บอกว่าในอีกสองวัน แต่จริงๆ แล้วคือการนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเป็นเวลาห้าวัน
อันดับแรกฉู่เชียนหลีเข้าวังก่อน ใช้ข้ออ้างตามหาสมุนไพร หลอมยาเม็ดเพื่อจัดการกับฮ่องเต้ และบอกว่าตนกำลังจะจากไป
ฮ่องเต้ตอบรับด้วยความยินดี ความจริงแล้วในใจของเขานั้นเข้าใจดี การกระทำของฉู่เชียนหลีนั้นเดิมทีไม่จำเป็นต้องรายงานให้เขาทราบ การมาในครั้งนี้เพื่อแสดงให้คนภายนอกรู้ว่านางให้ความเคารพต่อราชวงศ์
“เชียนหลี แม่ทัพใหญ่ซูและแม่ทัพซูเซินก็จะไปกับเจ้าด้วยหรือ?”
“ฮ่องเต้ ขาของท่านลุงยังไม่หายดี ทำอะไรก็ไม่สะดวก ดังนั้นจึงให้อยู่ในเมืองหลวงเพคะ ส่วนผู้พี่จะไปกับหม่อมฉันเพคะ”
ถ้านางพาทุกคนออกไป ฮ่องเต้ชราคงนอนไม่หลับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแล้ว
“อืม เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะให้คนไปปกป้องลุงของเจ้าและตระกูลซูให้ดี” ฮ่องเต้แอบโล่งใจอย่างเงียบๆ “จริงสิ นางอู๋สังหารพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง ทำอะไรก็บ้าคลั่งไม่คู่ควรกับการเป็นมนุษย์เลยจริงๆ ตอนแรกข้าอยากจะถามเกี่ยยวกับการประหารนาง แต่คิดไม่ถึงว่า นางจะฆ่าตัวตายในคุกตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว”
แววตาของฉู่เชียนหลีเป็นประกาย: “นั่นคือสิ่งที่นางสมควรได้รับแล้ว”
“อืม ข้าจะให้คนไปแจ้งฉู่เยี่ยนชิง อีกอย่าง ตระกูลฉู่ติดค้างสินเดิมของมารดาเจ้าและเงินห้าหมื่นตำลึง ข้าสั่งให้ตระกูลฉู่รวบรวมเงินในอีกสามวัน ก่อนจะไปจากเมืองหลวง ก็ควรออกไปดูหน่อย”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
หลังจากออกจากวัง ฉู่เชียนหลีก็ยกยิ้มมุมปาก
เฟิ่งเสวียนตู้ช่วยพยุงนางขึ้นไปบนรถม้า “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เจ้าขี้เหร่ เจ้าพูดถูก ฮ่องเต้ชราผู้นั้นช่างฉลาดจริงๆ” ฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นางอู๋ถูกส่งเข้าคุกแล้วฆ่าตัวตาย น่าจะเป็นฝีมือของเขา”
คนมากมายที่อยากจะฆ่านางซุนล้วนถูกส่งเข้าคุกและขังไว้เป็นเวลานาน แต่นางอู๋กลับฆ่าตัวตายในวันรุ่งขึ้นที่เข้าคุก ฮ่องเต้เพียงยอมรับแบบเงียบๆ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขานั่นแหละที่ลงมือ
“เขารู้ว่าฉู่เยี่ยนชิงไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเจ้าแล้วหรือยัง”
“ต้องรู้อยู่แล้ว เขายังให้ฉู่เยี่ยนชิงนำสินเดิมของแม่ข้ามาคืนภายในสามวัน และเงินห้าหมื่นตำลึงที่เคยติดค้างข้ามาตลอด ไม่อย่างนั้นก็ไม่ไว้หน้าจนมาถึงวันนี้”
“เป็นแบบนี้ก็ดี เจ้าจัดการกับตระกูลฉู่ ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป”
“อืม นางอู๋ตายแล้ว ฉู่เยี่ยนชิง ฉู่หลิงเซวียนและฉู่หานปี้ยังมีชีวิตอยู่ บัญชีเหล่านี้อย่างไรก็ต้องคืนทั้งต้นทั้งดอก”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ฉู่เชียนหลีก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนของเจ้าของร่างเดิม
เหมือนว่าช่วงนี้ นางจะสัมผัสอารมณ์ของเจ้าของร่างเดิมไม่ได้แล้ว นับวันร่องรอยของเจ้าของร่างเดิมยิ่งเบาบางลง คิดว่าคงอีกไม่นานก็คงจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
เมื่อฉู่เชียนหลีคิดมาถึงตรงนี้ อาการดีขึ้นมาไม่น้อย
“กลับจวน”
“ขอรับ”
สาววันหลังจากนั้น สินเดิมก็ถูกยกมาที่ตระกูลซู
ในที่สุดฉู่เยี่ยนชิงและฉู่หลิงเซวียนก็มีโอกาสได้ออกจากจวนมาพบกับฉู่เชียนหลี
ในช่วงเวลานี้ มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นในตระกูลฉู่ไม่หยุด เขาและฉู่หลิงเซวียนไม่ได้ออกจากจวนยังสงบดี แต่พอออกมาจากจวน ก็จะพบกับปัญหาต่างๆ มากมาย
เขาเพิ่งจะเริ่มสงสัยคนใช้ของตระกูลฉู่ แต่เขาเปลี่ยนชุดแล้วชุดเล่า สุดท้ายเก็หมดแรงเพราะการทำอะไรมากเกินไป แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น เขาค่อยๆ สงสัย หงุดหงิด เดือดดาล เมื่อเห็นฉู่เชียนหลี แววตาของเขาก็ดูมืดมนอย่างเห็นได้ชัด
ฉู่เชียนหลีนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ได้จ้องมองฉู่เยี่ยนชิงเลยแม้แต่น้อย แต่สายตาของนางกลับมองไปที่ฉู่เซวียนหลิงอยู่หลายครั้ง
ข่าวการตายของนางอู๋ได้กระจายไปทั่วเมืองหลวง และผู้คนจำนวนมากในเมืองหลวงต่างปรบมือให้ดังสนั่น เป็นไปไม่ได้ที่ ฉู่หลิงเซวียนจะไม่รู้ แต่นางยังคงสวมชุดกระโปรงปักลายสีชมพูอ่อนปักลวดลายสวนงาม บนศีรษะก็ยังประดับด้วยไข่มุก
นางอู๋ได้หย่าร้างแล้ว และตระกูลฉู่ก็ไม่ได้จัดงานศพให้นาง แต่ในฐานะลูกสาวที่นางอู่ให้กำเนิดอย่างฉู่เซวียนหลิง นางกับไม่ได้หลีกเลี่ยงต่อการแต่งตัวสีสันสดใสนี้เลย ดังนั้นนางจึงเป็นคนที่ไม่มีความละลายใจมากเกินไป
เมื่อเห็นฉากนี้ ฉู่เชียนหลีก็รู้สึกรังเกียจอย่างยิ่ง หลังจากนับเงินเสร็จแล้ว ก็ไล่พวกเขาสองพ่อลูกออกไปทันที
“ท่านลุง สิ่งของของแม่ข้ายังมาไม่ครบ ข้าจะให้คนจับตาดูต่อไป"
ซูหยินก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูเครื่องประดับและเสื้อผ้าในกล่อง ก่อนจะถอนหายใจลึกๆ แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ก็ดีมากแล้วล่ะ เชียนหลี ข้าขอบใจเจ้ามากนะ”
ถ้าไม่ใช่เชียนหลี่ เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการตายของนางสาวตัวเองมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนเอาไว้
“ท่านลุงท่านกล่าวอะไรเช่นนั้น ข้าเป็นลูกสาวก็ต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับแม่ตัวเอง มันคือเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ได้ ลุงไม่พูดแล้ว ลุงจะเก็บของเหล่านี้เอาไว้ให้เจ้า”
ฉู่เชียนหลีใจสั่นสะท้าน “ลุงเก็บไว้เถอะ ข้า...”
นางเป็นแค่คนนอก
“เชียนหลี” ซูหยินมองหน้าฉู่เชียนหลี สายตาของเขาดูอดทนและนิ่งสงบ ราวกับกำลังปิดบังความคิดนับพัน และพูดราวกับไม่มีอะไร “เจ้าคือหลานของลุง ดังนั้นของเหล่านี้ จึงควรเป็นของเจ้า”
ซูจื่นยีพยักหน้าอยู่ด้านข้าง “น้องหญิง ถ้าเจ้าไม่รับไป พ่อของข้าและท่านป้าจะต้องเสียใจแน่”
ฉู่เชียนหลีตะลึงงัน จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้ เช่นนั้นข้าก็ขอรับไว้แล้วกัน”
“อย่างนั้นแหละ”
บรรยากาศที่โถงด้านหน้าเริ่มผ่อนคลายลง ซูหยินเปลี่ยนเรื่องพูดถึงเรื่องของหุบเขาไร้เงาออกมา “เชียนหลี เจ้าเลือกคนแล้วหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
“โหลเชิ่งกับพวกอีกหกคนไปที่หุบเขาไร้เงา ครั้งนี้ข้าอยากพาพวกเขาไปด้วย ส่วนรองแม่ทัพโจวกับอีกสามคน...”
โจวเหลียวก้าวขึ้นมาแล้วกล่าว “ท่านแม่ทัพ คุณหนูใหญ่ พวกข้าน้อยจะอยู่คุ้มครองความปลอดภัยของท่านแม่ทัพเองขอรับ”
หลิวเฟยและหลี่เฉวียนก็ก้าวขึ้นมา เพื่อแสดงเจตนาของตนว่าจะอยู่ที่นี่
“ก็ดี”
ซูจิ่นจือล่าวว่า “น้องหญิงเชียนหลี ข้าอยากตามเจ้าไปด้วย ไม่อย่างนั้นท่านพ่อต้องไม่สบายใจแน่”
“ก็ได้” ฉู่เชียนหลีไม่ปฏิเสธ
ผู้ที่ถูกคัดเลือกให้ไปที่หุบเขาไร้เงาก็ถูกตัดสินอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อฉู่เชียนหลีและคนอื่นๆ ต้องการออกไป พวกเขาก็เจอกับอุปสรรคใหญ่
เจ้าชมพูยืดเถาวัลย์สีเขียวยาวออกมาและบิดตัว ทำให้บริเวณโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง
เจ้าชมพูอยากไปด้วย มีสิทธิ์อะไรห้ามไม่ให้เจ้าชมพูไปเล่นด้วย?
ฉู่เชียนหลีรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก “เจ้าชมพู ใช่ว่าข้าไม่อยากพาเจ้าไปด้วย แต่ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ จะเอาไปก็ยังยากเลย”
เจ้าชมพูบิดเถาวัลย์เส้นหนา ท่าทางเศร้าสร้อยเหมือนทารกยักษ์หลายตัน
ไม่สน ไม่สน ชมพูดจะไปด้วย
ในเวลานี้ เซียวจวินยี่ก็เดินเข้ามาพอดี
“ผู้น้องเชียนหลี จิ่นจือ ข้าได้ยินว่าเจ้าจะไปหุบเขาไร้เงาเพื่อตามหายาสมุนไพร ข้าก็เลยมาส่งเจ้าโดยเฉพาะ”
ดวงตาของฉู่เชียนหลีเป็นประกายขึ้นมาทันที มาได้ทันเวลาพอดี!
“พี่เซียว ข้าเห็นว่าเจ้าเอาของมาเยอะมาก เอามาให้เจ้าชมพูหรือ?”
แก้มของเซียวจวินยี่แดงระเรื่อ “นี่...ถึงอย่างไรข้ากับพี่ชมพูก็มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน ดังนั้นข้าจึงนำของขวัญมาเยี่ยมมัน”
ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อติดสินบนพี่ชายให้พาตนบินอีก
ฉู่เชียนหลีรีบพาเซินเป่าก้าวไปข้างหน้า นั่งยอง ๆ ที่มุมกำแพงเริ่มทำหน้าที่แก้ปัญหาทางจิตใจให้เจ้าชมพู
“เจ้าชมพู ดูน้องชายของเจ้าสิ เขาดีกับเจ้ามากแค่ไหน เจ้าจะวางใจทิ้งให้เขาอยู่ในเมืองหลวงโดยไม่มีใครดูแลได้ลงคอหรือ?”
เซินเป่าแปลให้ฟังอยู่ข้างๆ
เจ้าชมพูได้ยินเช่นนั้น เถาวัลย์ก็ไร้เรี่ยวแรงจะยกขึ้น ราวกับกำลังลังเล
ใบหน้าของฉู่เชียนหลีเริ่มจริงจัง “เจ้าชมพู ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป เจ้าเป็นเถาวัลย์ที่มีน้องชาย ในฐานะพี่ใหญ่ เจ้ามีหน้าที่ ต้องรับผิดชอบด้วยใจ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าดูสิ ท่านชายเซียวร่างกายก็อ่อนแอ ถ้าเจ้าตามเราไป ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา เจ้าก็จะกลายเป็นเถาวัลย์โดดเดี่ยว”
ใบไม้บนเถาวัลย์ของเจ้าชมพูขยับเล็กน้อย ราวกับสองมือเล็กๆ ที่กำลังจิ้มเข้าหากัน
ฉู่เชียนหลีเอื้อมมือออกไปและตบเถาวัลย์ของเจ้าชมพูเบาๆ “เจ้าชมพู เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ข้าให้เจ้าอยู่ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญ”
?
เจ้าชมพูค่อยๆ งอลำต้นเถาวัลย์ให้กลายเป็นเครื่องหมายคำถาม
“เพราะเจ้าแข็งแกร่งและไว้ใจได้ โม่เฟิงต้องการสอนบทเรียนให้ม้าป่าเหล่านั้น และตอนนี้ตาก็มองไม่เห็น ไม่ต้องพูดถึงการหยอกล้อหรือทำให้คนอื่นหัวเราะ เขาแทบพึ่งพาไม่ได้แล้ว เจ้าว่าหน้าที่ที่จะปกป้องท่านลุงของข้า ปกป้องเมืองหลวง ควรเป็นหน้าที่ใครหากไม่ใช่เจ้า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี