สรุปตอน บทที่ 46 มีเรื่องอะไรก็คุกเข่าลงก่อนค่อยว่ากัน – จากเรื่อง ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดย เย็นอวี่ฟังหัว
ตอน บทที่ 46 มีเรื่องอะไรก็คุกเข่าลงก่อนค่อยว่ากัน ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดยนักเขียน เย็นอวี่ฟังหัว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ฉู่หลิงเซวียนเบิกตากว้าง นางจ้องเขม็งไปยังฉู่เชียนหลีด้วยความเกลียดชัง
“แกพูดไร้สาระอะไร”
ให้ตนคุกเข่าต่อหน้านางงั้นรึ
นางกล้าได้ยังไง
ฉู่เชียนหลีถอนใจเบาๆ สายตาของนางปรากฏความไม่สบอารมณ์ออกมา
“ฉู่เฉิงเสี้ยง ทหารรักษาพระองค์ร้อยนายของเกากงกงรออยู่ด้านนอกนะ”
ฉู่เยี่ยนชิงกำลังใช้ความคิดชั่วร้ายอย่างหนัก หากเขารับปากยอมให้ฉู่หลิงเซวียนคุกเข่าลง นั่นก็จะแสดงว่าเขายอมแพ้ต่อเหตุการณ์ในวันนี้
“เชียนหลี วันข้างหน้าเจ้ายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลฉู่ ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าเจ้าจะไม่แต่งงานกับองค์ชายสามแล้ว แต่ก็ยังต้องพึ่งพาตระกูลทางแม่อยู่ หรือว่าหลังจากนี้......”
ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วแน่น
“ดูท่าใต้เท้าฉู่จะตัดสินใจเลือกแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เกากงกง......”
“ช้าก่อน!”
ฉู่เยี่ยนชิงรีบห้ามอย่างรวดเร็ว
“เชียนหลี พ่อรู้ดีว่ามีหลายอย่างที่พ่อทำไม่ถูกต้อง และรู้ด้วยว่าติดค้างเจ้าเอาไว้มากมาย พ่อสำนึกผิดแล้ว วันนี้ขอเพียงเจ้ามอบของให้ฝ่าบาทแต่โดยดี หลังจากนี้เป็นต้นไปตระกูลฉู่จะคอยดูแลเจ้าทุกอย่าง”
“ฉู่เฉิงเสี้ยง ท่านควรดีใจนะ ที่แม้ว่าข้าจะเกลียดท่าน แต่อย่างไรข้าก็ยังเคารพสายเลือดในตัวของท่านจนถึงตอนนี้ ไม่อย่างนั้นแล้ว วันนี้คนที่ต้องนั่งลงจะเป็นท่านต่างหาก”
แววตาของฉู่เชียนหลีแข็งกระด้าง ประกายวับไหวในดวงตาของนางบัดนี้ได้กลายเป็นน้ำแข็งที่หนาวเหน็บแผ่กว้างไปทั่ว
“อีกอย่างสำนึกผิดแล้วจะมีประโยชน์อะไร ท่านและพวกท่าน ควรจะได้สัมผัสความขมขื่นดูบ้าง หลังจากนั้นค่อยมาขอโทษ อย่างนี้ถึงจะถือว่าจริงใจกว่านี้”
ฉู่เยี่ยนชิงถูกความเย็นชาของฉู่เชียนหลีกดดันจนถอยหลังไปสองก้าว ความโกรธทำให้สมองของเขารู้สึกมึนงง เส้นเลือดที่ปูดโปนอยู่บนหน้าผากเต้นตุบๆ
“เจ้า...... เจ้า......”
หนังตาของฉู่เชียนหลีกระตุก แววตาของนางก่อนหน้านี้ที่น่าหวาดผวาจนหนาวสันหลัง ตอนนี้กลับมามีท่าทางเกียจคร้านอีกครั้ง
“ข้าบอกแล้วไง มีเรื่องอะไร คุกเข่าลงแล้วค่อยว่ากัน”
ฉู่เยี่ยนชิงหายใจกระฟัดกระเฟียด ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงจะหันหน้ามามองฉู่หลิงเซวียนอย่างฝืนใจ
“ไปสิ ไปคุกเข่าลงต่อนหน้าพี่สาวสิ”
ฉู่หลิงเซวียนชะงักอยู่กับที่ นางไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“ท่านพ่อ ท่าน......พ่อให้หนูคุกเข่าให้ฉู่หลิงเซวียนงั้นหรือ”
เมื่อก่อนท่านพ่อยังให้ฉู่เชียนหลีเข้าวังไปรับโทษ ทำไมเพียงชั่วพริบตา เหตุการณ์ถึงพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้
“ไม่!”
“เนรคุณ แกคิดจะต่อต้านคำสั่งของพ่อด้วยงั้นหรือ”
“ลูกไม่กล้าเจ้าค่ะ แต่ว่า......แต่นี่มันฉู่เชียนหลิงนะเจ้าคะ”
ฉู่เชียนหลีที่นางดูถูกและรังเกียจมาตลอด
เมื่อก่อนนางเคยเหยียบย่ำคนคนนี้ราวกับเป็นโคลนตม แต่วันนี้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา นางกลับต้องเป็นฝ่ายนั่งคุกเข่าลงอย่างนั้นหรือ
ไม่ นางรับไม่ได้!
“นั่งลง!”
ฉู่เยี่ยนชิงตวาดออกไปด้วยความโมโห ราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกต้อนจนจนมุม และพยายามรักษาความน่าเกรงขามเอาไว้จนถึงนาทีสุดท้าย
ฉู่หลิงเซวียนร้องไห้โฮจนตัวสั่น น้ำตาของนางไหลพรากลงมา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคับแค้น
ฉู่เชียนหลิงเฝ้ามองอย่างเงียบๆ แววตาของนางสงบนิ่งไม่มีอารมณ์ใดๆ
“ข้า......”
ฉู่เชียนหลีลุกขึ้นอย่างเสียอารมณ์ “เกากงกง ของที่ฝ่าบาทต้องการ......”
ฉู่เยี่ยนชิงก้าวเข้าไปตรงหน้าฉู่หลิงเซวียน แล้วตบไปที่ใบหน้านางเข้าอย่างแรง
“คุกเข่าให้นางเดี๋ยวนี้!”
ฉู่หลิงเซวียนโดนตบจนเบลอ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ฝ่ามือในครั้งนี้ นางจึงรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าปกติ ราวกับใบหน้าของนางถูกบางอย่างทุบเข้าอย่างแรง
สมองของนางว่างเปล่า ก่อนที่จะคุกเข่าลงกับพื้น
เมื่อเข่ากับพื้นกระทบกัน จึงเกิดเสียงหนักๆ ดังขึ้น ไม่ว่าใครได้ยินต่างรู้สึกเจ็บแทน
เกากงกงที่เฝ้าอยู่ที่ปากประตูรีบพาพวกเข้ามาดู เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านในสวน เขาไม่ได้มีสีหน้าแปรเปลี่ยน
“ในตอนนั้น เจ้าชวนข้าไปที่เรือนของเจ้า จากนั้นจึงใส่ร้ายข้าว่าขโมยของ ข้าเองก็ถูกทำโทษให้นั่งคุกเข่าตั้ง 3 ชั่วยามเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
“แก......แกคิดจะแก้แค้นฉันงั้นหรือ”
“ถูกต้อง การได้แก้แค้นเจ้า ทำให้ข้ามีความสุขมาก”
ฉู่เชียนหลีหัวเราะเยาะ “สามชั่วยามนี้ หากขาดไปแม้แต่นิดเดียว ข้าจะให้เข้าชดใช้เพิ่มเป็นสิบเท่า”
ฉู่หลิงเซวียนร้องไห้จนตาพร่ามัว นางหันไปมองฉู่เยี่ยนชิงด้วยแววตาอ้อนวอน
“ท่านพ่อ”
สีหน้าของฉู่เยี่ยนชิงเคร่งเครียด เขาค่อยๆ เบือนหน้าหนีไป ไม่หันไปมองฉู่หลิงเซวียนอีก
ฉู่เชียนหลีหันไปมองแล้วกล่าวเตือนว่า
“จริงสิ ฉู่เฉิงเสี้ยง สวนของข้าเละเทะหมดแล้ว และข้ายังคงต้องอาศัยอยู่ต่อที่นี่อีกสักพัก ดังนั้นแล้วจึงต้องการให้ซ่อมแซมใหม่ทั้งหมด”
ฉู่เยี่ยนชิงกัดฟัน “ได้ เจ้าออกแบบมา เดี๋ยวข้าจะให้คนมาจัดการให้”
“ไม่ต้องออกแบบอะไรหรอก ทำตามให้เป็นแบบสวนฝูยู่แบบเดิม ให้คนมาจัดการให้เหมือนแต่เก่าก็พอ”
ที่นี่เป็นสถานที่ของมารดาเจ้าของร่าง นางเป็นแค่คนที่ผ่านมาเท่านั้น จึงไม่ควรที่จะสร้างร่องรอยอะไรทิ้งไว้
“ได้ เอาตามนั้น”
“ยังมีอีกเรื่อง รบกวนฉู่เฉิงเสี้ยงแจ้งตระกูลอู๋ด้วยว่า พรุ่งนี้ข้าจะไปรับฟังคำขอโทษจากอู๋ฉีด้วยตัวเอง”
สีหน้าของฉู่เยี่ยนชิงหมองหม่น เขากำหมัดแน่นพลางก่นด่า ท่าทางของเขาตอนนี้เห็นได้ชัดว่าโกรธจัด
“เจ้ายังมีความต้องการอะไรอีกไหม พูดออกมาทีเดียวให้จบ”
“เรื่องสุดท้าย แม่ของข้าลาโลกไปหลายปีแล้ว ตอนที่แม่แต่งเข้ามาที่ตระกูลฉู่ ทรัพย์สมบัติติดตัวมากมายของแม่ ก็ควรที่จะตกเป็นทรัพย์สมบัติติดตัวของข้าในฐานะที่เป็นลูกสาว เช่นนั้นก็ควรจะคืนของพวกนั้นให้ข้าใช่หรือไม่”
“อะไรนะ” สีหน้าของฉู่เยี่ยนชิงชะงักไป
ดวงตาของฉู่เชียนหลีหลุบต่ำลง ขนตางอนยาวของนางปิดบังความรู้สึกของนางเอาไว้
“ในตอนนั้นตระกูลซูรุ่งเรือง ลำพังแค่เครื่องปะทินผิวก็ต้องขนย้ายกว่าสามวัน ดังนั้นฉู่เฉิงเสี้ยงอย่าได้คิดจะเอาของอะไรมาให้ข้าส่งเดช ข้าเพิ่งจะถอนหมั้น อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก หากตอนที่ข้าอารมณ์ไม่ดีแล้วทำอะไรขึ้นมาคงจะต้องมีเจ็บตัวกันบ้าง"
เวลาจะทำให้ฉู่เยี่ยนชิงได้ย้อนคิด ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาติดหนี้อะไรร่างเดิมกับแม่ของร่างเดิมเอาไว้บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี
ไม่อัฟแล้วหรือคะ...
เรื่องนี้สนุกมากขอทางทีมงานอัพเดทต่อด้วยนะคะ😭...
อยากให้อัพเดทเรื่องนี้ต่อไปนะคะ😭...
เรื่องนี้สนุกมากไม่ลงตอนใหม่แล้วหรอค่ะ...
ขอร้องลงตอนใหม่ด้วยนะคะ😭...
เรื่องนี้ไม่ลงต่อแล้วหรอค่ะ...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทแล้วหรอค่ะ...