ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 157

ภายในถ้ำผา ค่ายกลไร้ขอบเขตค่อย ๆ หมุนเวียน แสงสีแดงบนกำไลหยกเลือดหงส์ก็ยิ่งแพรวพราวขึ้นเรื่อย ๆ

ในค่ายกล ฉู่เชียนหลีอดทนกับไฟที่แผดเผา เดินไปวิจัยค่ายกลไป ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ

ดูแล้ว ค่ายกลนี้น่าจะมีไว้สำหรับจิตวิญญาณ เมื่อเปิดใช้ สามารถปลุกเร้าอสูรภายใน ทำลายเจตจำนงของผู้คน แต่ทะเลเพลิงที่นางเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน นอกจากจะรู้สึกร้อนเกินไปจนอยากกินน้ำแข็งแล้ว จิตใจสงบไม่ผันผวนแม้แต่น้อย

ค่ายกลบ้านี่ไม่ได้เรื่องเลย!

เทียบไม่ได้กับค่ายใจมหิตที่นางพบในโลกอมตะด้วย อย่างน้อยในค่ายกลนั้น ทำให้นางเห็นว่านางทำงานเพื่อองค์กรกาลเวลามาทั้งชีวิต ฉากที่คนพวกนั้นไม่ยอมให้นางเกษียณอายุเสียที

คิดแล้วสยองมาก ตกใจจนนางถึงกับวางระเบิดองค์กรกาลเวลาทิ้งเลย

ฉู่เชียนหลีพยายามที่จะทำลายค่ายกล แต่นางไม่สามารถค้นหาได้ว่าตาค่ายอยู่ที่ใด

มันไม่ปกติ!

แต่ว่า ทางนี้นางไม่สามารถทำลายค่ายกลได้ ทำได้แค่เพียงรอให้เจ้าลุงเฟิ่งที่อยู่ด้านนอกช่วยหาวิธี ค่ายกลนี้ไม่ได้เป็นอันตรายสำหรับนาง เช่นนั้นก็ถือโอกาสพักผ่อน พักผ่อน

ฉู่เชียนหลีนอนราบลงบนหินแบนขนาดใหญ่ ท้องฟ้าสีแดงเข้ม สายฟ้าฟาดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่สามารถแตะต้องตัวนางได้เลย

มารในใจเล่นงานกับความกลัวของผู้คน มีความกลัวอยู่ในหัวใจจึงได้ถูกทำร้าย แต่นางไม่ได้มีความกลัวอยู่เลย ดังนั้นต่อให้สายฟ้าฟาดลงมาก็ไร้ประโยชน์

ฉู่เชียนหลีนอนลงสักพัก รู้สึกถึงความร้อนของหินที่บริเวณหลังมันค่อนข้างสบาย จึงค่อย ๆ หลับไป

ด้านนอกค่ายกล ผู้อาวุโสใหญ่มองฉู่เชียนหลีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วมองสีหน้าซีดเผือดของนายท่านของตน รีบร้อยเสียจนน้ำลายแทบฟูมปาก

“เช่นนี้จะทำอย่างไรดี!”

เขาพยายามหยุดค่ายกล จึงได้พบว่า พลังเสวียนถูกแสงสีแดงจากกำไลหยกเลือดหงส์ต้านไว้ หยุดค่ายกลไม่ให้ทำงานไม่ได้เลย

ผู้อาวุโสใหญ่เผยใบหน้าที่จริงจัง แววตาเฉียบคมแวบเข้ามาในดวงตาคู่นั้น ’เป็นไปได้หรือไม่ว่าตระกูลใหญ่ในอาณาเขตด้านบนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง? เพียงเพราะต้องการครอบครองโลกธุลี พวกเขาจึงได้จงใจวางกับดักนายท่าน? ’

ถ้าหากนายท่านเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา แม้ว่าปลาจะตายและอวนจะขาด เผ่าหงส์ก็ต้องจะฆ่าล้างแปดตระกูลใหญ่ที่อาณาเขตด้านบน!

ในค่ายกล ฉู่เชียนหลีหลับสบาย

ระหว่างที่หลับ รู้สึกเหมือนตนกำลังลอยอยู่ ฉากตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

ธารทรายดูดยาวไหลผ่านไปอย่างช้า ๆ ทรายใสดุจคริสตัลระยิบระยับด้วยแสงอันละเอียดอ่อน แต่นางรู้ดี มันไม่ใช่ทราย แต่เป็นเศษเสี้ยวของความทรงจำ

ธารเวลา!

หลังจากนางพยายามเปลี่ยนเส้นทางธารเวลา บรรดาผู้นำองค์กรกาลเวลาเหล่านั้นได้ตั้งสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้าม และห้ามมิให้ฉู่เชียนหลีเข้ามาหรอกหรือ?

เหตุใดวันนี้จึงได้มาที่นี่อีก?

ฉู่เชียนหลีกำลังคิด ตรงเข้าไปเหนือธารสายยาว และกำลังคิดจะสร้างปัญหาอีกสักครั้ง แต่ตาของนางก็หรี่ลงทันใด

กลางธารเวลา ร่างหนึ่งที่สวมชุดเสวียนกำลังลอยอยู่ หน้ากากสีเงินที่งดงามสลายไป ใบหน้าที่น่าเกลียดจนชวนให้ตกใจถูกเปิดเผย

“เจ้าขี้เหร่?”

ฉู่เชียนหลีเมื่อมองไปรอบ ๆ ที่เกิดเหตุ อยู่ดี ๆ ก็เข้าใจขึ้นมา

ไม่ใช่ความผิดปกติของค่ายกล แต่เป็นมารในใจของนางและเฟิ่งเสวียนตู้สลับกันแล้ว

ทะเลไฟตอนนี้น่าจะเป็นประสบการณ์ของเฟิ่งเสวียนตู้ ธารเวลาที่อยู่ข้างหน้าถึงจะเป็นของนาง

แต่ว่า เจ้าขี้เหร่เหตุใดจึงแช่อยู่กลางมารในใจของนาง?

ฉู่เชียนหลีไม่แม้แต่จะคิด รีบก้าวเข้าไปในธารเวลา ยกมือขึ้นคว้าเฟิ่งเสวียนตู้เข้ามา

“เจ้าขี้เหร่ เจ้าขี้เหร่? ตื่นสิ!”

เฟิ่งเสวียนตู้ตาปิดสนิท ภายในสมอง สิ่งที่ปรากฏคือฉากที่เขาอยากรู้อยู่ทุกวันทุกคืน

กลางหุบเขาแห่งเขาไร้เงา ฉู่เชียนหลีเมื่อห้าปีก่อนได้คัดเลือกต้นท้อที่อุดมสมบูรณ์ แล้วนำชิงช้าวางไว้ใต้ต้นไม้

“เชียนหลี...”

ฉู่เชียนหลียังคงมีรอยแผลเป็นบนใบหน้า มันเหมือนกับตอนที่ทั้งสองพบกันครั้งแรก

ตอนแรกเขาแค่รู้สึกบาดตา แต่ตอนนี้เขากลับเต็มไปด้วยความปวดใจ

กาลเวลาผ่านไป ความทรงจำก็ไม่ติดต่อกัน ในไม่ช้าก็มาถึงฉากเมื่อฉู่เชียนหลีรู้ว่าตนตั้งครรภ์

นางลังเล สับสน หัวใจของเขามันก็พลันบีบเป็นลูกกลม ๆ

ในที่สุด เธอยินดีที่จะตัดสินใจเก็บเด็กไว้ ตอนนั้นเองที่เขารู้ตัวว่าประหม่ามากจนทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นยะเยือก ในขณะเดียวกัน เขาก็อดกลั้นความสุขไว้ไม่ได้

เชียนหลีเก็บลูกของพวกเขาไว้ ดีจริง ๆ

เขามาอยู่ต่อหน้าฉู่เชียนหลี อยากจะสัมผัสปลายนิ้วของนาง แต่กลับพบว่าตนเป็นเพียงภาพราง ๆ ไม่ใช่ร่างกายจริง ๆ แต่เขาก็ยังพูดอย่างมีความสุข “เชียนหลี ขอบคุณ”

ฉู่เชียนหลีหลังจากตัดสินใจเก็บลูกไว้แล้ว เริ่มทำความสะอาดหุบเขา นางสร้างบ้านหลังน้อย จากนั้นจึงสร้างรั้วล้อมรอบไว้

ดูเหมือนนางจะไม่รีบร้อน เวลาเหนื่อยก็เซนอนบนชิงช้าสักชั่วยาม นอนหลับอย่างสงบและมีความสุข

ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกท้อบานสะพรั่งมีลมพัดมา และกลีบดอกไม้ที่ปลิวไสวก็ร่วงหล่น

เฟิ่งเสวียนตู้เดินไปข้างหน้า ยกแขนเสื้อขึ้นอยากช่วยฉู่เชียนหลีบังกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่น เพื่อไม่ให้รบกวนความฝันของนาง

แต่กลีบดอกไม้ก็ทะลุแขนเสื้อของเขา หล่นลงบนจมูกของฉู่เชียนหลี มันทำให้นางจามเบา ๆ ขยี้ปลายจมูกแล้วลุกขึ้นด้วยความง่วงนอน ยกเท้าขึ้นและเตะต้นท้อเบา ๆ เพื่อแสดงความไม่พอใจ

เฟิ่งเสวียนตู้เมื่อเห็นพฤติกรรมเด็ก ๆ ของนาง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา มีประกายของความรักในดวงตาของเขา

ภาพตรงหน้าเคลื่อนไหว กลางหุบเขาบ้านหลังเล็กถูกสร้างขึ้น ฉู่เชียนหลีกลับนอนอยู่บ้านทั้งวัน ไม่ได้ออกจากบ้านอีก ใช้ชีวิตจากสิ่งที่นางสะสมไว้ได้เมื่อหลายเดือนก่อนหน้า

เฟิ่งเสวียนตู้ร้อนใจ เขารีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

ข้างเตียง ฉู่เชียนหลีรอยแผลเป็นบนใบหน้าจางลงไปกว่าครึ่ง ท้องป่องเล็กน้อย แต่ตัวกลับผอมลงไปอย่างมาก

“ลูกรัก ท่านแม่จะต้องเป็นหนี้เจ้าเป็นแน่”

ฉู่เชียนหลีพึมพำออกมาเบา ๆ จากนั้นก็หยิบเข็มทองออกมา จิ้มเข้าไปที่จุดฝังเข็มของตน

เฟิ่งเสวียนตู้จ้องเขม็ง จุดฝังเข็มเหล่านั้นคือจุดตาย นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นความมีชีวิตชีวาของร่างกายมนุษย์ ใช้ได้เฉพาะช่วยชีวิต แต่ต้องไม่ใช้บ่อย ๆ

“เชียนหลี เจ้าอย่าทำเช่นนั้น!”

ฉู่เชียนหลีฝังเข็มให้ตนเองเสร็จ เหงื่อเย็น ๆ ออกมาที่หน้าผาก นางลูบท้องและยกมุมริมฝีปากขึ้นอย่างมีความสุข

“หึหึ ลูกรัก ท่านแม่เก่งใช่หรือไม่? ตอนนั้นข้าพึ่งมือนี้และเอาชีวิตรอดมาได้หลายครั้งเลย”

ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้ ฉู่เชียนหลีนอนอยู่บนเตียง สีหน้าขาวซีด ผอมแห้งลงไปอย่างมาก แต่ท้องส่วนล่างของเธอปูดสูงและดูผิดปกติและน่ากังวลอย่างยิ่ง

ฉู่เชียนหลีหายใจเข้าลึก ๆ ยกแขนเรียวขึ้น เผยให้เห็นกำไลหยกเลือดหงส์ที่แดงจนแสบตา

นางพูดช้า ๆ เสียงของนางอ่อนแรงอย่างมาก

“ลูกรัก เจ้าต้องรีบออกมาได้แล้วหนา 15เดือนแล้ว ท่านแม่รู้สึกไม่ค่อยสบาย แต่ว่า ก็ยังดีอยู่ ยังสามารถให้เจ้าเกียจคร้านได้อีกสามวัน หลังจากสามวัน ท่านแม่อาจจะอดทนไม่ไหวแล้ว ...ฮู่ ยังไม่ผ่านการเห็นด้วยของเจ้า ก็พาเจ้ามาที่โลกใบนี้ ท่านแม่ก็ไม่รู้ว่ามันถูกหรือไม่ แต่ในเมื่อเจ้ามาแล้ว นั่นก็ถือเป็นพรหมลิขิตของเราแม่ลูก... ต่อให้ท่านแม่ต้องใช้ทั้งชีวิตนี้ ก็จะปกป้องเจ้าไว้ให้ได้...”

เฟิ่งเสวียนตู้ตาแดงกร่ำขึ้นมาทันที “เชียนหลี! เชียนหลีเจ้าอดทนไว้ ข้าช่วยเจ้า ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว...”

เฟิ่งเสวียนตู้คิดอยากจะอุ้มฉู่เชียนหลีขึ้นมาด้วยความกระวนกระวาย แต่ไม่ว่าจะพยายามสักกี่ครั้ง แต่เขาที่เป็นเพียงภาพเงานั้นไม่สามารถแตะตัวฉู่เชียนหลีได้เลย

“เชียนหลี เชียนหลี!”

ฉู่เชียนหลีสติพร่ามัวและสลบไป จนกระทั่งเริ่มปวดท้อง จึงได้ดิ้นรนพยายามลืมตา ไม่นาน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้น

“ลูกรัก ในที่สุดเจ้าก็ไม่แอบขี้เกียจแล้ว...”

ภายในค่ายกล ฉู่เชียนหลีเห็นเฟิ่งเสวียนตู้ที่หลับตาแน่นอยู่นั้นเริ่มมีน้ำตาไหลออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจ

“เจ้าขี้เหร่ เจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าขี้เหร่ ตื่นสิ!”

วินาทีถัดมา เฟิ่งเสวียนตู้ก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงสีแดงเล็ก ๆ ส่องประกายในดวงตาของหงส์

เขาลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหัน และกอดฉู่เชียนหลีเอาไว้แน่น

“เชียนหลี! ขอโทษ ข้าขอโทษ...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี