ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 787

เมื่อคิดจบ ดวงตาของกู้โม่หานอึมครึม แฝงความเย็นชาหลายส่วน

เมื่อออกจวนแม่ทัพน้อยมาแล้ว องครักษ์หลายคนเห็นอาผานที่อยู่ในอ้อมกอดของกู้โม่หานก็ผงะทันที จากนั้นก้มหัวลงราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง แสร้งทำเป็นไม่เห็นพูดเป็นเสียงเดียวกัน “นายท่านไปที่ใดต่อหรือพ่ะย่ะค่ะ”

กู้โม่หานก้มหน้ามองบุตรสาวไม่พูดไม่จาที่ซบอยู่บนบ่าอย่างเชื่อฟัง แล้วหันไปมองหนานหว่านเยียน

หนานหว่านเยียนมองซาลาเปาน้อยแล้วเอ่ยว่า “อาผานอยู่ในจวนแม่ทัพน้อยหลายวันมานี้คงจะอุดอู้ใช่หรือไม่”

“ข้าพาเจ้าไปเดินเที่ยวรอบๆ เที่ยวเล่นกันสักพักก่อน แล้วค่อยไปบ้านคนอื่นดีไหม”

วันนี้กู้โม่หานยอมปล่อยนางออกมา เป็นเพราะเขาตามอยู่ตลอด เขาถึงสบายใจ นางไม่มีทางมีโอกาสออกจากวังได้ทุกวัน และไม่มีทางพาลูกหนีไปวันนี้ได้ ดังนั้นวันนี้จึงต้องอยู่เล่นสนุกกับเด็กน้อยถึงจะถูก

กู้โม่หานมองความคิดของหนานหว่านเยียนออกแต่กลับไม่ได้เปิดโปง ผงกหัวเล็กน้อย “ข้าว่าก็ดี”

“อาผานเป็นเด็กน้อย ชอบเล่นก็เป็นปกติ”

หนานหว่านเยียนเหลือบมองกู้โม่หาน คิดกับตนเองว่าไม่ได้ถามความเห็นเขาซะหน่อย เขาคิดเองเออเองอะไรกัน

ซาลาเปาน้อยเงยหน้า สายตาไม่ละไปจากหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน พลันคิดว่าตนเองเหมือนกำลังฝันอยู่

นางไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเสด็จพ่อและท่านแม่สองเดือนกว่าแล้ว ยังจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ครอบครัวสี่คนของพวกเขาออกไปเที่ยว ปล่อยโคมดอกไม้ กินของอร่อยมากมาย...

เดิมทีนางคิดว่า วันเวลาเช่นนั้นจะไม่มีทางกลับมา แต่คาดไม่ถึงว่าวันนี้นางจะฝันเป็นจริงแล้ว

ทันใดนั้น หัวใจของหัวใจของ เหมือนจะเต็มไปด้วยความหอมหวาน นางซุกหัวเข้ากับคอของกู้โม่หาน ขานรับเสียงเบา “อืม ล้วนฟังพี่สาวกับพี่ชายเจ้าค่ะ”

หากมีพี่สาวอยู่ด้วย ในตอนนี้ จะดีแค่ไหนกัน

เสียงของอ้อนแอ้นของเด็กน้อยฟังแล้วทำให้หัวใจของทุกคนละลาย

รอยยิ้มกู้โม่หานยิ่งลึกขึ้น อดลูบหัวเด็กน้อยไม่ได้

เนื่องจากตัดสินใจที่จะเล่นชั่วคราว พวกเขาจึงไม่ได้ขึ้นรถม้า แต่มุ่งไปยังย่านใจกลางเมือง พร้อมองครักษ์คุ้มกันข้างกายหลายคน

เสื้อผ้าของหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หานในวันนี้ไม่โดดเด่นนัก ยามเดินบนท้องถนน ดูเหมือนคู่สามีภรรยาธรรมดาที่ไม่ได้เข้าร่วมฝูงชน

เพียงแต่รูปลักษณ์ของทั้งสองคนเตะตาเกินไป ไม่ว่าจะไปที่ใด คนไม่น้อยต่างก็หยุดดู

“พวกเจ้าดูสิ สามีภรรยาคู่นั้นดูเหมาะสมกันมาก! คู่สร้างคู่สม ช่างเป็นคู่รักฟ้าประทานยิ่ง!”

“เด็กที่คุณชายท่านนั้นอุ้มอยู่ น่าจะเป็นบุตรสาวของพวกเขากระมัง แม้ลักษณะจะดูเหมือนเด็กผู้ชาย แต่ก็น่ารักเชื่อฟังยิ่ง”

“น่าอิจฉาเกินไปแล้ว เมื่อใดข้าจะมีสามีหล่อเหลาเช่นนี้ได้บ้าง”

เด็กสาวกลุ่มหนึ่งเดินผ่านข้างหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน ก้มหน้ากระซิบกระซาบกันไม่หยุด

หนานหว่านเยียนได้ยินก็ขมวดคิ้วเบาๆ เร่งฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว

ไม่ใช่เพราะจำใจ แต่นางไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้โม่หานมากนัก

แต่กู้โม่หานกลับยกมุมปากยิ้ม ราวกับชอบฟังผู้คนพูดถึงเขากับหนานหว่านเยียนเช่นนี้

เขาหลุบตามองซาลาเปาน้อยที่ซบหน้าอมชมพูอยู่ในอ้อมอก จู่ๆ ก็เอ่ยหยอกเบาๆ ว่า “เจ้าคิดว่า ข้ากับพี่สาวคนนี้เหมาะสมกันหรือไม่”

ซาลาเปาน้อยผงะทันที มองหนานหว่านเยียน แล้วหันมามองเขา ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี

เหมือนกู้โม่หานมองเห็นความลำบากใจของบุตรสาว จึงถามด้วยวิธีอื่นว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่มีทางบอกพี่สาว พูดออกมาได้ไม่เป็นไร”

ซาลาเปาน้อยมองกู้โม่หาน กะพริบตาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ลอบกระซิบข้างหูเขาว่า “พวกท่านล้วนดูดี ข้าคิดว่าเหมาะสมมากเจ้าค่ะ”

ในเมื่อเสด็จพ่อไม่มีทางบอกท่านแม่ งั้นนางแอบบอกความในใจไป ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรกระมัง

เพราะอย่างไร เสด็จพ่อเหมือนจำนางไม่ได้ และนางก็ไม่ได้พูดโกหก เสด็จพ่อเกิดมาหน้าตาดี ท่านแม่ก็เกิดมาหน้าตาดี งั้นมันก็ถูกต้องแล้ว

เพิ่งสิ้นเสียง รอยยิ้มในดวงตากู้โม่หานก็ยิ่งฉายชัด เขาลูบหัวซาลาเปาน้อยอย่างอ่อนโยน เอ่ยเสียงเบาว่า “เด็กดี เด็กที่พูดความจริง อีกเดี๋ยวจะได้รางวัล”

พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเรียวยาวไปข้างหน้าอย่างไว คว้าข้อมือผ่องของหนานหว่านเยียนโดยไม่มีคำอธิบายใดๆ

กู้โม่หานจูงมือของหนานหว่านเยียนอย่างเผด็จการ จากนั้นฝืนสอดประสานมือ แนบชิดนิ้วทั้งสิบกับนาง

หนานหว่านเยียนที่ไม่ทันตั้งตัว ถูกเขากุมมือเอาไว้แน่น พยายามบิดข้อมือดิ้นให้หลุด กลับถูกชายหนุ่มจับแน่นยิ่งกว่าเดิม

นางขมวดคิ้ว แล้วมองทางกู้โม่หาน พูดด้วยเสียงต่ำเดือดดาล “เจ้าจะทำอะไร”

สีหน้ากู้โม่หานไม่มีเปลี่ยน สายตาทรงเสน่ห์ราวกับน้ำพุ “เจ้าไม่ได้ยินคนรอบข้างต่างบอกว่าพวกเราเหมาะสมกันรึ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จะทำให้ทุกคนผิดหวังได้อย่างไร”

หนานหว่านเยียนถูกทำให้สำลักจนเหมือนมีอะไรติดคอ จู่ๆ ก็เสียใจที่ตกลงยอมออกมาด้วยกันกับเขา

คนอย่างเขา เอาแต่ใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งทุกอย่าง พยายามได้คืบจะเอาศอก

หนานหว่านเยียนลอบกัดฟัน แต่ต่อหน้าซาลาเปาน้อย นางยังระงับความโกรธทั้งหมดลงไป เอ่ยด้วยรอยยิ้มเสแสร้งว่า “เจ้ามีความสุขก็ดี”

แววตากู้โม่หานอ่อนโยน รอยยิ้มยิ่งเข้มขึ้น

ซาลาเปาน้อยลอบมองไปที่มือที่ประสานกันแน่นของหนานหว่านเยียนกับกู้โม่หาน รู้สึกมีความสุขเบาบางอยู่ในใจ

นางยังเด็ก มองคลื่นใต้น้ำระหว่างผู้ใหญ่ไม่ออก จึงคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นบ้างแล้ว...

พวกเขาเดินไปหน้าแผงลอยที่ขายถังหูหลู หนานหว่านเยียนหยุดเท้าลงโดยไม่รู้ตัว

นางหันกลับไป มองซาลาเปาน้อยในอ้อมแขนกู้โม่หานด้วยรอยยิ้มหวาน “อยากกินถังหูหลูหรือไม่”

ซาลาเปาน้อยเลียริมฝีปาก พยักหน้าอย่างปรารถนา “อยาก”

เพิ่งพูดจบ ก็ควักเงินซื้อมาหนึ่งไม้ แล้วยื่นถังหูหลูส่งให้ซาลาเปาน้อย “ค่อยๆ กิน เดี๋ยวติดคอ”

กู้โม่หานเหลือบมองท่อนไม้ที่สอบเต็มไปด้วยถังหูหลู พลันนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เขาสัญญาจะเหมาถังหูหลูทั้งท่อนไม้ให้เด็กน้อยทั้งสองคน

ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม กู้โม่หานก็สั่งให้เจ้าของร้านห่อถังหูหลูหลายไม้ส่งให้องครักษ์ข้างหลัง

สัญญาก่อนหน้าไว้แล้ว จะต้องเอาถังหูหลูกลับไปให้เกี๊ยวน้อย

กู้โม่หานมองซาลาเปาน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนเอ็นดู “ไม่ต้องรีบ กินหมดแล้วยังมีอีก”

“เห็นเจ้าแล้ว ข้าก็นึกถึงบุตรสาวข้า พวกนางเหมือนกับเจ้า ชอบกินถังหูหลูมาก หากมีโอกาส ไปเที่ยวเล่นที่บ้านข้าดีไหม”

ซาลาเปาน้อยมองกู้โม่หาน ขมุบขมิบปากอย่างรู้สึกผิด “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวข้า ก็จะมีบ้านใหม่แล้ว”

แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด เห็นกู้โม่หานดีต่อ “ลูกคนอื่น” เช่นนี้ นางพลันรู้สึกอึดอัดในใจ รู้สึกทุกข์เล็กน้อย

ทำไมเสด็จพ่อต้องใจดี กับเด็กน้อยทุกคนเช่นนี้ด้วย...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้