ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 150

เมื่อเจ้าชมพูได้ยินคำพูดจริงจังของฉู่เชียนหลี เถาวัลย์ทั้งหมดก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที และตั้งท่าเหมือนคนกำลังยืดอก

เจ้าชมพูพึ่งพาได้ เจ้าชมพูทำได้!

ฉู่เชียนหลียืนขึ้นและตบใบไม้ของเจ้าชมพูด้วยใบหน้าจริงจัง “ข้าเป็นกำลังใจให้เจ้านะ!”

เซินเป่าก็ยืนขึ้นตาม รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันคุ้นๆ

ฉู่เชียนหลีอุ้มเซินเป่าไปหาเซียวจวินยี่ ยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นก็ผลักเขาให้เจ้าชมพู

“เจ้าชมพู สู้ๆ นะ!”

เจ้าชมพูรัดเซียวจวินยี่ด้วยเถาวัลย์ จากนั้นก็หิ้วเขาขึ้นมาวางไว้บนหลังของตน

โอ้ๆ เจ้าชมพูเก่งที่สุดเลย!

ฉู่เชียนหลีเหยียดมือออกเพิ่มดึงเฟิ่งเสวียนตู้ และรีบเดินออกไปนอกจวนอย่างรวดเร็ว

เฟิ่งเสวียนตู้กลั้นหัวเราะเอาไว้ รับเซินเป่ามา และกลุ่มคนก็รีบขึ้นไปบนรถม้า

ฉู่เชียนหลีเปิดหน้าต่างรถและโบกมือให้ซูหยิน

ดวงตาของซูหยินเบิกกว้างและผ่อนคลาย เขาโบกมือให้ฉู่เชียนหลีด้วยรอยยิ้ม และมองส่งกลุ่มคนที่ออกเดินทางอย่างเร่งรีบ

ดวงตาของเซียวจวินยี่เบิกกว้าง

ข้าเป็นใคร? ข้าอยู่ที่ไหน? เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?

ขบวนเดินทางของฉู่เชียนหลีเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ จนออกจากเมืองหลวง

ฝ่าบาที่อยู่ในวังได้ยินข่าว ก็วางฎีกาในมือลงแล้วเงยหน้าขึ้น “เกาหลิน ส่งทหารไปคุ้มครองตระกูลซูให้มากขึ้น

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ส่งจดหมายให้ซีชวนแล้วหรือ?”

“ทูลฝ่าบาท ส่งออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฝ่าบาทมองดูฎีกาลับในมือ แววตาของเขาก็มืดมน “ซีชวนและเป่ยเหลียงมีความขัดแย้งกัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ ลูกหลานในราชวงศ์เป่ยเหลียงก็ตายลงอย่างกันทันหันไปทีละคน ภายในแคว้นตกอยู่ในความวุ่นวาย ซีชวนใช้โอกาสนี้บุกสิบเมืองชายแดนของเป่ยเหลียง เรื่องนี้เกินคาดไปมาก”

เกาหลินเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าบาท เมื่อสองสามปีก่อนเป่ยเหลียงและซีชวนมีความแข็งแกร่งที่เท่ากันไม่ใช่หรือ?”

“ใช่ และนี่ก็คือเรื่องที่ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจ ผู้คนต่างจับตาดูข่าวจากทางชายแดน หากมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ ม้าเร็วจะรีบนำข่าวมาส่งที่เมืองหลวงทันที"

“พ่ะย่ะค่ะ”

นอกเมือง ฉู่เชียนหลีกำลังนอนอยู่ในรถม้าเบาะนุ่มๆ มองดูการตกแต่งที่สะดวกสบายภายในรถม้าด้วยความพึงพอใจ

เซินเป่าเหมือนกำลังตามล่าหาขุมทรัพย์ เขาศึกษาเกี่ยวกับลิ้นชักเล็กๆ ทั้งสองด้านของภายในรถม้าอยู่ตลอดเวลา

“ท่านแม่ แมลงปอไม้ไผ่ของเซินเป่าก็อยู่ที่นี่ด้วย!”

เซินเป่ามีความสุขไม่น้อย เขาหยิบแมลงปอไม้ไผ่และโผเข้าไปกอดเฟิ่งเสวียนตู้ เอาใบหน้าถูกับหน้าอกของเขาด้วยความรัก

“ท่านลุงขี้เหร่ ขอบคุณนะ”

มุมปากเฟิ่งเสวียนตู้ยก”ด้วยความยินดี”

หลังจากเล่นกับเซินเป่าอยู่พักหนึ่ง เฟิ่งเสวียนตู้ก็เหลือบมองฉู่เชียนหลีที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ เขาจึงเทน้ำชายื่นถ้วยให้

“คิดถึงใต้เท้าซูอยู่หรือ?”

ฉู่เชียนหลีพยักหน้า “แม้ว่าข้าจะได้เตรียมการป้องกันไว้หลายอย่าง แต่ข้าก็ยังอดรู้สึกกังวลไม่ได้"

นางสลักค่ายทิพย์ปกป้องไว้ทั่วทั้งตระกูลซู และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ล่าช้าไปอีกสองสามวัน

“ข้าให้เทียนเสวียนอยู่ที่นั่น เมื่อมีเขาอยู่ด้วย การปกป้องใต้เท้าซุจะไม่มีปัญหาแน่นอน”

ฉู่เชียนหลีบิดเอวอย่างเกียจคร้าน รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเพียงไม่กี่วินาที จากนั้นสายตาก็หรี่ลง “ตกลง ข้าจะนอนพักอย่างสบายใจแล้ว”

เซินเป่าปิดปากหัวเราะ คลานไปด้านข้างฉู่เชียนหลี โน้มตัวเข้าไปใกล้นางอย่างตั้ใจ และหอมแก้มของนาง

“จุ๊บ”

จากนั้นก่อนที่ฉู่เชียนหลีจะลืมตาขึ้น เขาก็พุ่งเข้าไปซุกหน้าในอ้อมกอดของเฟิ่งเสวียนตู้แล้ว เผยให้เห็นก้นเล็กๆ ที่อวบอ้วนของเด็กน้อย

รอยยิ้มในแววตาของฉู่เชียนหลี กะพริบตาปริบๆ ไปที่เฟิ่งเสวียนตู้ จากนั้นก็หลับตาและแสร้งทำเป็นหลับต่อไป

เมื่อเห็นว่าแม่ไม่พบตน ก็หัวเราะและคลานไปอีกครั้ง ขณะที่เขากำลังจะจูบฉู่เชียนหลี่นั้นก็ถูกนางคว้าเข้าไปในอ้อมกอดแล้ว

“จับเจ้าแสนซนได้แล้ว”

“ฮ่าๆ ท่านแม่ ไม่ใช่เจ้าแสนซน แต่เป็นเจ้าเด็กดีต่างหาก”

“โอ้ แล้วใครพยายามจะหอมแม่เมื่อกี้กันนะ?”

"ไม่ใช่เซินเป่า แต่เป็น... ท่านลุงขี้เหร่กระมัง?”

เฟิ่งเสวียนตู้ไม่มีความผิดแต่ก็ต้องยอมรับการใส่ร้ายนี้ แต่มุมปากของเขากับยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาจ้องมองไปที่ที่แก้มของฉู่เชียนหลีที่ถูกจูบเมื่อครู่ ดวงตาของเขาก็ดูลึกล้ำ “ไม่เกี่ยวกับข้า”

แต่เขาก็คิดอยู่เหมือนกัน

ชูเชียนหลีหรี่ตา เหยียดนิ้วออกจิ้มพุงอ้วนๆ ของเซินเป่า “ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เจ้าแสนซนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเจ้าคนโกหกด้วย”

“ไม่ใช่ คือเจ้าเด็กดี ปีศาจโสมคน!” เซินเป่าหัวเราะคิกคัก ก่อนจะคลานเข้าไปในอ้อมกอดของเฟิ่งเสวียนตู้อีกครั้ง “ท่านลุงขี้เหร่ช่วยข้าด้วย!”

เฟิ่งเสวียนตู้ยื่นมือออกไปและกอดตัวเซินเป่าในอ้อมกอด

“แหะๆ ขอบคุณท่านลุงขี้เหร่ ท่านลุงขี้เหร่เก่งที่สุด” เซินเป่าดูภูมิใจมาก เขาหันศีรษะไปทำหน้าบึ้งใส่ฉู่เชียนหลี

ในเวลาต่อมา เฟิ่งเสวียนตู้บีบรักแร้ของเซินเป่าด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะส่งให้ฉู่เชียนหลี

“อ๊ะ ท่านลุงขี้เหร่ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร!”

“ฮ่าๆ...”

เสียงหัวเราะร่าเริงดังก้องอยู่ในรถม้า

ผู้อาวุโสใหญ่บนหลังม้าที่อยู่ข้างๆ ในใจกำลังเจ็บปวดเพราะแม่แต่ผมปลอมที่ดูเงางามก็ยังลืมหวี

ไม่มีหงส์เจ้าจ้อยมาเป็นเพื่อนเขา ช่างน่าเสียดายจริงๆ

เทียนซูโน้มตัวเข้าไปใกล้ “ผู้อาวุโสใหญ่ นี่ท่านกำลังเศร้าอยู่หรือ?”

“เจ้าเด็กตัวเหม็น ไปให้พ้นเลยนะ!” ผู้อาวุโสขับไล่เทียนซูออกไปด้วยความโกรธ เจ้าหงส์เด็กที่โตขึ้นมานั้นไม่น่ารักเลยสักนิด

“ท่านจะทิ้งข้าอีกแล้ว! จริงอยู่ที่ว่าเมื่อหงส์โตแล้วก็ไม่เหมือนไก่”

“ถ้าเจ้าไม่มีอะไรทำ ก็ไปตรวจสอบข่าวของสำนักเทียนจีอย่ามารบกวนข้าที่นี่”

“สำนักเทียนจีอยู่ในจงอวี้ นายท่านแจ้งหอเหยากวงก็พอแล้ว ไหนเลยจะต้องถึงมือข้า” เทียนซูบ่นพึมพำสองสามคำ ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ ถึงได้หยุดพูด

“ต่อไปก็อยู่กับเจ้าเทียนเสวียนให้น้อยลงหน่อย เรียนรู้แต่อะไรแย่ๆ มา”

ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจพลางส่ายหัว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาดูแลลูกๆ ในตระกูลให้โตมาด้วยมือของเขาเองละก็ เขาคงสงสัยว่าเจ้าเด็กตัวเหม็นเทียนเสวียนมีสายเลือดของวิหงค์ หรือไม่ เพราะคำพูดของ วิหงค์ ทุกตัวชอบไม่สอดคล้องกัน

จนกระทั่งถึงตีนหุบเขาไร้เงา ฉู่เชียนหลีสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากลงจากรถม้า นางก็รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ

เซินเป่ากระโดดไปมาอย่างมีความสุข

“เจ้าขาว! เจ้าขาว!”

“ควิ๊ด!”

วิหคหิมะบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขากลับมายังที่คุ้นเคย เสียงร้องดังสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก

ในที่สุดผู้อาวุโสใหญ่ก็เห็นเซินเป่าลงมาจากรถม้า จึงรีบก้าวไปข้างหน้าและอุ้มเขาขึ้น

“เซินเป่า เจ้าปู่เฟิ่งจะพาเจ้าขึ้นไปบนหุบเขาดีหรือไม่?”

“เจ้าปู่เฟิ่ง ทางเดินขึ้นภูเขามันลำบากมาก เซินเป่าขี่เจ้าขาวไปก็ได้”

“ขี่เจ้าขาวไปมันอันตราย”

“ไม่เป็นไรเซินเป่าขี่มาหลายปีแล้ว”

เจ้าขาวบินลงมา และถูไถเซินเป่าอย่างรักใคร่ นายบ่าวบินขึ้นไปบนท้องฟ้าท่ามกลางสายตาเศร้าสร้อยของผู้อาวุโสใหญ่

เทียนซูก้าวไปข้างหน้าเพื่อห้ามปรามผู้อาวุโสใหญ่ที่กำลังจะถกแขนเสื้อ พลางเอ่ยด้วยเหงื่อที่ผุดซึมเต็มศีรษะ

“ผู้อาวุโสใหญ่ นี่คือโลกมนุษย์ และหงส์ก็ไม่ห้ามปรากฏขึ้นในโลกมนุษย์!”

แม้ว่าคนในโลกมนุษย์อาจจะจำหงส์ชราหัวล้านไม่ได้ แต่ที่นี่ก็มีผู้ฝึกตนอยู่ด้วย ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรหรือไม่

"ฮึ!"

การกระทำของผู้อาวุโสใหญ่แข็งค้าง ถอนหายใจออกมาอย่างแรง และเดินเข้าไปในป่าข้างทาง จากนั้นก็แปลงร่างทันที ก่อนจะไล่ตามเซินเป่าไปอย่างรวดเร็ว

เขาอยากปกป้องเซินเป่า!

ท่ามกลางอากาศ เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเซินเป่าลดลง “ผองเพื่อนในหุบเขา สบายดีหรือ!”

“ควิ๊ด!”

ในเวลาเดียวกัน ก็มีเสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่วหุบเขา

ท่ามกลางหุบเขาไร้เงา หมอป่าที่กำลังล่าเหยื่อก็ลื่นไถลใต้ฝ่าเท้าทันที ก่อนจะกลิ้งตลบจนกลายเป็นก้อนขน

“โฮก!”

พี่ใหญ่ พวกเราเหมือนได้ยินเสียงของคู่หูทรราชชั่วร้าย

“บรู้ว!”

ตัดคำว่าเหมือนทิ้งไป!

หนีไป พี่น้องทั้งหลาย แยกย้าย!

ฉู่เชียนหลีบิดขี้เกียจ โหลเชิ่งและคนอื่นๆ ก็รีบย้ายเก้าอี้เบาะนุ่มลงมาทันที แล้ววางลงบนพื้นดินที่เรียบๆ

“คุณหนูใหญ่ ท่านนั่งพักผ่อนก่อน เดี๋ยวพวกข้าน้อยจะออกไปล่าสัตว์ก่อน”

ติงห่ายกางร่มขนาดใหญ่ออกมาและวางไว้ข้างเก้าอี้เบาะนุ่มเพื่อบังแดด

“คุณหนูใหญ่ วันนี้ท่านอยากกินไก่ป่าย่างหรือกระต่ายย่างดี คนใช้ได้ยินเสียงหมาป่าหอนเมื่อครู่นี้ คงจะดีถ้าได้กินขาหมาป่าย่าง”

มือของเฟิ่งเสวียนตู้ที่ถือชาผลไม้หอมก็แข็งค้างอยู่กับที่ทันที สายตาก็กวาดมองอย่างนิ่งๆ สายตานั้นเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกพลางคิดในใจ พวกโหลเชิ่งนับวันยิ่งทำให้เขาเสียอารมณ์

ฉู่เชียนหลีกะพริบตามองไปที่เจ้าขี้เหร่ “เจ้าขี้เหร่ พวกเรากินปลาเงินย่างในธารน้ำเยือกกันดีกว่า”

“ได้ แต่ทางขึ้นเขาขรุขระและเดินยากมาก ข้าเกรงว่าหลายคนเกินไปอาจไม่สะดวก พวกเราเดินไปก่อนดีหว่าหรือไม่?”

ฉู่เชียนหลีมองไปที่เก้าอี้นุ่มๆ แล้วคิดถึงปลาเงินในธารน้ำเยือก สุดท้ายจิตวิญญาณนักกินก็ชนะ

“โหลเชิ่ง พวกเจ้าขนของค่อยๆ เดินทางขึ้นไป ส่วนข้ากับเจ้าขี้เหร่จะไปก่อน”

โหลเชิ่งและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเศร้าใจ พวกเขาทำอะไรไม่ได้ รู้แค่วิธีจับไก่และกระต่ายในป่าเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าคุณหนูใหญ่จะสนใจปลาเงินในธารน้ำเยือก ในฐานะสุนัขรับใช้ นี่คือความล้มเหลว

พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อได้กลายเป็นสุนัขรับใช้ที่ห่วงใยคุณหนูใหญ่มากที่สุด

“ใช่ คุณหนูใหญ่ พวกข้าน้อยจะพยายามทำให้ดีที่สุดขอรับ”

ฉู่เชียนหลีมองดูคนทั้งหกที่จู่ๆ ก็เต็มไปด้วยความฮึกเหิม ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก “... ดี สู้หรือไม่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี