เขาหันมองเฟิ่งชูอิ่ง ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชา เดินตามหลินชูเจิ้งไปที่โถงเรือนหน้า
เมื่อพวกเขาไปแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็หัวเราะคิกคักแล้วบอกฮว๋าซื่อว่า “ฝีมือการจับชู้ของท่านป้าช่างยอดเยี่ยมนัก ข้านับถือจนอยากลงไปกราบเลยเจ้าค่ะ”
ฮว๋าซื่อกัดฟัน “มิน่าล่ะเจ้าถึงได้เย่อหยิ่งจองหองนัก ที่แท้ก็เพราะมีต้นไม้ใหญ่อย่างอ๋องฉู่นี่เอง
“แต่ว่าเขาเองก็เป็นแค่พระโพธิสัตว์ดินข้ามแม่น้ำ[footnoteRef:1] แค่ตัวเองยังแทบจะไม่รอด ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะอวดดีได้อีกนานแค่ไหน!” [1: ดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่จริงๆ แล้วเปราะบาง]
เฟิ่งชูอิ่งยิ้มบางๆ “ท่านกล้าไปพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขาไหม?”
ฮว๋าซื่อ “......”
เฟิ่งชูอิ่งยักคิ้วเบาๆ “ท่านไม่กล้า! แค่นี้ท่านยังไม่กล้าพูดต่อหน้าเขาเลย ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ ข้าก็ยังจองหองได้เหมือนเดิม
“แต่ท่านป้าวางใจได้เลย ข้าตั้งใจจะฆ่าท่านให้ตายก่อนเขาอยู่แล้ว รับรองว่าท่านไม่มีโอกาสได้สะใจหรอก”
ฮว๋าซื่อ “......”
เฟิ่งชูอิ่งกล่าวว่า “หากตอนนี้ท่านป้ามีเวลาว่างมานั่งด่าข้า มิสู้เอาเวลาไปจัดการเรื่องในครั้งนี้จะดีกว่า
“เพราะถึงข้าจะคบชู้ก็คบกับว่าที่พระสวามีของตัวเอง แต่ท่านคบชู้กับบ่าวในจวนของตัวเอง
“หากลองเทียบกันดูแล้ว สายตาที่ใช้เลือกคนของท่านก็ย่ำแย่ ระดับชั้นก็ต่ำกว่า ท่านลุงคงจะอับอายจนแทบแทรกดินหนีเลยกระมัง!”
ฮว๋าซื่อ “!!!!!!”
นางโกรธจนสั่นไปทั้งตัว คิดอยากจะตีเฟิ่งชูอิ่งสักที
เฟิ่งชูอิ่งกลับยกเท้าถีบนางจนกระเด็นออกมา จากนั้นก็แหกปากตะโกนว่า “ท่านอ๋อง ช่วยด้วยเพคะ! ท่านป้าจะฆ่าข้าแล้ว!”
ฮว๋าซื่อ “!!!!!!”
นางโกรธเฟิ่งชูอิ่งจนแทบบ้าตาย!
เฟิ่งชูอิ่งเป็นฝ่ายทำร้ายนางแท้ๆ กลับกล้าพูดจาใส่ร้ายว่านางลงมือ เฟิ่งชูอิ่งรับมือยากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
นางกลัวว่าเฟิ่งชูอิ่งจะตะโกนเรียกจิ่งโม่เยี่ยมาจริงๆ จึงเอ่ยว่า “ครั้งหน้าข้าจะจัดการเจ้าแน่!” ก่อนจะรีบร้อนเดินหนีออกไป
เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยออดอ้อน “ก่อนหน้านี้ข้าเสียสละเพื่อท่านอ๋องมาตลอด วันนี้ท่านอ๋องออกตัวปกป้องข้า ข้าต้องดีใจอยู่แล้วล่ะ”
จิ่งโม่เยี่ยอยากจะค้อนใส่นางจริงๆ คำพูดไร้สาระเช่นนี้ เกรงว่าใต้หล้านี้คงมีนางคนเดียวที่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำ
เขาแค่นเสียงเย็นชา “ครั้งหน้าถ้ายังเกิดเรื่องแบบนี้อีก ก็ช่วยซ่อนความสะใจในแววตาเจ้าทีเถอะ”
เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเสียงใส จิ่งโม่เยี่ยจึงเอ่ยว่า “งานเลี้ยงในวังที่จัดวันมะรืน เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ
“ไม่ว่าจะคิดอย่างไร มันก็ต้องยอดเยี่ยมกว่าคืนนี้แน่ๆ”
เฟิ่งชูอิ่ง “......”
นางยิ้มไม่ออกอย่างฉับพลัน วังหลวงอันตรายกว่าจวนสกุลหลินมากนัก!
จิ่งโม่เยี่ยเห็นสีหน้าของนางก็รู้สึกพอใจมาก เขายื่นมือไปจับคางของนาง “แค่นี้ก็ตื่นเต้นแล้วหรือ?”
“ไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้พวกเรามาทำเรื่องที่ตื่นเต้นกว่าการคบชู้กันเถอะ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี