เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยอย่างปวดใจ “ถ้ารอให้เสียเปรียบก็สายไปแล้วน่ะสิ!”
เฉี่ยวหลิง “......มีเหตุผล!”
นางดูยันต์ไม่เป็น แต่หลังจากเห็นเฟิ่งชูอิ่งเขียนยันต์บ่อยๆ เข้า นางก็พอจะรู้ประเภทของแต่ละยันต์
นางเป็นวิญญาณ ของพวกนั้นนางสัมผัสไม่ได้ ก็เลยช่วยอะไรไม่ได้ จึงตัดสินใจไปถูพื้นแทน
จิ่งโม่เยี่ยฆ่าคนตายในห้องของนาง คราบเลือดก็เลยเลอะเต็มไปหมด
หากว่าตามปกติแล้ว ห้องใครมีคนตายมากมายขนาดนี้ คงจะกลัวจนไม่กล้าอยู่กันแล้ว
แต่เรื่องนี้ไม่มีผลกับเฟิ่งชูอิ่ง พวกบ่าวชายที่ตายไปแล้ววิญญาณยังวนเวียนอยู่ในห้อง เฟิ่งชูอิ่งจึงบอกให้เฉี่ยวหลิงจับพวกเขามาช่วยทำความสะอาด
ในมุมมองของเฟิ่งชูอิ่ง การทำงานบ้านของเฉี่ยวหลิงก็เป็นเรื่องที่เหนื่อยหนักไม่น้อย มีตัวทุ่นแรงดผล่มาทั้งที จะไม่ใช้ได้อย่างไรล่ะ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ห้องนี้สกปรกเพราะพวกเขาอีกต่างหาก
เฉี่ยวหลิงชี้นิ้วสั่งให้พวกเขาทำความสะอาดอย่างเป็นธรรมชาติ
ตอนแรกพวกเขาไม่เต็มใจทำ พากันบ่นนั่นบ่นนี่ เฟิ่งชูอิ่งจึงบอกว่า “เฉี่ยวหลิง ต่อยพวกเขาเลย!”
พวกเขาเป็นวิญญาณที่เพิ่งตาย จะไปสู้แรงของเฉี่ยวหลิงได้อย่างไร พอถูกต่อยเข้าสักพัก พวกเขาก็พากันเชื่อฟังอย่างดี พากันไปเช็ดคราบเลือดของตัวเองอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
หลังจากพวกเขาตายแล้ว ถึงได้รู้ว่าคนที่น่ากลัวที่สุดในจวนสกุลหลินไม่ใช่ฮว๋าซื่อ แล้วก็ไม่ใช่หลินชูเจิ้ง แต่เป็นเฟิ่งชูอิ่ง
พวกเขาคิดจากใจจริงว่าตอนที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของเฟิ่งชูอิ่งสักนิด ถึงได้ตายอนาถเช่นนี้
หากมีโอกาสแก้ตัว พวกเขาจะไม่เข้าไปจับชู้เด็ดขาด
เฟิ่งชูอิ่งจับตัวพวกเขามาทำงานโดยไม่เสียเงินสักแดงเดียว จึงค่อนข้างมีความสุข
หลังจากพวกเขาทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็สวดส่งวิญญาณพวกเขาไปสู่ภพภูมิใหม่ ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยเอาไว้
วันที่สองคนจากจวนสกุลฮว๋าก็มาถึง ห้องโถงหลักมีเสียงดังโวยวาย เฟิ่งชูอิ่งไม่คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาหรอก

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี