ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 102

หยุนชิงกุยถูกโยนลงไปทำให้เจ็บปวดไปทั้งตัว ในที่สุดก็สามารถดึงสติออกมาจากคสามตื่นตะหนกได้ สายตานั้นจ้องไปที่ฉู่เชียนหลีไม่วางตา

“ฉู่เชียนหลี เจ้ายังไม่ตาย?”

“ไม่ต้องกังวลไป ข้ายังมีชีวิตอย่างมีความสุข ปลอดภัยเสียยิ่งกว่าปลอดภัย แต่ว่า เจ้าอาจจะไม่แน่แล้ว”

ฉู่เชียนหลีเก็บแส้ยาวกลับมา หยุนชิงกุยไม่ทันตั้งตัว ล้มลงกับพื้นอีกอย่างแรงอีกครั้ง สีหน้าของเขาก็เขียวขึ้นมาทันที

“เจ้า...”

นางกล้าทำเช่นนี้กับเขาได้อย่างไร?

ซูยี่สำรวจหยุนชิงกุยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อย ๆ หลับตาลงเบา ๆ “เชียนหลี องค์ชายสามหลงทางมาถึงตระกูลซู ในฐานะประชาชนตงเสวียน เราจึงจะส่งเขากลับไปแต่โดยดี”

ฉู่เชียนหลีไม่ได้คัดค้านอะไร

ถึงอย่างไรนางกับฮ่องเต้ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นแล้ว เพียงแค่ทำให้ฮ่องเต้ได้รู้ว่าหยุนชิงกุยทำอะไรลงไป ไม่ต้องให้นางลงมือเอง ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนมาเก็บกวาดเขาให้อยู่แล้ว!

“เชียนหลี” ซูยี่เหลือบตาขึ้น และเอ่ยปากพูดอีกครั้ง “ก่อนที่องค์ชายสามจะหลงทางมาถึงตระกูลซู ถูกคนแทงโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่เจ้าส่งกลับไปก็ระวังด้วย”

ฉู่เชียนหลีชะงักไปเล็กน้อย “ท่านลุง?”

หยุนชิงกุยเบิกตาโพล่ง “ซูยี่ เจ้าพูดเช่นนี้ เป็นการบอกใบ้ให้ฉู่เชียนหลีทำร้านข้า? พวกเจ้าคิดให้จงดี ข้าเป็นถึงองค์ชาย เจ้ากล้าลงมือกับข้า ถือว่าเป็นโทษร้ายแรง เสด็จพ่อต้องไปปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”

ซูยี่สีหน้าเคร่งขรึม ความเย็นยะเยือกค่อย ๆ แพร่กระจายไปรอบ ๆ ตัวเขา

“เจ้าคือองค์ชาย ตระกูลซูคือข้าราชบริพาร ตระกูลซูจงรักภักดีต่อตงเสวียนรุ่นแล้วรุ่นเล่า เพื่อปกป้องผู้คนในดินแดนแห่งนี้ ข้าไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของบรรพบุรุษของข้าได้เพียงเพื่อความอาฆาตแค้นส่วนตัว แต่นอกจากในฐานะข้าราชบริพารแล้ว ข้ายังเป็นท่านลุงของเชียนหลีอีกด้วย เจ้าปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้าย ทั้งยังเนรคุณ หากปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ ใจข้าคงไม่สงบ!”

“ซูยี่ เจ้าหล้าหรือ!”

หยุนชิงกุยตะโกนด้วยความโกรธ

ฉู่เชียนหลียกมุมปากขึ้นในทันที ดึงกระบี่ยาวออกมาจากในมือของเทียนชู แทงเขาไปที่หัวไหล่ขององค์ชายสามโดยไม่มีความลังเล

“อ้าก! ฉู่เชียนหลี! ข้าจะฆ่าเจ้า!”

หยุนชิงกุยตะโกนเสียงต่ำ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ร่างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อในทันที

ฉู่เชียนหลีดวงตาเป็นประกาย ความเจ็บปวด ต่อต้านของเจ้าของร่างเดิมถูกส่งออกมา แต่กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรอยยิ้มที่มุมปากของนางแต่อย่างไร

การได้รับการปกป้องจากญาติสนิทที่ยินยอมทำผิดกฎตระกูลนั้น ถือเป็นโชคดีของนาง

ฉู่เชียนหลีถือกระบี่ยาวในมือ ความอยากรู้อยากลองปรากฏในสายตาของนาง หันไปถามซูยี่

“ท่านลุง ในตอนแรกที่ท่านเจอองค์ชายสาม เขาบาดเจ็บที่ไหล่ข้างนี้หรือ?”

หากว่าท่านลุงบอกว่าไม่ใช่ เช่นนั้นนางก็สามารถเพิ่มได้อีกสักสองสามรอย หากไม่ยังไม่ได้อีก นางจะแกะสลักบนตัวของหยุนชิงกุยก็ยังได้!

หยุนชิงกุยรีบร้อนหลบ แต่กลับถูกเทียนเสวียนยึดเอาไว้ และกดเขาลงไปกับพื้น

เมื่อเห็นฉู่เชียนหลีดีใจ ความเคร่งขรึมบนใบหน้าของซูยี่ก็ค่อย ๆ คลายลง จนเผยให้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า

“พออายุมากแล้ว ความทรงจำก็ไม่ค่อยดี บางทีอาจจะเป็นหัวไหล่ทั้งสองข้าง?”

“เช่นนั้นยิ่งง่าย!”

วินาทีต่อมา กระบี่ยาวก็ถูกใช้ลงมืออีกครั้ง แทงเข้าไปที่หัวไหล่อีกข้างของหยุนชิงกุย

หยุนชิงกุยเจ็บจนลมลงไปกองกับพื้น ไหล่ทั้งสองข้างของเขามีเลือดสดไหลออกมาเป็นทาง

“ฉู่เชียนหลี ซูยี่ พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร! ข้าคือองค์ชาย คือองค์ชายสามในรัชกาลปัจจุบัน!”

ฉู่เชียนหลีโยนกระบี่ยาวในมือทิ้งไป มองไปทางหยุนชิงกุยที่น่าเวทนาด้วยรอยยิ้มเย็นชา

“ฉู่เชียนหลีคนก่อน ใส่ใจแค่ตัวตนของเจ้า หาใช่ฐานะของเจ้า ฉู่เชียนหลีในตอนนี้ แม้แต่ตัวตนของเจ้าก็ไม่สนใจแล้ว ดังนั้น เจ้ายังสามารถเป็นตัวอะไรได้อีก?”

หยุนชิงกุยหอบเฮือกใหญ่ คำพูดของฉู่เชียนหลีราวกับกริชคม ที่ทิ่มแทงจนเขาเป็นรูพรุนในทันที

“ฉู่เชียนหลี เจ้า...”

“หุบปาก! ข้ายังมีคนต้องจัดการอีก อีกเดี๋ยวข้าจะส่งพวกเจ้าไปยังที่ที่ควรไป!”

เทียนเสวียนได้ยินดังนั้นก็ชกหยุนชิงกุยจนสลบไป

“คุณหนูใหญ่ เท่านี้ก็ว่านอนสอนง่ายแล้ว”

ฉู่เชียนหลีพยักหน้าด้วยความชื่นชม จากนั้นก็หันไปมองเทียนชู

เทียนชูรีบลากซุนยู่จือขึ้นมาด้านหน้า โยนนางลงกับพื้นด้วยมือเดียว

ซุนยู่จือตัวสั่นอยู่บนพื้น กุมมือที่ขาด ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น

ฉู่เชียนหลีมองไป ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อยในทันที

คนทั่วไปหากข้อมือขาด ถ้าไม่รีบรักษา เลือดที่ไหลก็สามารถที่จะไหลจนตายได้

แต่บริเวณแผลที่ถูกตัดของซุนยู่จือ เลือดกลับจับตัวกันเป็นก้อนแล้ว แต่เกล็ดเลือดเป็นสีดำ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเหม็นลอยออกมาอีกด้วย

“นางซุน นางเป็นอะไร?” ซูยี่ตกใจ

ซุนยู่จือเมื่อมองสภาพน่าเวทนาขององค์ชายสาม สีหน้าก็ซีดจนถึงขีดสุด

ฉู่หานปี้แขนทั้งแขนของเขาถูกตัด องค์ชายสามก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ โชคสุดท้ายในหัวใจของนางก็หายไปแล้ว เมื่อได้ยินซูยี่เอ่ยปาก ก็รีบร้อนขอชีวิตทันที

“ซูยี่ น้องรอง! ข้าคือพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า หากเจ้าไม่เห็นแก่ข้าก็เห็นแก่พี่ชายใหญ่ของเจ้า ไว้ชีวิตข้าสักครั้ง ข้าสำนึกแล้ว ข้าสำนึกแล้วจริง ๆ!”

ซูยี่ขมวดคิ้ว สีหน้าเย็นชา เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้ากลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยแม้สักน้อย

ซุนยู่จือจึงรีบร้อนหันไปมองทางซูจิ่นจือ

“จิ่นจือ ป้าสะใภ้สำนึกผิดแล้วจริง ๆ เจ้า... เจ้ายังจำได้หรือไม่? ก่อนนี้เจ้าเคยขอความช่วยเหลือจากข้า ข้าเคยช่วยเจ้าไว้ด้วย”

ซูจิ่นจือยิ้มเย็น จิตสังหารในแววตาของเขาไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย

“ข้าต้องจำได้แน่นอน เจ้าให้เหรียญข้าหนึ่งกำมือ และโปรยลงบนดินที่มีแต่ความโสโครก ให้ข้าคลานไปเก็บทีละอันทีละอัน ยังให้คนถือไม้กวาด ไล่ตีข้าไม่หยุด บอกว่าเป็นการไล่ความชั่วร้าย!”

ความกลัวแวบเข้ามาในดวงตาของซุนยู่จือ

“ข้า... ข้าผิดไปแล้ว จิ่นจือ เจ้าให้อภัยข้าเถอะ พวกเราเป็นญาติกัน!”

“ญาติ? เฮอะ ตอนแรก เจ้าพูดว่าเมื่อคนไปชาก็เย็นแล้ว อย่าพยายามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระนักเลย! เจ้ายังตักเตือนข้า คนกที่กลายเป็นขยะ ก็ควรหาที่ที่หนึ่งตายไปเงียบ ๆ อย่ากลับมารังควานคนเป็นอีกเลย! ตอนนี้มาพูดว่าเป็นญาติ? คำนี้เจ้าคู่ควรด้วยหรือ?”

ซุนยู่จือตกใจจนตัวสั่นเทา สุดท้ายทำได้แค่ร้องไห้ขี้มูกย้อยหันไปขอร้องฉู่เชียนหลี

“เชียนหลี... เจ้าน่าจะจำได้ใช่หรือไม่ ตอนที่เจ้ากลับข้าเมืองมา ข้าเป็นคนดีแลเจ้าอย่างดี...”

ฉู่เชียนหลีเผยรอยยิ้มเยือกเย็น “จำได้ว่าตอนกลับเมืองมาครั้งแรก ในตอนนั้นเจ้าดูแลตำหนักหลังตระกูลซู เจ้าพูดกับข้าว่า ธรณีประตูของตระกูลซูสูงส่ง ไม่ใช่ทุกสิ่งที่สกปรกและมีกลิ่นเหม็นจะสามารถเดินข้ามไปได้”

“อะไร?”

ซูยี่สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา หันไปมองซุนยู่จือด้วยความโกรธ

“เจ้าเคยพูดเช่นนั้นกับเชียนหลีรึ? ยังเป็นเมื่อนางเพิ่งกลับเมืองหลวงครั้งแรก?”

ในตอนนั้นเดิมทีเชียนหลีก็วิตกกังวลอยู่แล้ว ยิ่งได้ยินคำพูดเช่นนี้ จะทุกข์ทรมานมากเพียงใด?

ซุนยู่จือตัวสั่นเทาไม่หยุด ในแววตาเต็มไปด้วยความกลัวจนถึงขีดสุด

“ข้า... เป็นข้าที่ปากไม่ดีเอง แต่ข้าไม่ใช่คนใจร้าย เชียนหลี ข้ายังเคยส่งผ้าและเครื่องประดับไปให้เจ้าด้วย จำได้หรือไม่?”

ฉู่เชียนหลีหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน “ผ้าตวนขาวสามชุ่น ปิ่นไม้ปักผมหนึ่งชิ้น เป็นของที่มากมายล้ำค่าเสียจริง”

ดวงตาของซูยี่สั่นไหว ความโกรธเคืองปรากฏในดวงตาของเขา พร้อมถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าไม่ได้บอกว่า เจ้าเอาผ้าไหมสิบพับ เครื่องประดับสิบชุดมอบให้เชียนหลีทั้งหมดหรอกหรือ?”

“ข้า... ข้า... ”

ทันใดนั้น ซุนยู่จือก็ตัวแข็งทื่อ เขาเริ่มมีน้ำลายฟูมปาก ตัวกระตุก และสีหน้าก็ค่อย ๆ หม่นลง

เมื่อเห็นท่าทีของซุนยู่จือ ซูยี่ก็ร้อนรนขึ้นมา “นี่มันอะไรกัน?”

เขายังไม่ทันได้ถามให้ชัดเจน ซุนยู่จือยังตายไม่ได้

“พิษกู่แว้งกัด!”

ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วเข้าหากัน ก้าวขึ้นไปใช้พลังทิพย์ ตบเข้าไปที่ปากใจของซุนยู่จือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี