จิ่งโม่เยี่ยกล่วจบก็ก้มหน้าลงมาทำท่าจะจูบนาง
เขาเป็นคนที่คิดจะทำอะไรแล้วต้องได้ทำ วันนี้เขาอยากจะชิมรสชาติของนาง ต่อให้ถูกขัดจังหวะเขาก็ต้องชิมให้ได้
เฟิ่งชูอิ่งเบื่อการถูกเขาบีบคางมากที่สุด การกระทำดังกล่าวนอกจากจะดูคุกคามแล้ว ยังให้ความรู้สึกเหมือนเขาอยู่เหนือกว่าด้วย
แล้วพอเขายื่นหน้าเข้ามาแบบนี้ นางก็เลยเผลอตัวฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าเขาเต็มแรง
เพราะนางตวัดมือเร็วมาก แล้วจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่คาดคิดว่านางจะลงมือด้วย ผลคือเขาโดนนางตบเต็มๆ
“เผียะ” เสียงตบดังก้องขึ้นมา ทั้งสองชะงักไปพร้อมกัน
ดวงตาดอกท้อของจิ่งโม่เยี่ยเปลี่ยนไปสีเข้ม มองเฟิ่งชูอิ่งอย่างเย็นชา
ในใจนางร่ำร้องว่า “ซวยแล้วไง! คราวนี้ได้ตายจริงแน่ ข้าเพิ่งจะตบหน้าจอมวายร้ายที่ใหญ่สุดในนิยายไป แล้วชีวิตน้อยๆ นี้จะยังปกป้องเอาไว้ได้อย่างไร!”
ความคิดมากมายแล่นในสมองของนาง ก่อนจะฉีกยิ้มบางๆ “การตบหน้าท่านอ๋อง สำหรับข้าแล้วตื่นเต้นยิ่งกว่าการลอบคบชู้อีกเพคะ”
“ท่านอ๋อง ชอบหรือไม่? ตื่นเต้นเร้าใจหรือเปล่า?”
จิ่งโม่เยี่ย “......”
นางตบเขา แล้วยังกล้าถามอีกหรือว่าชอบหรือเปล่า?
มือของเขาแตะลงบนกระบี่
เฟิ่งชูอิ่งจึงรีบกดด้ามกระบี่ของเขา “ท่านอ๋อง ใจเย็นก่อนเพคะ!”
“อันที่จริงข้าคิดไม่ถึงเลยว่าบนโลกใบนี้จะยังมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นกว่าการคบชู้อยู่ด้วย แต่คิดๆ แล้วน่าจะมีอยู่เรื่องเดียว
“ข้าก็แค่ทำตามรับสั่งของท่านอ๋อง ได้โปรดอย่าลงโทษข้าเลยเพคะ”
จิ่งโม่เยี่ย “......”
ทักษะการแถของนางช่างเหนือจินตนากรของเขานัก
เขามองนางอย่างเย็นชา สายตาคมกริบดุจมีด “อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้านะ”
เฟิ่งชูอิ่งรีบเติมประโยคอย่างหน้าด้านๆ “บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ท่านอ๋องไม่กล้าทำเพคะ
เฟิ่งชูอิ่งพรูลมหายใจกล่าวว่า “นั่นสิ ข้าก็ตกใจเกือบตาย แต่หากเขาทำแบบนั้นอีก ข้าก็น่าจะตบเขาเหมือนเดิม”
เฉี่ยวหลิง “......”
เฟิ่งชูอิ่งสอนบทเรียนสดๆ ใหม่ๆ ให้นางหนึ่งอย่าง นั่นคือการ ‘รู้ว่าผิดแต่ก็ไม่แก้ไข’
นางไม่รู้เลยว่าเฟิ่งชูอิ่งทำเรื่องน่าหวาดเสียวขนาดนั้นได้อย่างไร เล่นเอานางเกือบจะตกใจตายซ้ำสองแล้ว
นางจึงหันไปยกนิ้วโป้งให้เฟิ่งชูอิ่ง “ร้ายกาจ!”
เฟิ่งชูอิ่งยิ้มรับ แต่จู่ๆ ก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้ จิ่งโม่เยี่ยถึงจะขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยม แต่ดูเหมือนจริงๆ แล้วจะไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น
อย่างน้อยๆ วันนี้นางก็ไม่ถูกเขาเอากระบี่เชือด
ตอนที่นางตบจิ่งโม่เยี่ย หลินหว่านถิงที่อยู่ในห้องบังเอิญเห็นเข้าพอดี
หลินหว่านถิงไม่ได้ยินสิ่งที่สองคนนั้นคุยกัน แต่กลับเห็นท่าทางสนิทสนมของเฟิ่งชูอิ่งกับจิ่งโม่เยี่ย จากนั้นนางยังเห็นเฟิ่งชูอิ่งตบจิ่งโม่เยี่ย นางก็ตกตะลึงจนแทบไม่อยากเชื่อ
ความโหดเหี้ยมของจิ่งโม่เยี่ย คนในเมืองหลวงทราบกันถ้วนหน้า เขาโหดเหี้ยมอำมหิตจนไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาซึ่งๆ หน้า

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี