ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 926

โม่เหยียนเห็นท่าทีที่โกรธเกรี้ยวของนางแล้ว ก็กลั้นความเจ็บแสบบนใบหน้าเอาไว้ ในที่สุดก็ก้มหน้าลง

"ข้าน้อยเพียงต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง จึงกล่าวคำที่ไม่สมควรออกไป ล่วงเกินองค์หญิง องค์หญิงโปรดลงโทษ"

ความร้อนบนใบหน้าของหนานหว่านเยียนยังไม่จางหาย นางจ้องไปที่โม่เหยียนเขม็ง นิ้วทั้งสิบนิ้วที่เรียวยาวน่ามองนั้นกำเข้าหากันอย่างแรง

นางโกรธที่เขาพูดมั่วไปหมดเสียทุกอย่าง ทว่ากลับกล่าวอันใดไม่ออก แม้ความสัมพันธ์ของนางกับกู้โม่หานจะไม่ดี แต่ก็......เคยหลับนอนกันแล้วจริงๆ นางเรียนแพทย์ เข้าใจว่าคนจะมีความต้องการทางกายภาพ โดยเฉพาะกับบุรุษที่คิดอยากจะมีอะไรกับผู้นั้นด้วยแล้ว ก็มิอาจอดกลั้นเอาไว้ได้เลย

มิเช่นนั้นครานั้นนางจะโดนเขาข่มเหงเสียน่าอนาถเช่นนั้นหรือ ทำซ้ำไปซ้ำมา ราวกับพลังกำลังไม่อาจใช้หมดเช่นนั้นแหละ

กู้โม่หานกลับไม่ได้โรคจิตคล้ายที่โม่เหยียนว่าเช่นนั้น จะคิดถึงแต่สตรีตลอดเวลาแล้วเช่นไรเล่า แต่ก็สองปีกว่าแล้ว หากเนื้อมิได้อยู่ข้างหน้าก็คงไม่อยาก ทว่าเนื้อก็อยู่ด้านหน้าแล้ว เขาจะเอาแต่มองไม่กินงั้นรึ? นี่ไม่สอดคล้องกับความสามารถของเขา

ทว่าโม่เหยียนมิเคยแตะต้องนาง อีกอย่างหลังจากที่โม่เหยียนมาแล้วนั้น ช่องว่างของนางก็มิได้มากขึ้นอย่างไร

ตามทฤษฎีที่คาดการณ์เอาไว้ ช่องว่างที่มากขึ้นจะเกี่ยวข้องกับกู้โม่หานอย่างแน่นอน หากพวกเขาเป็นคนๆเดียวกันล่ะก็ ช่องว่างของนางจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแน่

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ใบหน้าของโม่เหยียนไม่มีปัญหาอะไร นางตบเขาไปทีหนึ่ง ใบหน้าของเขาก็แดงระเรื่อขึ้นมา ต่อให้ฝีมือศัลยกรรมจะสูงส่งแค่ไหนก็ไม่อาจทำถึงขั้นนี้ได้

นี่ก็บ่งบอกได้แต่เพียงว่า ไม่ใช่ว่านางไม่อาจเปิดโปงการศัลยกรรมของเขา แต่เป็น นี่ก็คือใบหน้าที่แท้จริงของโม่เหยียน

หน้าตาของเขามิเหมือนกู้โม่หานเลยแม้แต่นิดเดียว......

"เจ้าสมควรได้รับโทษจริง ใครอนุญาตให้เขาพูดมั่วไปหมดเช่นนี้กัน?" นางกลั้นความโกรธเอาไว้ แล้วก็เอ่ยปากอีกครั้งว่า "ยามนี้ข้าไร้หนทางที่จะยืนยันว่าเจ้าเป็นกู้โม่หานจริง แต่กลับกล่าวว่าเจ้าเป็น เป็นความผิดของข้า ข้าขอโทษเจ้า"

นัยน์ตาของโม่เหยียนมีแสงมืดแสงหนึ่งสว่างวาบออกมา กลับเอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้อน้อยขอบพระทัยองค์หญิงที่เชื่อใจเป็นอย่างมากขอรับ!"

บรรยากาศตึงเครียดในตำหนักสีเยว่ค่อยๆคลายลง แม้หนานหว่านเยียนจะกล่าวเช่นนี้ แต่ในใจก็ยังระมัดระวังโม่เหยียนอย่างเดิม นางไม่อาจจะเลิกสงสัยฐานะของเขาได้เลย แล้วก็ไม่อยู่กันตามลำพังเช่นนี้อีก

"วันนี้เจ้าคงเหนื่อยแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักด้านข้างเถิด ข้ายังมีธุระ ต้องออกไปจัดการรอบหนึ่ง"

"ขอรับ" โม่เหยียนตอบรับอย่างนอบน้อม มองแผ่นหลังของหนานหว่านเยียนที่จากไปไกล สายตาค่อยๆเคร่งขรึมขึ้นมา

ตำหนักสีเยว่อันกว้างขวางเหลือเพียงเขาอยู่คนเดียว รอบข้างเปล่าเปลี่ยวไร้เสียงใดๆ

ริมฝีปากบางของเขาเม้นจนเป็นเส้นตรง นิ้วมือที่เห็นสันกระดูกชัดเจนบีบแน่นเล็กน้อย พลันรู้สึกไร้เรี่ยวแรง

เขารู้สึกว่าบางเรื่องใกล้จะปิดบังเอาไว้ไม่อยู่แล้ว แต่ความรู้สึกเฉกเช่นศัตรูที่นางมีต่อเขานี้ ก็ยังคงเข้มข้นเช่นนั้น เขาไม่ควรที่จะเปิดเผยฐานะ

ทว่าปัจจุบันนี้ขวดของวารีลบความจำอยู่ที่ใดก็ยังไม่แน่ชัด ราวกับระเบิดที่พร้อมระเบิดตลอดเวลา สามารถหาเรื่องให้เขาเป็นแพะได้ทุกเมื่อ

ทว่าพวกนี้กลับมิใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ยามนี้สิ่งที่เขาหยุกหยิกมากที่สุดคือเรื่องที่คืนนี้หนานหว่านเยียนกับเย่เชียนเฟิงจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง

คิดถึงจุดนี้ สายตาของเขาก็ปรากฏความเย็นยะเยือกที่น่ากลัวขึ้นมา

ในเวลาเดียวกันนี้เอง ภายในตำหนักจานกุ้ย

ซาลาเปาน้อยจูงเกี๊ยวน้อย เอาไว้ สายตาจริงใจแต่ลังเล เกี๊ยวน้อยเอียงหัวอย่างสงสัยเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้