ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 142

สรุปบท บทที่ 142 งานสายการผลิต: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี

อ่านสรุป บทที่ 142 งานสายการผลิต จาก ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดย เย็นอวี่ฟังหัว

บทที่ บทที่ 142 งานสายการผลิต คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เย็นอวี่ฟังหัว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ในยามวิกาลนั้น ซุนยู่จือพยายามหลบหนี จนมาถึงกระท่อมทรุดโทรมแห่งหนึ่งอย่างยากลำบาก ถึงได้หายใจได้โล่งคอ

เสื้อผ้าบนร่างกายของนางถูกฉีกขาดหลายที่ และยังมีบาดแผลใหม่บนข้อมือที่ถูกตัดขาดก่อนหน้านี้ ความเจ็บปวดนั้นแทงลึกเข้าไปถึงกระดูก แต่บาดแผลกลับค่อยๆ ฟื้นตัว

ความหวาดกลัวในแววตาของซุนยู่จือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ

ครู่ต่อมา เงาร่างชายชุดดำก็พลันปรากฏตัวขึ้น

ซุนยู่จือกรีดร้องสั่นๆ จากนั้นก็ยกมือปิดปากตัวเองแน่น

“เจ้าคือ...”

“ซุนยู่จือ เจ้าคนสมควรตาย!”

“ไม่ อย่างฆ่าข้า ข้าไม่ได้ทรยศใต้เท้าสวี ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”

“เฮอะ ค่อยไปหาข้อแก้ตัวในนรกเถอะ”

เมื่อกล่าวจบ ชายชุดดำก็ดึงกริชออกมา และยกซุนยู่จือออกมา แล้วหมายจะกรีดคอนาง

อยู่ๆ เถาวัลย์สีเขียวก็โผล่ออกมาจากพื้นดิน ก่อนจะรัดไปที่คอของชายชุดดำผู้นั้น จากนั้นมันก็ยกเขาขึ้น แล้วม้วนตัวของเขาบนท้องฟ้าไปหลายสิบตลบ ก่อนจะทุ้มลงพื้นดินอย่างแรง

กลางดึก เสียงกรีดร้องทำให้ชาวบ้านบริเวณโดยรอบกำลังหลับสนิท

ขุนนางที่รับผิดชอบสถานการณ์ห้ามประชาชนออกจากเรือนในยามวิกาลได้รับข่าวของซุนยู่จือตั้งนานแล้ว หลังจากได้ข่าวการเคลื่อนไหวก็รีบไปยังที่ซ่อนตัวของนาง

จากนั้นก็พบว่าชายคนนั้นนอนสลบอยู่บนพื้น สองขาถูกตัดขาด

“จับได้แล้วอย่างนั้นหรือ?”

“ขอรับ”

“มัดไว้ให้แน่น ใต้เท้าสั่งแล้ว คนที่จับได้จะได้รางวัลสิบตำลึง”

“เร็วเข้า ไม่แน่อาจจะมีคนอื่นมาอีก”

“ขอรับ”

ซุนยู่จือถูกช่วยชีวิตไว้ จ้องมองขุนนางเหล่านั้นมัดชายชุดดำแล้วจากไป

เกิดอะไรขึ้น?

ตระกูลซู เจ้าชมพูดึงเถาวัลย์ที่สกปรกออก มองซ้ายแลขวา ค่ำคืนที่เงียบสงบ ไม่มีใครสนใจตน มันหดตัวกลับลงพื้นดินอย่างไม่เต็มใจ และมุ่งหน้าไปทางจวนองค์หญิงใหญ่

เจ้าชมพูต้องการไปหาน้องชาย!

ในจวนองค์หญิงใหญ่ เซียวจวินยี่กำลังหลับสนิท อยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแทงแผ่นหลังของตน

เขาไม่ได้สนใจ พลิกตัวแล้วนอนต่อ

ครู่ต่อมา อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ข้อมือ ราวกับถูกบางอย่างพันเอาไว้ และดึงเขาขึ้น

“อ๊ะ! ผี!”

อ๊ะ?

มีผี?

เจ้าชมพูลุกขึ้นอย่างตกใจ ใบไม้บนเถาวัลย์ก็สั่นสะท้าน

ผีอยู่ที่ไหน? เจ้าชมพูไม่อร่อยนะ! อ๊ากกกกก!

บ่าวรับใช้ที่คอยรับใช้ตอนกลางคืนก็รีบเข้าไปจุดเทียน “องค์ชายท่านเป็นอันใด? ฝันร้ายหรือ”

เซียวจวินยี่รีบลุกขึ้นมานั่งทันที ทั่วร่างมีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา “เมื่อครู่มีบางอย่างพันข้อมือข้า มันเย็นยะเยือก...”

เอ่อ...

เซียวจวินยี่ตั้งสติ เห็นใบไม้แหลมสองใบของเจ้าชมพูอยู่บนพื้น

“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ เมื่อครู่ข้าแค่ฝันร้าย ไม่ต้องเฝ้าอยู่ข้างนอกแล้ว”

“ขอรับ”

บ่าวรับใช้ต่างถอยออกไป เซียวจวินยี่รีบลุกจากเตียงและนั่งยองๆ ลงกับพื้น

“พี่ชมพู พี่มาได้อย่างไร?”

เจ้าเถาวัลย์ชมพูรีบผุดขึ้นมาจากพื้นทันที กอดเซียวจวินยี่ด้วยตัวที่สั่นเทา

ยังมีผีหรือไม่? ผีไปหรือยัง?

เซียวจวินยี่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด และไม่หยุดการคาดเดาของเขา “เจ้ามาข้า มีเรื่องใหญ่อย่างนั้นหรือ?”

ก่อนจะช่วยเจ้าชมพู น้องเชียนหลีก็รู้สึกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่จริงๆ แล้วเขากับรู้สึกมีความสุขอย่างสมบูรณ์กับมัน

เจ้าชมพูมองดูรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จากนั้นก็โบกใบไม้ เพื่อส่งสัญญาณให้เซียวจวินยี่ตามมา

เซียวจวินยี้สวมเสื้อคลุมและรองเท้า ก่อจะเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่กระตือรือร้น “ไอ๊หยา เสื้อผ้าของข้าดูไม่ทรงพลังพอเลย ข้าควรเปลี่ยนเป็นชุดที่ดูขึงขังกว่านี้หรือไม่?”

เจ้าชมพูโอบแขนเสื้อของเซียวจวินยี่อย่างกังวล ก่อนจะดึงเขาเดินออกไป

เฟิ่งเสวียนตู้วางหนังสือในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง “ตื่นแล้วหรือ หิวหรือไม่?”

“หิว...หืม?”

ฉู่เชียนหลีรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า เจ้าขี้เหร่จะถามคำถามนี้ เมื่อตอนบ่าย เจ้าขี้เหร่ก็ยังคงถามคำถามนี้ แม้กระทั่งก่อนจะนอนตอนกลางคืนเขาก็ถาม ว่าอยากกินอาหารยามดึกหรือไม่

และวันนี้ท่าทางของเขาดูอ่อนโยนมากกว่าเมื่อก่อน

เฟิ่งเสวียนตู้รู้สึกปกติมาก “ลุกขึ้นมาล้างหน้าบ้วนปากกินอาหารหน่อยหรือไม่?”

ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่ายหัวเพื่อสลัดความรู้สึกแปลกๆ ในใจของตน “เซินเป่าเมื่อครู่เจ้าอยากจะจับอะไร?”

“ข้าได้ยินเจ้าชมพูบอกว่า ที่จวนของท่านชายเซียวมีผี เซินเป่าอยากศึกษา อยากศึกษา”

แววตาของฉู่เชียนหลีเป็นประกาย “มีผีอยู่ในโลกมนุษย์ด้วยหรือ?”

“ไม่มี”

“แล้วจงอวี้กับซ่างอวี้มีหรือไม่?”

“ก็ไม่มีเช่นกัน”

“ไม่มีอย่างนั้นหรือ” ฉู่เชียนหลีรู้สึกหดหู่ทันที สายตาเป็นประกายก็มอดดับลง

เช่นนั้นความสนุกก็ลดลงไปไม่น้อย

จะว่าไป กาลเวลาที่น่าหวาดกลัวที่นางบุกเข้าไปในตอนแรก ราชาปีศาจที่ถูกนางใช้ชี่ทิพย์เป่าจนกลายเป็นลูกโป่งตนนั้นยังสบายดีอยู่หรือไม่? เขาคงคิดถึงนางมากเลยล่ะสิ

เฟิ่งเสวียนตู้มองท่าทาวของฉู่เชียนหลี มุมปากก็ยกยิ้มเล็กน้อย เมื่อครู่ สีหน้าของเซินเป่ากกับนางแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง

“ในตอนเช้า มีข่าวจากเทียนเสวียน ว่าผู้ลอบสังหารซูนยู่จือทั้งหมดห้ากลุ่มถูกจับกุมเมื่อคืนนี้ และตอนนี้พวกเขาทั้งหมดก็ถูกขังอยู่ในจวนชุ่นเทียน”

“ดูเหมือนว่าซุนยู่จือจะมีประโยชน์อยู่บ้าง และต้องขอบคุณเจ้าชมพู อีกเดี๋ยวข้าจะขอให้เซินเป่าถามเจ้าชมพูว่าอยากได้อะไรหรือไม่ ทำผิดก็ควรลงโทษ แต่ถ้าทำถูกก็ควรมีรางวัล”

สายตาของเฟิงเสวียนตู้อ่อนโยน “อืม อยากได้อะไร ข้าจะให้คนเตรียมให้”

ฉู่เชียนหลีนอนฟุบอยู่ข้างโต๊ะ แก้มที่เพิ่งล้างไปนั้นดูขาวเนียนและอ่อนโยน ราวกับสามารถแตกหักได้เพียงแค่เป่าครั้งเดียว เส้นผมที่ถูกย้อมด้วยไอน้ำแนบติดใบหู มันดูนุ่มลื่นและเงางาม

“เจ้าขี้เหร่ มีเรื่องอะไรในใจหรือไม่?”

สองวันมานี้ เจ้าขี้เหร่ตอบสนองต่อคำพูดของนางและเซินเป่า แม้ว่าจะไม่เคยปฏิเสธคำขอของนางมาก่อน แต่ตอนนี้ กลับรู้สึกเสมอว่านางกำลังได้รับการชดเชย

“ไม่มีมากอะไรหรอก แค่อยากให้เจ้า…ดีกับเซินเป่า หรือว่าทำไม่ได้หรือ?”

ฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะนั่งตัวตรง “ทำได้สิ ไม่ผิดหรอก ข้าจะดูแลเขาต่อไป!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี