ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 107

นางซุนดวงตาเบิกกว้างในทันที เขามองไปยังชายที่อยู่ในสภาพน่าเวทนาทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดด้วยความไม่เชื่อ ผู้คนรอบข้างก็ต่างอ้าปากตาค้างเช่นกัน

องค์ชายสาม... หยุนชิงกุย...

ฉู่เชียนหลีเดินขึ้นไปด้านหน้า นัยน์ตาเย็นชาคู่นั้นฉายแววเย้ยหยัน

“องค์ชายสามไม่ห่วงตัวเองถูกนางซุนทำร้ายบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังยึดมั่นออกมาเดินไปกับข้า หมายจะเปิดเผยความชั่วร้ายของนางซุนให้ประชาชนได้รับรู้ การกระทำอันประเสริฐเช่นนี้ ช่างน่าชมเชยเสียจริง”

หยุนชิงกุยได้ยินดังนั้น ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น “เจ้า... ”

เหตุใดนางจึงพูดเช่นนี้? นางกำลังวางแผนร้ายอะไรอยู่อีก?

“คุณพระ เป็นองค์ชายสามจริง ๆ!”

“นางซุนชั่วร้ายจริง ๆ แม้แต่องค์ชายสามของพวกเรายังสามารถทำร้ายจนอยู่ในสภาพนี้ได้”

“ร้ายกาจเกินไปจริง ๆ ทำให้องค์ชายสามของพวกเราน่าเวทนาได้ถึงเพียงนี้!”

สายตาแปลก ๆ และการวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นไปทั่ว มันพุ่งตรงมาบนตัวของเขา

หยุนชิงกุยรู้สึกเหมือนถูกถอดเสื้อผ้าทั้งหมด กระชากเปลือกนอกของเขาออก ดึงส่วนที่มืดมนและไม่ต้องการเปิดเผย ให้ออกมาอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์

ทุกนาที ทุก ๆ วินาที ต่างเป็นความอัปยศและดูหมิ่น

“ฉู่เชียนหลี!”

นัยย์ตาของหยุนชิงกุยเต็มไปด้วยความแค้น นัยน์ตาแดงก่ำแดง เสียงแหบแห้ง ฝืนกัดฟันฟันพูดออกมา

ฉู่เชียนหลีค่อย ๆ ยกมุมปากเขาเล็กน้อย เขยิบเข้าไปใกล้หยุนชิงกุย

“ข้าอยู่นี่เพคะ องค์ชายสามวางใจ สิ่งชั่วร้ายอย่างตระกูลซุน ข้าจะต้องถอนรากถอนโคนมันให้ได้!”

ฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลซุนมองไปที่หยุนชิงกุย เหมือนกับถูกใครบีบคอเอาไว้ อ้าปากพะงาบ ๆ แม้แต่จะหายใจยังลำบาก

จบแล้ว...

ตระกูลซุนจบแล้วจริง ๆ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็ไม่สามารถสูดลมหายใจเข้าไปได้ ทันใดนั้นก็พลันตาเหลือก เป็นลมล้มพับลงไปทันที

ฉู่เชียนหลีแววตานิ่งเรียบ “องค์ชายสาม ยังต้องเดินทางอีกช่วงสั้น ๆ เท่านั้น ท่านอดทนอีกสักนิดเป็นอย่างไร?”

หยุนชิงกุยจ้องไปที่ฉู่เชียนหลีไม่วางตา นัยน์ตาแดงก่ำแดง ดุร้ายเหมือนปีศาจ

ฉู่เชียนหลีละสายตาออกมา “เทียนเสวียน ไปหาคนมาหามฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลซุนไป ข้ายังจัดการไม่เสร็จ!”

“ขอรับ!”

เหล่าผู้คนต่างก็รีบร้อนเดินตามหลังฉู่เชียนหลี

พวกเขาตกใจมากเสียจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี คิดเพียงแค่จะเดินตามหลังฉู่เชียนหลีไป เพื่อจะได้ฟังว่าแท้จริงแล้วตระกูลซุนนั้นชั่วร้ายเพียงใด อีกทั้งยังเข็ญฆ่าคนไปแล้วอีกไม่รู้เท่าไร!

ฉู่เชียนหลีมองซุนยู่จือด้วยสายตาเย็นชา

“ไป เดินต่อไป!”

ซุนยู่จือได้ยินเช่นนั้น ก็เริ่มสาวเท้าเดินบิดเอวไปข้างหน้าต่อ

ทันใดนั้น สายตาของนางก็เป็นประกาย มองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน

“ใต้เท้าจู่ว? เหตุวันนี้เห็นข้า แต่กลับไม่แยแสเลย? เมื่อก่อน เห็นท่านรีบร้อนจะเป็นจะตาย?”

เหล่าชาวบ้านต่างหันไปมองใต้เท้าจู่ว แล้วจึงก็สูดหายใจเข้าลึกในทันที

หลี่เหวินจู่ว ราชเลขากรมพิธีการ!

องค์ชายสามหยุนชิงกุยเงยหน้า ในใจก็มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น นั่นมันคนของเขา!

หลี่เหวินจู่วได้เข้าร่วมการล่าสัตว์ฤดูใบไม้ผลิด้วย ตอนที่กำลังจะกลับจวน ก็ได้ยินเสียงฆ้องดังขึ้น จึงแวะเข้ามาดูเสียหน่อย คาดไม่ถึงว่าจะถูกซุนยู่จือพบเข้าจนได้

“สามหาว! ข้าไม่เคยรู้จักเจ้า เจ้าพูดจาเลอะเทอะอะไร?”

“ไม่รู้จักหรือ? เพิ่งร่วมรักกันในงานล่าสัตว์ ที่หลังของท่าน ตอนนี้ยังมีรอยเล็บของข้าอยู่เลย สวมชุดขุนนาง ก็จำข้าไม่ได้เสียแล้วหรือ?” ซุนยู่จือพูดเยาะเย้ย

“เจ้า... ”

“หุบปาก กล้าดีอย่างไรมาใส่ร้ายขุนนางเช่นข้า?” หลี่เหวินจู่วหน้าดำคร่ำเครียด เมื่อมองไปยังองค์ชายสาม ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ฉู่เชียนหลี เจ้าทำร้ายองค์ชายหรือ เจ้ามันจิตใจชั่วช้า สมควรถูกลงโทษ!”

ฉู่เชียนหลีมองด้วยสายตาเย็นชา เรื่องของตัวเองยังไม่สามารถขี้แจ้งได้ ตอนนี้ยังมีกระจิตกระใจมาแสดงความจงรักษ์ภักดีกับองค์ชายสามอีกหรือ?

ยกแส้ยาวในมือขึ้น ฟาดลงไปทางหลี่เหวินจู่วเต็มแรง

หลี่เหวินจู่วรีบหลบไปอีกทาง แต่แส้ยาวนั้นกลับตามติดราวกับเป็นเงา พร้อมกับเสียงฝ่าอากาศที่ดังออกมา แส้กระทบลงบนเสื้อของเขาเป็นแนวยาว

หลี่เหวินจู่วล้มลงกับพื้น เผยให้เห็นรอยเล็บที่อยู่เต็มแผ่นหลัง

“ว้าว มีรอยเล็บอยู่จริง ๆ เสียด้วย!”

“ไม่ใช่แค่เพียงรอยเดียวเท่านั้น ดูหลังทั้งหลังเกือบจะกลายเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่แล้ว นี่มัน... ช่างต่ำตมเสียจริง!”

คนรอบข้างต่างก็โกลาหลไปหมด

หยุนชิงกุยเหงื่ออกไปทั่วทั้งหัว ไม่คาดคิดว่าฉู่เชียนหลีจะทำเรื่องไร้เหตุผลเช่นนี้

“ฉู่เชียนหลี... ”

ฉู่เชียนหลียืนตัวตรง ใบหน้างดงามนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

“องค์ชาย หลี่เหวินจู่วและนางซุนร่วมมือกัน ไม่รู้แน่ว่าเขาช่วยนางฆ่าคนไปกี่ชีวิต ทำร้ายผู้หญิงไปอีกเท่าไร ตอนนี้ปฏิเสธความผิด แล้วยังยื้อเวลาไม้ให้ท่านเปิดเผยตระกูลซุน จิตใจช่างดำมือและโหดร้ายจริง ๆ”

“เจ้า... ” หยุนชิงกุยถูกคำพูดนี้ทำให้โกรธเสียจนแทบจะกระอักเลือดอยู่รอมร่อ

“ท่านไม่ต้องกังวลไป ข้ารู้ดี ท่านเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและชอบทำความดีเสมอมา ถึงอย่างไรในตอนนั้นท่านก็ยินยอมเสียทองมากมายเช่นนั้นเพื่อช่วยเหล่าองครักษ์ของตระกูลฉู่ ตอนนี้ได้ยินผู้หญิงบริสุทธิ์จำนวนมากต้องถูกทำร้าย แน่นอนว่าท่านคงจะไม่ยินยอมปล่อยผ่านไปเป็นแน่”

หยุนชิงกุยรู้สึกถึงสายตาของฝูงชน ความเกลียดชังในใจพุ่งสูงเสียดฟ้า แต่กลับจำต้องกัดฟันกลืนเลือด

ในเวลานี้ องค์ชายใหญ่หยุนชิงฝานก็ได้พาคนตามมาแล้ว

หยุนชิงกุยดึงสติกลับมา รีบตะโกนออกไป “ท่านพี่!”

ต้องเป็นเพราะเสด็จพ่อรู้ข่าวแล้วเป็นแน่ จึงได้สั่งคนให้มาช่วยเขา!

เมื่อกลับวัง เข้าเฝ้าเสด็จพ่อ เขาต้องทำให้ฉู่เชียนหลีชดใช้ให้ได้!

หยุนชิงฝานเห็นเมื่อเห็นสภาพของหยุนชิงกุยก็ตกใจ พร้อมกับความสุขที่แอบซ่อนอยู่ในใจฉายแวบผ่านนัยน์ตาของเขา

“น้องสาม เหตุใดเจ้าถึงมีสภาพเช่นนี้?”

“เพราะฉู่... ”

“น้องสาม ท่านพี่รู้เรื่องแล้ว เพราะคุณหนูใหญ่ฉู่ช่วยเจ้าไว้ใช่หรือไม่ คุณหนูใหญ่ฉู่ช่างจิตใจงดงามเหลือเกิน เมื่อครู่ที่ประตูเมือง ก็เพิ่งช่วยเสด็จพ่อ เหล่าทหาร ร่วมถึงชาวบ้านนับไม่ถ้วน! ทางนี้ก็มาช่วยเจ้าเอาไว้อีก จิตใจงดงามเช่นนี้ เสด็จพ่อจึงชื่นชมยิ่งนัก”

คำพูดหมายจะตำหนิของหยุนชิงกุยถูกหยุดไว้ที่คอ สีหน้าที่สับสนเปลี่ยนไปมา สุดท้ายก็จำต้องเอ่ยปากออมาด้วยความยากลำบาก

“ท่านพี่ พูดถูกแล้ว... ”

องค์ชายใหญ่หยุนชิงฝานลงจากม้า กวาดตามองหยุนชิงกุย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

ฉู่เชียนหลีที่ครั้งหนึ่งเคยถูกดูหมิ่นทุกวิถีทาง ตอนนี้นางได้กลายเป็นบุคคลที่เขาไม่สามารถแตะต้องได้ ถูกตี ถูกทำร้ายก็ไม่สามารถลงโทษได้ ยังจะมีเรื่องได้ที่ทำให้คนอยากกระอักเลือดไปมากกว่านี้อีกหรือ?

หยุนชิงฝานเดินไปตรงหน้าฉู่เชียนหลี ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มในทันที

“คุณหนูใหญ่ฉู่ เสด็จพ่อได้ยินมาว่าน้องสามหลังออกจากจวนโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ถูกลอบทำร้าย โมโหเป็นอย่างมาก จึงให้ข้ามาดูและพาเขากลับวัง”

ฉู่เชียนหลีพยักหน้า “ฮ่องเต้ทรงตรัสด้วยพระองค์เอง เช่นนั้นก็ต้องรบกวนองค์ชายใหญ่ด้วย”

องค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามนั้นไม่ถูกกันมาตลอด ครั้งนี้ฮ่องเต้ให้เขามารับตัวไป นั่นหมายความว่ากำลังแสดงให้นางเห็นว่าจะไม่มีทางปกป้องเขาอย่างแน่นอน เช่นนั้น เอาใจเสียหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“คุณหนูใหญ่ฉู่ช่างมีคุณธรรมเสียจริง ข้าจะต้องเล่าสู่เสด็จพ่ออย่างแน่นอน อีกทั้งใต้เท้าหลี่เหวินจู่วและฮูหยินเฒ่าซุน... ”

หยุนชิงฝานคำนวณในใจ หยุนชิงกุยจบแล้ว แต่สมุนใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขาก็ยังคงอยู่ สามารถค่อย ๆ กำจัดไปทีละคนได้

“องค์ชายใหญ่สามารถพาไปด้วยได้”

“ขอบใจคุณหนูใหญ่ฉู่ที่เข้าใจ เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนการส่งนางซุนกลับจวนแล้ว อ้อ ใช่แล้ว เสด็จพ่อตรัสว่า เมืองหลวงเต็มไปด้วยความวุ่นวายเพื่อป้องกันไม่ให้คนพาลบางคนทำผิดต่อคุณหนูใหญ่ฉู่ เราได้ส่งทหารรักษาพระองค์ห้าสิบนายไปมาให้เจ้า นับแต่นี้ ถือเป็นทหารของจวนตระกูลซู เคลื่อนไหวตามคำสั่งคุณหนูใหญ่ฉู่และตระกูลซู อีกเดี๋ยวจะมีคนเอาสัญญามาให้”

ฉู่เชียนหลีแววตาสั่นไหวเล็กน้อย ฮ่องเต้กำลังปลอบนาง แสดงถึงให้เห็นว่าดีต่อนาง?

“เพคะ เมื่อข้าจัดการเรื่องนางซุนเรียบร้อยแล้ว จะไปขอบพระทัยฝ่าบาท”

“เช่นนั้นข้าขอตัว” หยุนชิงฝานโบกไม้โบกมือ เหล่าองครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ ก็เดินขึ้นมา “ปกป้องน้องสามให้จังดี แล้วจับกุมหลี่เหวินจู่วและฮูหยินเฒ่าซุน แล้วกลับวังฟังบัญชาจากเสด็จพ่อ”

“ขอรับ”

ฉู่เชียนหลีมองหยุนชิงกุยที่ถูกพาตัวไป มีความสั่นไหวเล็กน้อยในดวงตาของนาง

นับแต่นี้ หยุนชิงกุยกับบัลลังก์ฮ่องเต้นั้น ไม่มีทางได้บรรจบกันแล้ว

เมื่อมีทหารรักษาพระองค์หนึ่งกองที่องค์ชายใหญ่พามาอยู่ในมือ ความขัดแย้งในหมู่ประชาชนก็หายไปเช่นกัน

“นางซุน เดินต่อไป!”

ฉู่เชียนหลีจับมือซุนยู่จือเดินไปด้านหน้า จนมาถึงหน้าประตูจวนเฉิงเสี้ยง

ที่นี่ จะเป็นเป้าหมายสุดท้ายของนาง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี