ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 41

กระโปรงของฉู่เชียนหลีพลิ้วไหว เธอก้าวขึ้นบันไดอย่างช้าๆ แล้วก้าวเข้าไปยังพระตำหนักไท่เหออย่างมั่นใจ

ภายในพระตำหนักอันกว้างขวางใหญ่โต รูปมังกรเลื้อยวนคดเคี้ยว ทองคำเปล่งประกายสุกสว่างใสเป็นมันวาวจนสะท้อนให้เห็นเงาคน ประกายระยับทิ่มแทงลูกตา

ฉู่เยี่ยนชิงกำลังก้มหน้ายืนอยู่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาที่กำลังคุกเข่าอยู่คือพ่อของนางอู๋หรือฮูหยินเฉิงเสี้ยง เจ้าตระกูลหวูที่มีนามว่าหวูฉง นอกจากนั้นแล้วยังมีหมอหลวง องครักษ์และคนอื่นๆ ทั้งหมดต่างพากันก้มหน้าหมอบอยู่โดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา

ภายในพระตำหนักอันใหญ่โตโอ่อ่านี้ เงียบเสียจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นได้ ดังนั้นจึงได้ยินเสียงฝีเท้าของฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาอย่างชัดเจน

ฉู่เชียนหลียืนนิ่ง เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เธอกวาดตามองเพียงครู่เดียวก็จดจำภาพเหตุการณ์ที่เหลือบมองเห็นได้ทั้งหมด

บัลลังก์อันน่าเกรงขาม ฮ่องเต้สวมใส่อาภรณ์รูปมังกร ศีรษะสวมมงกุฎประดับไว้

เขามีรูปร่างท้วม มองด้วยสายตาอายุน่าจะราวๆ ห้าถึงหกสิบปี ใบหน้าแก่ชรา โดยเฉพาะดวงตาของที่หย่อนคล้อยตกลง สายตามองเหม่อไร้จุดหมาย นอกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วก็ไม่มีตรงไหนที่แสดงให้เห็นถึงบารมีของความเป็นองค์จักรพรรดิ

ทว่าฉีเฟยที่นั่งอยู่ด้านข้างเขากำลังเช็ดน้ำตาอยู่ นางสวมใส่ชุดกระโปรงทอฝังลายดอกไม้ฉลุทองสดใส บนศีรษะของเธอประดับปิ่นหยกเคลือบทอง ดวงหน้าของนางสวยหมดจด ใบหน้าที่งามวิจิตรของเธอแทบจะไม่ปรากฏร่องรอยแห่งอายุทิ้งเอาไว้

“หม่อมฉันฉู่เชียนหลี คารวะฝ่าบาท”

ฉู่เชียนหลีคุกเข่าลงคารวะ

เธอเคลื่อนไหวร่างกายอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งก้มศีรษะลงคารวะอย่างรู้ธรรมเนียมประเพณี เธอยังคงอมยิ้มเล็กน้อย สีหน้าสงบนิ่ง หลังเหยียดตรงระหว่างที่ทำความเคารพ จากนั้นจึงลุกขึ้นมาด้วยท่วงท่าที่งามสง่าไม่ปรากฏอาการประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ในทางตรงข้ามการเปลี่ยนท่าทางของเธอยิ่งขับเน้นความงามของเธอให้เด่นชัดขึ้น

เมื่อเห็นฉู่เชียนหลี สีหน้าของฮ่องเต้ตงเสวียน หยุนฉิงก็แปรเปลี่ยน แววตาปรากฏความสดใสขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมตน

“เจ้าคือฉู่เชียนหลีรึ”

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันเองเพคะ”

ตอนนั้นฉีเฟยจึงกล่าวออกมาอย่างเศร้าโศก “ฝ่าบาท ฉู่เชียนหลีส่งคนมาสังหารชิงกุยแถมยังใช้ให้คนมาลอบวางเพลิงศาลบรรพชนตระกูลอู๋อีก นางไม่เห็นราชสำนักอยู่ในสายตา จองหองร้ายกาจ ฝ่าบาทจะต้องลงโทษนางอย่างหนักนะเพคะ!”

ฮ่องเต้ตบเบาๆ ที่มือของฉีเฟยเพื่อปลอบโยน แล้วมองไปที่ฉู่เชียนหลีอย่างแคลงใจ

“ฉู่เชียนหลี เมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าจะยอมรับผิดหรือไม่”

“ฝ่าบาท เมื่อวานหม่อมฉันไปที่จวนขององค์ชายสามมาจริงเพคะ และได้มีเรื่องกับอู๋ฉีแห่งตระกูลอู๋ แต่หลังจากนั้นหม่อมฉันได้กลับมาจากหอเทียนเสวียนแล้วไปที่สวนฝูยู่ แล้วหลับที่นั่นถึงเช้า เรื่องราวนอกจากนี้ หม่อมฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่”

น้ำเสียงของฉู่เชียนหลีนิ่งสงบ

แต่ฉีเฟยกลับหันหน้ามา ดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาเต็มไปด้วยความแค้น

“เจ้ายังจะมาเจ้าเล่ห์อีกหรือ มือสังหารที่ได้รับคำสั่งมาจากเจ้าสารภาพหมดแล้ว ฝ่าบาทเดิมทีเรื่องนี้หม่อมฉันไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่การที่ชิงกุยถูกทำร้ายจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นแม่ หม่อมฉันยอมไม่ได้จริงๆ เพคะ”

ฉู่เชียนหลีได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย

“ฝ่าบาท องค์ชายสามถูกแทงเข้าที่หัวใจ หรือโดนฟันจนพระเศียรแหว่งไปครึ่งหนึ่งอย่างนั้นหรือเพคะ”

“บังอาจ!” ฉีเฟยตวาด “เจ้ากล้าแช่งองค์ชายงั้นรึ”

ฉู่เยี่ยนชิงยิ่งมีสีหน้าละอายมากขึ้นและเขยิบไปข้างหน้าอีก หากที่พื้นมีรอยแยกเขาคงมุดเข้าไปข้างในแล้ว

“ฝ่าบาท เป็นกระหม่อมเองที่อบรมนางไม่เข้มงวดพอ กระหม่อมคิดว่านางเป็นเลือดเนื้อของตระกูลซูที่ยังเหลืออยู่ ก็เลยให้อภัยนางเสมอ สุดท้ายนางเลยกลายเป็นคนนอกรีต พูดจาไร้กาลเทศะเช่นนี้ ฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วย!”

อู๋ฉง บิดาของอู๋ฉีรีบคลานเข่าเข้าไปข้างหน้า แล้วร้องไห้ต่อว่า

“ฝ่าบาท ฉู่เชียนหลีไม่เพียงสาปแช่งองค์ชาย แต่ยังไม่เคารพบิดาของตน จิตใจของนางคับแคบ ร้ายกาจ ลูกชายของกระหม่อมเพียงทักทายนางและพูดคุยย้อนความทรงจำในอดีตเท่านั้น แต่กลับโดนฉู่เชียนหลีทำร้ายอย่างกับหมูหมา แถมยังกระทืบนิ้วมือของเขาด้วย”

ฉีเฟยกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้ แล้วสูดหายใจเข้าอย่างแรงราวกับได้รับเรื่องกระทบกระเทือนใจมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี