ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 962

นับแต่ระยะเวลานั้นเป็นต้นมา กู้โม่หานอึดอัดกลัดกลุ้มในใจมาเนิ่นนาน กลางวัน ดวงใจล้วนติดอยู่กับความประหม่าเป็นกังวล อารมณ์หึงหวงปรากฏขึ้นชัดเจนโดยไม่คาดคิด

นาง “หลายจิตหลายใจ” มีสนมบุรุษมากมายรายล้อม ยิ่งไปกว่านั้นยังแต่งตั้งให้เย่เชียนเฟิงขึ้นเป็นว่าที่ราชบุตรเขย

นางต้องการหย่าร้างกับเขาอย่างจริงจัง เขาสัมผัสมันได้ และนางก็อยากจะใกล้ชิดสนิทสนมกับเย่เชียนเฟิงอย่างจริงจังด้วย เขาทราบดี

ความริษยาและแรงโทสะที่เดือดพล่านในใจทะยานขึ้นสูงเฉียดฟ้า เขาคล้ายสูญเสียความควบคุม ก็จู่โจมกระหวัดรัดนางไว้อย่างรุนแรง

ม่านตาของหนานหว่านเยียนเบิกกว้าง จ้องมองดวงหน้าที่ประชิดเข้ามาจนขยายใหญ่ของบุรุษ มือของนางนาบบนแผงอกแกร่งของเขา หมายจะผลักออกไปให้สุดแรง ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

แขนของเขาโอบรัดเอวของนางไว้ นางถูกล้อมด้วยตัวเขาและกำแพงอย่างสมบูรณ์ แต่ได้ยอมเขารุกล้ำเข้ามาลิ้มรสริมฝีปากอย่างเหิมเกริม

หนานหว่านเยียนโกรธกรุ่นจนเหลืออดเต็มทีแล้ว ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก ภายในห้องแห่งนี้นางจัดการเขาไม่ได้เลย ยามนี้แม้แต่ส่งเสียงร่ำร้องโวยวายให้คนเข้ามาช่วยก็ไม่มีโอกาส

ทันใดนั้น นางเลิกขัดขืน ปล่อยให้เขาจูบไปตามยถากรรม กู้โม่หานครั้นสัมผัสถึงแรงโอนอ่อนของนางได้แล้ว จุมพิตที่ดูดดื่มรุนแรงนั้นก็อ่อนโยนลงมาอย่างแช่มช้า เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น กลับปะทะสายตาเยียบเย็นสุขุมคู่นั้นของนางอย่างจัง

ดวงใจของเขาวูบหล่นลง ก่อนจะยอมผละนางออกอย่างอ้อยอิ่ง

สายตาของนางเต็มด้วยอารมณ์แดกดัน “จูบพอแล้วหรือ?”

“กู้โม่หาน เรื่องที่ข้าเตือนเจ้าไปเมื่อกลางวัน เจ้าทำเป็นหูทวนลม ดูสิ เจ้าไม่กลัวตายเลยจริง ๆ”

เขาจ้องมองนัยน์ตาของนาง ความรู้สึกที่ข่มไว้ในใจมาเนิ่นนาน บัดนี้ไม่ต่างจากน้ำป่าที่ไหลทะลักพรั่งพรูออกมา ภายในจุมพิตลึกซึ้งดูดดื่มดั่งพายุรุนแรงโหมกระหน่ำอารมณ์หม่นหมองและอึดอัดภายในใจท้ายที่สุดแล้ว ก็จางหายไปไม่น้อย

“เจ้ามายั่วโทสะข้าก่อน” เขาทอดสายตามองนางที่ถูกเขาโอบรัดในอ้อมอกน้ำเสียงถูกกดจนทุ้มต่ำลง “หว่านเยียน ข้าทราบดีว่าช่วงเวลาที่เจ้าอาศัยในแคว้นต้าเซี่ยนี้ ข้างกายมีคนมากมายเพียงใด”

“เจ้าไม่ชมชอบโปรดปรานข้า อยากแยกทางกับข้า เพราะชอบบุรุษที่มีนามว่าเย่เชียนเฟิงอะไรนั่นใช่หรือไม่? ฟังว่าเขาเป็นว่าที่ราชบุตรเขยเมื่อสมัยที่เจ้าอยู่แคว้นต้าเซี่ย เจ้ากับเขาพัฒนาไปถึงขั้นใดแล้วหรือ?”

เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรถามคำถามโง่เง่าเหล่านี้ออกไปเลย เขาทราบดีว่าตลอดสองปีที่มา เขาไม่ได้อยู่ข้างกายนาง ทว่าเป็นเย่เชียนเฟิงที่อยู่ข้างกายนาง

ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงจะดีน่าดู เขาพอเดาออก แต่เขาก็อยากถาม เขาอยากทราบ ว่าในใจของนาง แท้จริงแล้วถูกคนอื่นยึดครองไปแล้วหรือยัง

แน่นอนว่าเขาริษยา ร้ายแรงกว่านั้นยังชิงชังรังเกียจเหล่าบุปผาดอกหญิงเหล่านั้นที่รายล้อมเคียงกายหนานหว่านเยียนด้วย หากมิใช่ว่าต้องปิดบังฐานะที่แท้จริง เขาคงเปิดฉากสงครามนองเลือดในวังหลวงไปนานแล้ว

หนานหว่านเยียนฟังเช่นนี้ ก็หัวเราะพรวดออกมาทันใด ในรอยยิ้มนั้นเจือความเย็นเยียบและแดกดันอยู่ไม่รู้เท่าใด

“กู้โม่หาน ระหว่างเจ้ากับข้าตัดขาดไม่เหลือเยื่อใยต่อกันแล้ว ชีวิตส่วนตัวของข้า เจ้าถือสิทธิ์อะไรมาถามข้า?”

สายตาของกู้โม่หานลุ่มลึกและเงียบสงัด เต็มด้วยความมืดมิดเข้มข้นไร้สีสัน จ้องมองนางไม่วางตา “เจ้าคือฮองเฮาของข้า ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิต ก็มีสิทธิ์ถามไถ่ชั่วนิรันดร์”

หนานหว่านเยียนบัดนี้เดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ ผลักไสเท่าใดก็ไม่พ้น ถูกเขากวนใจจนแทบคลั่งตายให้ได้ นางพลันเลื่อนมือไปโอบคอของกู้โม่หานดึงลงมาดื้อ ๆ ก่อนจะอ้าปากงับหัวไหล่ของเขาในทันที กัดไปสุดแรง

กู้โม่หานส่งเสียงโอดครวญออกมาแต่กระนั้นก็มิได้โต้ตอบ ท่อนแขนแกร่งโอบรัดเอวอรชรของนางไว้ไม่ปล่อย

หนานหว่านเยียนกัดเขาไปอย่างไร้ความปรานี หลังได้ระบายโทสะที่มีออกไป ก็ถลึงตามองเขาพลางแผดเสียงโกรธกริ้วว่า “กู้โม่หาน ยามนี้ข้าเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าเซี่ย ข้าและราชบุตรเขยของข้าจะใช้ชีวิตด้วยกัน มันแปลกตรงไหนหรือ?!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้