ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 42

ฉู่เชียนหลียังคงนิ่งอยู่ที่เดิม หลังของนางยังคงยืดตรง และไม่ได้ตอบโต้อะไรกับคำกล่าวหาที่ว่านางทำร้ายราชวงศ์

“ฝ่าบาท การทำร้ายราชวงศ์เป็นเรื่องผิดมหันต์ แต่หม่อมฉันมีเรื่องอยากถามเพคะ การทำร้ายผู้มีพระคุณ ปฏิบัติต่อกันด้วยท่าทางที่เย็นชา รังแกคู่หมั้นของตัวเอง เหล่านี้ก็ควรได้รับโทษหนักเช่นกันหรือไม่เพคะ”

น้ำเสียงของฉู่เชียนหลีไพเราะก้องกังวาน

ฉีเฟยเก็บนิ้วมือของตัวเอง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

ฉู่เชียนหลีกำลังถามหาความรับผิดชอบจากองค์ชายสามงั้นหรือ

ฉู่เชียนหลีเงยหน้า สายตาที่ใสเป็นประกายของนางแทบจะทะลุเข้าไปในใจของคน

“คนอย่างฉู่เชียนหลีเกิดมาโดยไร้มารดา อายุยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเต็มก็ถูกส่งตัวออกเลี้ยงอยู่นอกเมือง ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมาจนถึงอายุ 13 ปี อย่างยากลำบาก ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเงียบสงบ แต่เพราะบุญคุณที่ช่วยชีวิตองค์ชายสามเอาไว้ถึงได้ถูกรับกลับเข้ามาในเมืองหลวงอีกครั้ง และเข้ามาอยู่ท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีนี้”

“บุญคุณที่เจ้ามีต่อองค์ชายสาม ตอนนั้นข้าก็ได้ขอให้ฝ่าบาทพระราชทานงานแต่งให้เจ้ากับองค์ชายสามแล้ว เท่านี้เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ”

“ก่อนหน้านี้ฉีเฟยเคยพูดเอาไว้ว่า การพระราชทานงานแต่งงานในตอนนั้นเป็นเพราะน้ำใจที่มารดาของหม่อมฉันเคยมีให้ต่อกันในอดีต จู่ๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นเพราะบุญคุณที่หม่อมฉันมีให้แก่องค์ชายสามแล้วงั้นหรือ”

ฉีเฟยสูดหายใจลึก “ก็เป็นเพราะทั้งสองสาเหตุ ไม่มีจะมีอะไรผิดแปลก”

“เพคะ ก็พอมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นล่ะเพคะ หลังจากที่หมั้นหมายกันไปแล้วสองปี หม่อมฉันก็ได้ช่วยชีวิตองค์ชายสามอีกครั้ง แถมหม่อมฉันยังขอร้องท่านลุง ให้ช่วยสนับสนุนองค์ชายสามและช่วยออกหน้าแทนหลายครั้ง เรื่องพวกนี้ไม่นับว่าเป็นบุญคุณด้วยหรือเพคะ”

“เจ้ากับองค์ชายเป็นคู่หมั้นกัน เจ้าก็ต้องปกป้ององค์ชายอยู่แล้ว อีกอย่างที่ผ่านมาตระกูลซูวางตัวเป็นกลางมาตลอด องค์ชายสามเองก็ไม่เคยสนิทสนมกับขุนนางคนใดในวัง ฉู่เชียนหลี การพูดเหลวไหลต่อหน้าพระพักตร์ถือเป็นโทษหนักเช่นกัน!”

ฉีเฟยแผดเสียง

“เช่นนั้นหม่อมฉันขอถามพระชายา สองปีหลังจากที่ได้หมั้นหมายกันแล้ว คู่หมั้นอย่างหม่อมฉันทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมหรือไม่”

ฉีเฟยรู้สึกหัวใจหดเกรง แต่ก็จำยอมต้องพยักหน้า “ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว แต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์สังหารองค์ชายสาม!”

ตลอดสองปีที่ผ่านมานั้น นอกจากใบหน้าอันอัปลักษณ์ของฉู่เชียนหลีที่ถูกผู้คนนินทาแล้ว ก็ไม่มีเรื่องราวอื่นใดให้ตำหนิได้อีก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรับรู้กันหมด นางจึงไม่สามารถปฏิเสธความจริงข้อนี้ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทได้

“เช่นนั้นหม่อมฉันขอถามฉีเฟยอีกเรื่องหนึ่ง การปฏิบัติตัวขององค์ชายสามเหมาะสมกับน้ำใจที่หม่อมฉันมีให้ต่อเขาหรือไม่”

ขนตาของฉู่เชียนหลีเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นลง ความเจ็บปวดของร่างเดิมที่สะสมมาหลายปีก็ได้เอ่อล้นขึ้นมาที่หัวใจอีกครั้ง

“หม่อมฉันช่วยชีวิตเขาไว้สองครั้ง พยายามอย่างยิ่งที่จะปกป้องเขาในทุกเรื่องและส่งเสริมทุกอย่างที่เขาคิด แต่สุดท้ายเป็นอย่างไร? ห้าปีที่แล้ว หม่อมฉันถูกลอบทำร้าย ในฐานะที่เขาเป็นคู่หมั้นของหม่อมฉัน กลับไม่ช่วยตามสืบคดี หรือช่วยรักษาความยุติธรรมให้กับหม่อมฉัน อย่างนี้เรียกได้ว่าเป็นคนเนรคุณ ทำร้ายผู้มีพระคุณได้หรือไม่”

“ห้าปีทีแล้ว เจ้าแอบคบชู้ ยังมีหน้ามาพูดจาสามหาวอย่างนี้อีกหรือ”

“ที่บอกว่าหม่อมฉันคบชู้ ฉีเฟยเห็นกับตาตัวเองหรือไม่เพคะ”

“ถึงแม้ข้าจะไม่เห็น แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้น”

“สิ่งที่ตาเห็นอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง ข่าวลือก็ไม่อาจเชื่อถือได้ เมื่อห้าปีก่อนยังบอกอีกว่าหม่อมฉันตายไปแล้ว แล้วตอนนี้เหตุใดหม่อมฉันยังยืนอยู่ตรงนี้ได้”

ฉีเฟยแอบก่นด่าในใจ ฉู่เชียนหลีกลายเป็นคนต่อปากต่อคำเก่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่หยุนชิงกุยย่อมรู้อยู่แก่ใจ! เมื่อก่อนหม่อมฉันให้เขาได้แม้แต่ชีวิตของตัวเอง ย่อมไม่มีทางที่หม่อมฉันจะมีความสัมพันธ์กับชายอื่นอย่างแน่นอน”

ฉู่เชียนหลีเลิกแขนเสื้อขึ้น จึงเห็นบาดแผลที่ยังคงปรากฏเด่นชัดที่ซ่อนอยู่ภายใต้กำไลหยกเลือดหงส์

“รอยแผลเป็นนี้เป็นรอยแผลที่มีคนร้ายจับตัวหม่อมฉันไปเพื่อข่มขู่องค์ชายสาม และตั้งใจจะพรากความบริสุทธิ์ของหม่อมฉันไป หม่อมฉันไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจจึงยอมตายเสียดีกว่า”

หลายปีผ่านมา รอยแผลยังคงน่าสยดสยอง ทำให้เห็นว่าเหตุการณ์ตอนนั้นเลวร้ายขนาดไหน

“ในฐานะที่เคยถูกช่วยชีวิตเอาไว้ แต่ไม่ยอมตอบแทนผู้มีพระคุณของตัวเองนั่นเรียกว่าไร้คุณธรรม ในฐานะเป็นคู่หมั้น แต่กลับระแวงคู่หมั้นของตัวเอง แถมไม่เคยห่วงใย นั่นเรียกว่าไม่เชื่อใจ หลังจากที่คู่หมั้นของตัวเองถูกปล่อยข่าวว่าเสียชีวิต แต่กลับเตรียมตัวไปขอน้องสาวของคู่หมั้นสาวแต่งงานแทน นั่นเรียกว่าไม่ซื่อสัตย์!”

หลังจากที่ฉู่เชียนหลีกล่าวบทสรุปจบแล้ว ก็หันไปสบตากับฉีเฟย

“แต่คนที่ไร้คุณธรรม ไม่เชื่อใจและไม่ซื่อสัตย์แบบนี้กลับมีชื่อเสียงดีที่สุดในบรรดาองค์ชายของราชวงศ์ เรื่องนี้เป็นเรื่องตลกสิ้นดี”

สีหน้าของฉีเฟยเปลี่ยนไป นางรีบหันไปทางฮ่องเต้

“ฝ่าบาท แม่นางฉู่เชียนหลีผู้นี้ฟั่นเฟือนไปแล้ว ที่นางพูดมามีแต่เรื่องเหลวไหล นางไม่เคารพต่อพระองค์ ให้คนมาเอาตัวนางออกไปเถิดเพคะ”

“ฝ่าบาท”

ฉู่เชียนหลีเอ่ยขัดฉีเฟยขึ้นมา

“หม่อมฉันอยากพบองค์ชายสาม จะได้ขอถอนหมั้นและตัดความสัมพันธ์เพคะ”

แววตาของฮ่องเต้ล้ำลึกห่างไกลและขุ่นมัว คำพูดของฉู่เชียนหลีเปรียบดังเข็มที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวของเขา และทิ้งความเคลือบแคลงเอาไว้ข้างในใจ

หลายปีที่ผ่านมานี้ ชื่อเสียงขององค์ชายสามนับวันก็ยิ่งโดดเด่นขึ้น

“ไปพาตัวองค์ชายสามมา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี