่ แม่นางไป๋จื่อเป็นฮูหยินของแม่ทัพ มันจักไม่สะดวกนักหากไปอยู่ที่อื่น ทำได้เพียงให้เจ้าจำทนอยู่ที่เรือนจ้างฮวาสักคืน”

“อีกอย่าง อานผิงจะตื่นนอนยามเฉิน (เวลาช่วง 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า) ทุกวัน หลังตื่นแล้วก็จะไปเล่นที่อุทยานหลวงครึ่งชั่วยาม พรุ่งนี้เจ้าไปตำหนักหยูซินเป็นเพื่อนนางตั้งแต่เช้าเพื่อเสวยพระกระยาหารเช้า นางชอบความครึกครื้น เจ้าไปกับนาง ก็พูดคุยให้มากๆ แล้วกัน”

คิดไม่ถึงเลย ว่าตอนนี้กู้โม่หานจะเข้าใจกิจวัตรประจำวันของลูกสาวดีเช่นนี้

หนานหว่านเยียนเก็บอาการเอาไว้แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “เพคะ พรุ่งนี้ ข้าจะติดตามองค์หญิงอานผิงไปตำหนักหยูซินให้ตรงเวลา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้