มู่ซิวหานอยากจะเปิดปากพูดหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่อ้าปาก ก็มีกลุ่มควันหนา ๆ ลอยเข้ามา สำลักจนน้ำตาไหล ที่สำคัญคือตอนที่กำลังไอนั้น ไม่รู้ว่ามันสัมพันธ์กับบาดแผลบนตัวเขาอย่างไร เวลาที่ไอครั้งหนึ่ง แผลบนตัวเขาก็มีเลือดสด ๆ ไหลออกมาจากปากแผล...
นัยน์ตาของเฟิ่งเสวียนตู้หม่นลงเล็กน้อย แต่ท่าทางในการย่างปลานั้นกลับเป็นไปตามระเบียบแบบแผน
ไม่นานนัก กลิ่นหอมของปลาย่างสด ๆ ก็ลอยออกมา
ฉู่เชียนหลีมองไปที่กองไฟที่บางครั้งก็เกิดเป็นควันหนา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกใหม่
เจ้าขี้เหร่ วันนี้ใช้วัสดุอะไรมาย่างปลา เปลวไฟกลุ่มเล็กกำลังลุกโชน กลับยังมีควันหนาลอยออกมา น่าทึ่งมาก
“เอาล่ะ เชียนหลี มากินได้”
“มาแล้ว”
ได้กลิ่นหอมของปลาย่าง ฉู่เชียนหลีก็ล้มเลิกความคิดจะสำรวจปัญหาควันหนาในทันที ลุกขึ้นเดินมานั่งข้าง ๆ กองไฟ ถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ
“หอมจริง”
มีฉู่เชียนหลีอยู่ใกล้ ๆ กองฟืนไม่ปล่อยควันหนาทึบอีกต่อไป
มู่ซิวหานในที่สุดก็ได้มีโอกาสสูดอากาศบริสุทธิ์ พยายามอลุกขึ้นยืน เดินมาตรงหน้าฉู่เชียนหลี
“ข้าน้อยตวนเหยา คารวะพี่เทพธิดา”
มู่ซิวหานกำมือขึ้นทำความเคารพ ใบหน้าซีดเผือดนั้นมีร่องรอยเลือดฝาดจากความเขินอาย เมื่อมองฉู่เชียนหลี อดไม่ได้ที่จะเม้มปากแน่น ดูเหมือนทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
ฉู่เชียนหลีกัดปลาย่างหอมกรุ่นหนึ่งคำ ตาก็มองไปทางมู่ซิวหาน แววตาสั่นไหวเล็กน้อย
เมื่อครู่คนผู้นี้นอนอยู่ ก็นับว่าดูดีอย่างมากแล้ว คาดไม่ถึงว่าเมื่อลืมตาขยับตัวขึ้นมา กลับดึงดูดสายตาคนได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะตอนนี้ที่หน้าขาวเนียนและขอบตาแดงก่ำ ประกอบกับใบหน้าที่อ่อนเยาว์ราวกับเด็กน้อย แค่มองก็เรียกคะแนนสงสารจากคนอื่นได้มากมาย
เพียงแต่ การแสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ของคนผู้นี้ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย อย่างน้อยก็ต้องเก็บรังสีการป้องกันตัวในสายตาของตนเสียหน่อยไม่ใช่หรือ?
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นหมาป่าพันธุ์แท้ เก็บเขี้ยวเล็บปลอมตัวเป็นลูกหมา มันเป็นการดูถูกดวงตาที่แหลมคมของนางเกินไป
“เจ้านามตวนเหยา?”
“ขอรับ ข้าน้อยสกุลมู่ นามตวนเหยา” มู่ซิวหานพูดชื่อของตนออกมา สายตาจ้องไปที่สีหน้าของฉู่เชียนหลี หวังว่าจะมองเห็นข้อผิดสังเกตุจากสีหน้าของนาง
“มู่ตวนเหยา?” ใบหน้าของฉู่เชียนหลีเผยรอยยิ้มเบิกบาน “อืม เจ้าฟื้นก็ดีแล้ว สถานการณ์เมื่อครู่มันอันตรายเกินไป”
เมื่อมองเห็นรอยยิ้มของฉู่เชียนหลี มู่ตวนเหยาก็ใจสั่นอย่างรุนแรง ใบหน้าพลันแดงเรื่อขึ้นมาในทันที เขารีบร้อนหลุบตาลง ราวกับว่าไม่กล้ามองไปยังใบหน้าที่งดงามเจิดจ้าของฉู่เชียนหลี
“ขอบใจท่านพี่หญิงที่ช่วยชีวิต บุญคุณเหลือล้นไม่อาจตอบแทน ต่อไปหากมีโอกาสจะต้อง...”
เฟิ่งเสวียนตู้ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก ‘ต่อไปเขาจะทำอะไร? อุทิศชีวิตให้?’
ฉู่เชียนหลีแววตาสั่นไหวเล็กน้อย อย่างไรกัน หากต่อไปมีโอกาสค่อยว่ากันหรือ? หมายความว่าจะไม่จ่ายค่ารักษาหรือ? ฝันกลางวัน!
“ไม่เป็นไร จ่ายเงินก็พอ”
มู่ซิวหานชะงักไป “พี่เทพธิดา...”
จะเอาเงิน?
“อืม เจ้าไม่ได้ฟังผิด แค่จ่ายเงินก็พอ ถึงข้ารักษาของข้าจะไม่ได้ถือว่าถูกนัก แต่ข้าเห็นแก่น้องชายที่หน้าตาหล่... แค่กแค่ก เป็นคนอบอุ่น ต้องเป็นคนที่สามารถเชื่อถือได้แน่นอน”
“ใช่แล้ว ท่านพี่หญิงช่วยชีวิตข้า สมควรที่จะจ่ายเงินตอบแทน เพียงแต่ ในตอนนี้ข้าไม่มีปัจจัยเลยแม้แต่น้อย...” มู่ซิวหานเผยสีหน้าเขินอาย
ฉู่เชียนหลีด้านหนึ่งกินปลาเผา ด้านหนึ่งก็ชื่นชมภาพที่มู่ซิวหานหน้าแดงหูแดงอยู่ตรงหน้า อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้ หากตัดเรื่องความดุร้ายที่เขาแผ่รังสีออกมา ใบหน้านั้นก็งดงามมากจริง ๆ
ถึงว่านางชาเขียวแห่งองค์กรกาลเวลามักจะพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าเหล่าลูกปลาน้อย ๆ ของนางหน้าตาดีเสียจนไม่ต้องกินข้าว แต่ว่า เงินค่ารักษาที่ควรจะได้รับก็ต้องได้ ฉู่เชียนหลีไม่ใช่คนที่จะยอมไม่เก็บเงินเพราะใบหน้าที่งดงามเช่นนั้น
เฟิ่งเสวียนตู้หยิบปากกาและกระดาษออกมาจากแขนเสื้อ วางไว้บนก้อนหินอีกด้านหนึ่ง และพูดออกมาแค่สามคำ “เขียนสัญญา!”
ฉู่เชียนหลีแอบงับปลาย่างในมือคำหนึ่ง ‘ในแขนเสื้อเจ้าขี้เหร่พกกระดาษดินสอติดตัวไว้ตลอด?’
มู่ซิวหานก็ชะงักไปในทันที ไม่ทันได้มีสติตอบอะไร
เฟิ่งเสวียนตู้ขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววอันตรายขึ้นมาทันที “คิดจะชักดาบ?”
“ไม่ไม่ ข้าเขียน” มู่ซิวหานแสดงท่าทีเร่งรีบ สีหน้าก็ดูว่างเปล่าขึ้นมามากทีเดียว เหตุใดจึงไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้ “พี่เทพธิดา ไม่รู้ว่าค่ารักษาของท่านคือ...”
“หนึ่งหมื่นเหลี่ยง” เฟิ่งเสวียนตู้ส่งปลาเงินย่างอีกตัวหนึ่งป้อนให้ฉู่เชียนหลี ถือโอกาสในขณะที่นางกำลังกินอยู่พูดต่อขึ้นมา “ทองคำ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
ไม่อัฟแล้วหรือคะ...
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...