ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 129

สรุปบท บทที่ 129 เก็บเป็นความลับเป็นชั่วคราว: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี

ตอน บทที่ 129 เก็บเป็นความลับเป็นชั่วคราว จาก ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 129 เก็บเป็นความลับเป็นชั่วคราว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี ที่เขียนโดย เย็นอวี่ฟังหัว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เซินเป่าสงสารเจ้าชมพู ก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ เจ้าชมพูบอกว่ามันรู้สึกผิดไปแล้ว ไม่ได้ซ่อนอะไรอีกแล้วจริงๆ”

ฉู่เชียนหลีเหลือบมองไปยังป๋องแป๋ง กระพริบดวงตาเล็กน้อย

“เซินเป่าถามเจ้าชมพูว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับถนนที่ถล่ม?”

เซินเป่ารีบนั่งยอง ๆ ข้างเจ้าชมพู เถาวัลย์และใบไม้ของเจ้าชมพู บิดไปมา และใช้เวลาครู่หนึ่ง การพูดคุยถึงสิ้นสุดลง

“ท่านแม่ เจ้าชมพูบอกว่ามันจงใจขุดดิน มันต้องการล้างแค้นให้ท่านแม่ ให้คนที่ทำให้ท่านแม่ไม่มีความสุขต้องได้รับกรรม”

ฉู่เชียนหลีอึ้งไปชั่วขณะ เจ้าชมพูได้มีสติปัญญาอย่างสมบูรณ์ตอนที่นางไม่รู้

“เจ้าชมพู เจ้าทำผิดเรื่องใด?”

เจ้าชมพูสั่นอีกครั้งและบิดกิ่งก้านไปมา

เซินเป่ารีบแปลอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ เจ้าชมพูบอกว่ามันไม่ควรทำแบบนี้”

“เจ้าต้องการระบายความโกรธให้ข้า ข้าขอบใจสำหรับความตั้งใจของเจ้า แต่เพราะเหตุใดเจ้าถึงถึงท่านชายเซียวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย?”

เซินเป่ามองไปที่เจ้าชมพู แล้วเบิกตากว้างอย่างเงียบ ๆ “ท่านแม่ เจ้าชมพูบอกว่าต้องการรับท่านอาเซียวมาเป็นลูกน้อง พี่ชาย ลูกพี่มีเรื่อง ลูกน้องต้องมาจัดการ นอกจากนี้มันยังต้องการให้ง้วนป้อในวันนี้ทองเป็นรางวัลกับท่านชายเซียว...”

ฉู่เชียนหลีอดไม่ได้ที่จะวางมือบนหน้าผาก “เจ้าไปเรียนมาจากไหน?”

ที่มุมกำแพง ปักษีขาวสองตัวกอดกันด้วยร่างสั่นเทา

“แก๊ก แก๊ก!”

มองไม่เห็นปักษี มองไม่เห็นปักษี!

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง กิ่งไม้เจ้าชมพูยืนตรง ติดแน่นอยู่ที่มุมของกำแพง

ด้านซ้ายและด้านขวาของมัน มีปักษีขาวยืดคอตรงสองตัว

ฉู่เชียนหลีมองดูพวกมันพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ข้าลงโทษให้พวกเจ้ายืนอยู่ตรงมุมห้องเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ใครทำไม่ได้ ข้าจะใช้มีด หม้อ ทำเถาวัลย์โลหิตตุ๋นปักษีกับมือเอง!”

เถาวัลย์หนึ่งเถาและปักษีสองตัวยิ่งยืนตรงมากขึ้น

ฉู่เชียนหลีถอนหายใจ มองเซียวจวินยี่อยู่ข้างๆอย่างขอโทษ “ท่านชายเซียว เจ้าชมพูซนเกินไป ได้สร้างปัญหาให้กับท่านชาย ข้าขอโทษท่านชายแทนพวกมันด้วย”

เซียวจวินยี่โบกมืออย่างรวดเร็ว “น้องหญิงเชียนหลี เราไม่ใช่คนนอก ไม่จำเป็นต้องขอโทษ อีกอย่างวันนั้นข้าเจ๋งมาก สุดท้ายก็ไม่สูญเสียอะไร ในทางกลับกัน ข้าได้มีชื่อเสียงเมืองหลวงด้วย!”

คราวที่แล้วเขาที่เขามีชื่อเสียงแบบนี้ คงเป็นแค่วันที่เขาเกิดมั้ง? เพราะเขาเป็นเด็กที่ท่านแม่ของเขาอ้อนวอนมาสิบปีกว่าจะได้มา

ฉู่เชียนหลีหัวเราะเบา ๆ “ในเมื่อไม่ใช่คนนอก ต่อไปข้าเรียกท่านชายว่าพี่เซียวก็แล้วกัน”

ดวงตาของเซียวจวินยี่เป็นประกายขึ้นมาทันใด “ฮ่าฮ่า ดี ดีเลย น้องหญิงเชียนหลี!”

ดวงตาของเฟิ่งเสวียนตู้ที่ยืนอยู่ข้างๆกระตุกอย่างแรง: พี่เซียว? แล้วเขาล่ะ? เขาเป็นถึงตี้จวินหงส์ผู้สง่างาม ไม่สมควรที่จะมีชื่อสกุล เรียกได้เพียงเจ้าขี้เหร่?

ซูจิ่นจือเดินเข้า เห็นสีหน้าของเซียวจวินยี่ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหนทาง “จวินยี่ อย่าโง่เขลาต่อหน้าน้องสาว”

เซียวจวินยี่รีบแสดงสีหน้าเรียบร้อยออกมาอย่างรวดเร็ว “รู้แล้ว เวลาอื่นๆข้าเป็นผู้ใหญ่มาก เจ้าก็รู้”

ซูจิ่นจือหัวเราะเบา ๆ “เชียนหลี เจ้าชมพูมีจิตใจเป็นเด็ก เจ้าอย่าลงโทษมันเลย?”

ท่าทางแบบนั้น ดูน่าสงสารจริงๆ

“ท่านผู้พี่ เจ้าชมพูเป็นเถาวัลย์โลหิตที่ดุร้าย ตอนนี้เพราะข้ามันเลยมีสติปัญญา จะต้องยับยั้งนิสัยของมันไว้ให้ดี ไม่เช่นนั้น มันจะสร้างปัญหาในอนาคตได้อย่างแน่นอน”

ในเมื่อนางเลี้ยงเถาวัลย์โลหิต นางจึงต้องรับผิดชอบมัน

“อย่างนี้นี่เอง”

“จิ่นจือ ให้น้องหญิงเชียนหลีจัดการเถอะ นางหวังดีต่อเจ้าชมพู ใช่แล้ว ข้าบอกพวกเจ้านะ วันนั้นข้าหล่อมาก...”

เซียวจวินยี่พูดอย่างตื่นเต้น พูดถึงประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในวันนั้น ดวงตาของเขาเปร่งกระกาย

หลังจากฉู่เชียนหลีฟังเสร็จก็อดไม่ได้ที่จะกระพริบตา “เจ้าบอกว่า เจ้าชมพูขุดอุโมงค์ใต้ดินที่คนก็สามารถผ่านไปได้?”

ฉู่เชียนหลีมองความคิดของเขาออก รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมริมฝีปากของนาง “ข้ามีแผนบางอย่าง เมื่อถึงเวลานั้น พวกเจ้ารอดูก็แล้วกัน ไม่มีปัญหาแน่นอน”

เซียวจวินยี่อยากรู้เป็นอย่างยิ่ง “น้องหญิงเชียนหลี เจ้าเปิดเผย เปิดเผยหน่อยสิ”

“เก็บเป็นความลับ!”

เซียวจวินยี่ออกไปจากตระกูลซู ก็ยังคงอยากรู้จนใจคัน รอเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันแข่งม้าเสียที

ลานล่าสัตว์ของราชวงศ์มีสองที่ จัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ผลิที่เขาไต้หยุน การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งมีป่าทึบและครอบคลุมพื้นที่กว้าง

อีกพื้นที่หนึ่งตั้งขึ้นที่เขตชานเมือง แม้ว่าจะเป็นที่รู้จักในฐานะลานล่าสัตว์ แต่ก็เหมือนเรือนหลังใหญ่ ก่อนหน้านี้เคยใช้ในการต้อนรับจักรพรรดิและนางสนมใช้สำหรับการออกนอกมาเที่ยวหรือล่าสัตว์เล็กอย่างสนุกสนาน

เมื่อพวกฉู่เชียนหลีไปถึง ลานล่าสัตว์ก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว

เมื่อทุกคนเห็นนาง บรรยากาศก็เงียบลงในทันใด แล้วก้มศีรษะลงเพื่อคำนับ

“น้อมพบฉู่จวิ้นจู่

“ไม่ต้องพิธีรอตอง”

ฉู่เชียนหลีพยักหน้าแล้วพาทุกคนไปยังที่ที่จักรพรรดิอยู่

เมื่อนางจากไป หลายคนยังคงมองดูแผ่นหลังนางเหม่อลอยอยู่เป็นเวลานาน

“เมื่อพูดขึ้นมา ฉู่จวิ้นจู่เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิขนาดนี้ ยังมีสิทธิ์ไม่ต้องคุกเข่าเมื่อเจอจักรพรรดิ เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่ตั้งฉายาที่ดีกว่าให้นางล่ะ?”

“ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน ข้ายังเคยถามท่านแม่ข้ามาก่อนเลย แต่ท่านแม่ของข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”

“ต้องเป็นเพราะฝ่าบาทยังคิดฉายาที่ไม่เหมาะสมออกมาได้ ฉู่จวิ้นจู่เป็นถึงผู้ฝึกตน เมื่อระลึกถึงอิริยาบถของท่านเซียนในวันนั้น ข้ายังรู้สึกตื่นเต้นมากอยู่เลย”

“ใช่ ฉู่จวิ้นจู่หล่อเหลา หากนางผู้ชาย...”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา คุณหนูหลายคนจากตระกูลขุนนางสบตากันแล้วมารวมตัวกันอย่างตื่นเต้น ดวงตาของพวกนางเป็นประกาย แก้มแดงระเรื่อ พูดคุยกันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา บางครั้งจะกระทืบเท้าบ้าง ปิดปากยิ้มบ้าง ทำให้ผู้อื่นสงสัย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี