ยอดชายานักปรุงพิษ นิยาย บท 1073

เดิมทีโม่ซุนนั่งตรวจศพอยู่บนพื้น เมื่อเห็นซูจื่ออวี๋เอ่ยถามจึงได้ลุกขึ้น พร้อมส่ายหน้า

“ข้าตรวจดูร่างกายของนางแล้ว นอกจากไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอก ภายในก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ไม่มีร่องรอยวางยาใด และไม่มีร่องรอยของยาพิษใด”

หันหรูเฟิงขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น

“ไม่บาดเจ็บภายนอก ไม่บาดเจ็บภายใน ไม่ถูกพิษไม่ถูกวางยา ช่างน่าแปลกจริงๆ หรือจะถูกคุณไสย?

จ้าวจ่างซิ่งเย็นเยือกไปทั้งตัว รู้สึกว่าหน้าหนาวปีนี้หนาวผิดปกติ เขาเอ่ยปาก

“คุณชายหัน อย่าพูดจาส่งเดชเยี่ยงนี้สิ”

หันหรูเฟิงเบะปาก พร้อมกลอกตาใส่จ้าวจ่างซิ่งที่ไม่เอาไหน

ซูจื่ออวี๋ไม่มีแก่ใจต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขา วิธีการของคนร้ายแยบยลแนบเนียน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ชาวบ้านหวาดกลัว

ตอนนี้คนร้ายนำศพมาทิ้งไว้หน้าประตูจวนอ๋องฉิน เป็นการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า มันไม่กลัวใครเลยแม้แต่ท่านอ๋องฉิน

อีกอย่างคำกล่าวของพวกชาวบ้าน ล้วนมีแนวโน้มไปทางปีศาจหญิง เมื่อพูดถึงปีศาจ นางที่เป็นพระชายาอ๋องฉินน่าสงสัยที่สุดไม่ใช่หรือ?

ลูกสาวผู้โง่เขลาของเสนาบดีที่เกิดจากอนุ หลังจากตกน้ำในเทศกาลส่างสื้อก็กลายเป็นคนฉลาดหลักแหลม ยากนักที่คนจะไม่ระแวง

ซูจื่ออวี๋เม้มปากแน่น ดูท่าการต่อสู้ระหว่างจวินมู่หลานกับจวินมู่เหนียนเพิ่งจบลง ตอนนี้กลับมีคนคิดจะต่อกรกับนางแล้ว

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร นางต้องรีบหาตัวคนร้ายให้ได้ก่อนที่จะมีผู้เคราะห์ร้ายคนต่อไป

ซูจื่ออวี๋เอ่ยปาก

“พ่อบ้านเฟิง ไปเก็บกวาดห้องเก็บฟืนออกมาห้องหนึ่ง แล้วใช้กระดาษไขขี้ผึ้งปิดตายห้องนั้น แล้วเตรียมโต๊ะยาวไว้หนึ่งตัว ข้าจะนำศพเข้าไปด้านใน แล้วชันสูตรศพเอง”

ทุกคนหันมองซูจื่ออวี๋พร้อมกัน ต่างมองนางด้วยแววตาสงสัย

หันหรูเฟิงรีบเอ่ยขึ้น

“อาซ้อน้อย สิ่งที่ควรตรวจก็ตรวจสอบไปแล้ว ยังมีอะไรให้ชันสูตรอีก?”

ซูจื่ออวี๋หันมองหันหรูเฟิง

“ข้ามีวิธีของข้า”

หันหรูเฟิงตาลุกวาว แล้วเอ่ยถาม

“ข้าขออยู่ดูด้วยได้หรือไม่?”

ซูจื่ออวี๋เบะปาก

มีดผ่าตัดที่ใช้สำหรับศัลยกรรมชุดนี้ในยามปกตินางไม่ค่อยนำออกมาใช้ เพียงแต่เตรียมไว้เผื่อฉุกเฉินเท่านั้น ตอนนี้กลับนำมาชันสูตรศพได้

ซูจื่ออวี๋ฆ่าเชื้อเครื่องมือพวกนี้ก่อน จากนั้นใส่เข้าไปในกล่องยาใบเล็ก สุดท้ายถือกล่องยาเดินมาที่ห้องเก็บฟืนที่พ่อบ้านเฟิงเตรียมเอาไว้

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ทุกคนมารวมตัวกันในห้องเก็บฟืน เพื่อดูซูจื่ออวี๋ชันสูตรศพ

ซูจื่ออวี๋หันมองโม่ซุน แล้วหันมองหันหรูเฟิง สุดท้ายหันมองจ้าวจ่างซิ่งที่ทำหน้าสงสัย

“ใต้เท้าจ้าว ท่านแน่ใจว่าจะอยู่ดูด้วยหรือ? เกรงว่าภาพที่เห็นอาจทำให้อึดอัด”

จ้าวจ่างซิ่งชะงักไป จากนั้นกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า

“ข้าน้อย...ข้าน้อยมีหน้าที่ต้องอยู่ด้วย เพื่อให้รู้ความเป็นไปของรูปคดี คดีนี้เป็นคดีร้ายแรง มีคนตายไปสามคนแล้ว หากยังปิดคดีไม่ได้ เกรงว่าฝ่าบาทจะทรงกริ้ว...ถึงตอนนั้น...”

ซูจื่ออวี๋เข้าใจแล้ว จ้าวจ่างซิ่งกลัวจะรักษาตำแหน่งเอาไว้ไม่ได้

ซูจื่ออวี๋ยักไหล่แล้วเอ่ยขึ้น

“เช่นนั้นก็อยู่ดูพร้อมกัน”

เมื่อซูจื่ออวี๋พูดจบ นางไม่สนใจจ้าวจ่างซิ่งอีก เริ่มชันสูตรศพทันที