ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 48

สรุปบท บทที่ 48 รังแกกันเกินไปแล้ว!: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี

บทที่ 48 รังแกกันเกินไปแล้ว! – ตอนที่ต้องอ่านของ ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี

ตอนนี้ของ ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดย เย็นอวี่ฟังหัว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 48 รังแกกันเกินไปแล้ว! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลังจากที่ฉู่เยี่ยนชิงออกจากสวนฝูยู่ไปแล้ว ก็ไปหานางอู๋

เมื่อเห็นนางอู๋นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ เขาก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมา นี่มันเวลาใดกันแล้วยังจะเสแสร้งป่วยอยู่อีกหรือ

“ฮูหยิน วันนี้ทำไมเจ้าไม่ส่งคนไปรอรับข้าอยู่ที่นอกวัง”

หากแจ้งข่าวตั้งแต่แรก เขาคงไม่ต้องถูกฉู่เชียนหลีจัดการซึ่งหน้าแบบนั้น

นางอู๋สะลึมสะลือลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ทุกครั้งที่นางหายใจนางจะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย เมื่อได้ยินฉู่เยี่ยนชิงเอ่ยถาม จึงลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากและรู้สึกหนาวสะท้าน

“นายท่าน ลองดูสภาพของข้าตอนนี้ก่อนเถิด”

“เอาล่ะ ที่นี่ไม่มีคนนอกอยู่แล้ว เจ้าจะยังเสแสร้งอยู่ทำไม”

ฉู่เยี่ยนชิงถอนใจอย่างเหลืออด แล้วก้าวเข้าไปจับข้อมือของนางอู๋เอาไว้ เดิมทีคิดจะดึงนางขึ้นมา แต่คิดไม่ถึงว่ากลับเกิดเสียงดังกึกขึ้น กระดูกข้อมือของนางส่งเสียงเคลื่อน

“โอ๊ย!”

นางอู๋ร้องเสียงหลง ทำเอาฉู่เยี่ยนชิงที่มีสีหน้าโมโหจัดตกใจจนใบหน้าซีดขาว

“เจ้าเป็นอะไร”

นางอู๋จับมือของตัวเองเอาไว้ ศีรษะของนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ

“นายท่าน ข้ารู้สึกไม่สบายตัวจริงๆ แค่ถอนหายใจก็รู้สึกเจ็บเหมือนมีเข็มปักอยู่กลางอก

ฉู่เยี่ยนชิงเห็นท่าทางของนางก็รู้สึกว่านางไม่น่าจะเสแสร้ง ตอนนั้นจึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

หรือว่าที่นางอู๋มีสภาพเป็นอย่างนี้เพราะว่าฉู่เชียนหลีลงมือทำอะไรกับนาง

หากเป็นเช่นนั้นจริง ความคิดของนางนั้นล้ำลึกและน่ากลัวขนาดไหนกันเชียว คงมีแผนการต่างๆ ที่แอบซ่อนเอาไว้มากมาย

ฉู่เยี่ยนชิงรีบส่งคนไปตามหมอ จากนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าทุกข์ระทม

“นายท่าน การเข้าวังครั้งนี้ไม่ราบรื่นหรือ” นางอู๋อดไม่ได้ที่จะถาม

เตรียมทุกอย่างเอาไว้ดีแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าเกิดเรื่องราวไม่คาดคิดขึ้นมา

เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของฉู่เยี่ยนชิงก็ปรากฏความเหนื่อยล้าหมดแรง

“การไปคราวนี้ นอกจากจะจัดการฉู่เชียนหลีไม่ได้แล้ว แถมยังขายหน้ามากอีกด้วย”

“นายท่าน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” นางอู๋เริ่มร้อนใจ

ฉู่เยี่ยนชิงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังทั้งหมดด้วยน้ำเสียงหมองหม่น เขาขมวดคิ้วแน่นจนเกิดร่องกลางหน้าผาก

เมื่อนางอู๋ได้ยินดังนั้น ก็เหม่อลอย

“เช่นนี้แล้ว แสดงว่าการเข้าวังครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถเอาผิดฉู่เชียนหลีได้ แต่ยิ่งกลับทำให้นางยิ่งปีกกล้าขาแข็งขอถอนหมั้นกับองค์ชายสาม แถมยังฝ่าบาทยังให้ความสำคัญกับนางอีก”

“นี่ยังไม่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”

“ยังมีเรื่องอะไรอีกรึ”

“ร่างกายของฝ่าบาทหลายปีที่ผ่านมานี้อ่อนแอขี้โรค และได้แต่นั่งมองดูการต่อสู้ขององค์ชายทั้งในที่ลับและในที่แจ้งอยู่ห่างๆ เพราะในบรรดาองค์ชายจะไม่มีการต่อสู้แข่งขันกันก็คงไม่ได้ ท่ามกลางการต่อสู้นี้ใครที่โดดเด่นที่สุดก็จะมีคุณสมบัติของการเป็นฮ่องเต้”

ยิ่งฉู่เยี่ยนชิงนึกถึงสีหน้าของฮ่องเต้ในวันนี้ หัวใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ใจ

“แต่เรื่องที่ฉู่เชียนหลีก่อขึ้นในวันนี้ทำให้ความพยายามที่ผ่านมาขององค์ชายสามหลายปีมานี้ถูกทำลายไปไม่น้อย องค์ชายคนหนึ่งถูกลูกสาวขุนนางขอถอนหมั้น เจ้าว่ามันน่าขำไหมล่ะ”

“แต่แม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ แต่หลิงเซวียนก็ยังดีกว่าฉู่เชียนหลีตั้งเยอะ ตอนนี้ชื่อเสียงขององค์ชายสามอาจจะเสียหายไปบ้าง แต่หลังจากที่แต่งงานกับฉู่หลิงเซวียนแล้ว หากสามารถแสดงความสามารถออกมา อาจจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดีได้”

ฉู่เยี่ยนชิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้า แววตาของเขาแสดงความไม่มั่นใจออกมา

“แต่หลิงเซวียนจะดีกว่าเชียนหลีแน่หรือ”

นางอู๋ชะงักไป “นายท่านพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงกัน หลิงเซวียนคือคนที่ข้ากับท่านตั้งใจช่วยกันเลี้ยงดูสั่งสอน ส่วนเชียนหลีเป็นใคร อยู่บ้านนอกมาตั้งแต่เด็ก เกรงว่าหนังสือก็คงอ่านออกไม่กี่ตัว มีอะไรที่จะเอามาเทียบเคียงกับหลิงเซวียนได้”

“ตอนนี้ขอเพียงรอเวลาที่หลิงเซวียนจะกดนางลงได้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว การขอถอนหมั้นครั้งนี้จะกลายเป็นฝันร้ายระหว่างองค์ชายสามกับพวกเราตลอดไป”

ถ้าหากวันใดที่ฉู่เชียนหลีเหนือกว่าฉู่หลิงเซวียนขึ้นมา ทุกคนก็จะพากันคิดว่า องค์ชายสามเป็นคนที่มีตาหามีแววไม่ จวนเฉิงเสี้ยงก็จะกลายเป็นฝ่ายที่ให้ความสำคัญกับคนผิดคน

แววตาของนางอู๋พร่ามัว ตอนนั้นนางรู้สึกราวกับตัวเองเกิดความรู้สึกที่ลางเรือนบางอย่าง

“อีกเรื่องหนึ่ง สมบัติติดตัวของนางอู๋ เจ้ายังเก็บเอาไว้อยู่หรือไม่”

เซียวจวินยี่ลงรถม้า จึงสังเกตเห็นว่ามีคนตั้งใจสาดของเสียทิ้งเอาไว้บนขั้นบันไดและบานประตู เขาจึงรู้สึกเดือดพล่านขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะก่นด่า

“ไอ้พวกคนตระกูลอู๋มันลงมือจริงๆ ด้วย หน้าไม่อายจริงๆ”

ฉู่เชียนหลีเดินตรงผ่านประตูใหญ่เข้าไป สายตาของนางชะงักไม่เคลื่อนไหว

หลังจากเดินผ่านประตูใหญ่เข้ามาแล้ว สภาพสวนด้านในดูย่ำแย่เสียกว่าสวนฝูยู่เสียอีก มีสิ่งสกปรกและซากปรักหักพังไปทั่ว แม้แต่ฝ้าเพดานบ้านก็ยังมีคนถูกทุบจนแตกละเอียด

บริเวณด้านหน้าห้อง ซูจิ่นจือนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น เขาส่งเสียงไอเบาๆ พลางใช้พัดพัดไปที่หินสามก้อนอย่างเหนื่อยล้าเพื่อจุดไฟ ขวันลอยคลุ้งทว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็จุดไฟไม่ติด

เขาตัวสั่นไปทั่วร่าง และราวกับมีบางอย่างกดดันเขาอยู่ เขาจึงใช้กำปั้นทุบลงไปบนพื้น นิ้วมือที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาก็ยิ่งมีเลือดสดไหลซึมออกมามากขึ้น

ฉู่เชียนหลีรู้สึกว่าหัวใจของตนกระตุกเกร็ง และไม่รู้เช่นกันว่าทำไมข้างในของนางจึงรู้สึกเจ็บปวด

“ท่านพี่?”

ซูจิ่นจือชะงัก ตัวของเขาแข็งทื่อ

ฉู่เชียนหลีเดินเข้าไปข้างหน้าแล้วยอบตัวลงเพื่อสำรวจดูโถกระเบื้อง ตอนนั้นสายตาของนางเริ่มวิบไหว ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นขึ้น

ในโถกระเบื้องมีตัวยาอยู่ไม่น้อย แต่น้ำที่ได้จากการต้มยากลับมีสีของยาอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพียงดูก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“ท่านพี่ นี่พี่กำลัง......”

เมื่อสังเกตดูดีๆ จึงพบว่าในโถกระเบื้องไม่ใช่ยา แต่เป็นกากยาที่ถูกต้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซูจิ่นจือแหงนหน้าขึ้นมอง ดวงตาอันไร้ความรู้สึกของเขายิ่งว่างเปล่า ราวกับหยกเย็นที่ส่องรัศมีสุดท้ายของมันออกมา จึงเหลือเพียงความยุ่งเหยิงและปรักหักพัง

ความโกรธแค้นเอ่อล้นขึ้นมาเดือดดาลเต็มอกของนาง

ดวงตาของฉู่เชียนหลีหมองหม่น ความอาฆาตแค้นลอยวนอยู่เต็มอกของนาง

ความรู้สึกตอนนี้ไม่ใช่ความรู้สึกของร่างเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นความรู้สึกของนางแต่เพียงผู้เดียว

ตระกูลอู๋ พวกเจ้ารังแกกันมากเกินไปแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี