ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี นิยาย บท 50

สรุปบท บทที่ 50 แค้นนี้ต้องชำระโดยเร็ว: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี

สรุปเนื้อหา บทที่ 50 แค้นนี้ต้องชำระโดยเร็ว – ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี โดย เย็นอวี่ฟังหัว

บท บทที่ 50 แค้นนี้ต้องชำระโดยเร็ว ของ ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เย็นอวี่ฟังหัว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ด้านนอก เมื่ออู๋ฉงเห็นสภาพเละเทะของจวนตระกูลซู ก็หันไปถลึงตาใส่อู๋ฉีที่มีคนช่วยพยุงเอาไว้

เอาแต่สร้างแต่เรื่องเสื่อมเสียไม่เคยสร้างเรื่องดีๆ เลย!

ก่อนที่เขาจะเข้าวัง เขาคิดว่าฉู่เชียนหลีจะต้องตายอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด ดังนั้นตอนที่เขาได้ยินว่าอู๋ฉีบอกว่าจะไปหาซูยี่และซูจิ่นจือเพื่อแก้แค้นนั้น เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไร

แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ฉู่เชียนหลีจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้ แล้วได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ แถมยังทำให้องค์ชายสามและฉู่เยี่ยนชิงตกอยู่ในสภาพที่ตกต่ำลง

หลังจากที่เขากลับมาถึงจวนไม่นาน ทหารรับใช้ก็พาทหารรักษาพระองค์มาล้อมที่จวนของเขาเอาไว้ แล้วบอกเป็นนัยๆ ว่าศาลบรรพชนที่ถูกไฟไหม้เป็นแผนจงใจทำเพื่อใส่ร้าย แถมยังบอกให้เขาอย่าไปสร้างความวุ่นวายให้ฉู่เชียนหลีอีก

ทหารรับใช้กับจิ่นจือหมายความว่าอย่างไร

นั่นหมายถึงพระราชโองการของฝ่าบาท!

เขายังไม่ทันจะแก้ปัญหาตรงหน้าได้ ก็ได้ข่าวมาอีกว่าอู๋ฉีพาคนไปทำลายจวนตระกูลซู และแย่งยามาจากตระกูลซู ตอนนั้นเขาตกใจมากจนแทบจะหน้ามืด

ฝ่าบาทจดจ้องที่ยาของฉู่เชียนหลี หากฉู่เชียนหลีไปพูดจาใส่ไฟเขาสักหน่อยแค่ไม่กี่ประโยค ตระกูลอู๋คงต้องถูกฝ่าบาทเกลียดหน้าอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงให้คนไปตามอู๋ฉีมาเพื่อพานำตัวเขาไปขอโทษ

“อีกเดี๋ยวเจ้าต้องขอโทษนางให้ดีๆ ล่ะ จะต้องทำให้นางใจเย็นลงให้ได้เข้าใจไหม”

อู๋ฉีได้รับบาดเจ็บหนัก เขาพยุงตัวให้ยืนได้ก็ลำบากแล้ว สายตาของเขาจึงเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ

“เข้า......เข้าใจแล้ว”

แต่ฉู่เชียนหลีคนเดียวเอง ดูถูกนางแค่ครั้งเดียวไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ทำไมท่านพ่อต้องหวาดผวานางขนาดนี้ด้วย

อู๋ฉงพาอู๋ฉีเดินเข้าไปในจวนหลังเล็กของตระกูลซู จากนั้นจึงสั่งให้คนเฝ้าด้านนอกจวนเอาไว้ ห้ามไม่ให้มีคนเข้ามาด้านในได้

“ตระกูลอู๋พาลูกชายมาขอขมาโทษคุณหนูฉู่แล้ว”

อู๋ฉงจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำต้อยและเอาอกเอาใจ

แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวมาจากด้านในห้องอันผุพังนั้น

สีหน้าของอู๋ฉีไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “ท่านพ่อ นี่มันตั้งใจข่มเราชัดๆ เลยนะ”

“หุบปาก!”

“คุณหนูฉู่ มิทราบว่าออกมาคุยกันหน่อยดีหรือไม่”

สิ้นเสียงพูดก็ยังคงไม่มีเสียงตอบรับออกมาจากด้านใน

ในดวงตาของอู๋ฉงเต็มไปด้วยความโมโหจัด เขาแอบก่นด่านางในใจว่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แต่ใบหน้าของเขายังคงปรากฏรอยยิ้มแล้วเฝ้ารอด้วยความอดทน

จนกระทั่งถึงตอนที่ทั้งสองคนยืนรอจนขาเริ่มชาแล้วนั้น ประตูจึงค่อยๆ เปิดออก

ฉู่เชียนหลียกเก้าอี้ที่มีที่วางแขนออกมาแล้ววางเอาไว้ตรงหน้าประตู จากนั้นยกแขนขึ้นเล็กน้อยและสะบัดชายกระโปรงพลางนั่งลงบนเก้าอี้

“เจ้าตระกูลอู๋ ข้ารอท่านมาตั้งนาน ยังคิดว่าท่านจะรู้จักมาขอโทษ แต่ตอนนี้ข้าผิดหวังในตัวท่าน”

ฉู่เชียนหลีกวาดตามองอู๋ฉี ด้วยสายตาที่ฉาบไปด้วยความแค้น

ที่นางลงมือทำร้ายเขา แน่นอนว่านางมีแผนการในใจ โดยตั้งใจว่าอย่างน้อยๆ อู๋ฉีต้องนอนรักษาตัวอยู่บนเตียงอย่างน้อยๆ สามเดือนถึงจะลงจากเตียงมาเดินได้ แต่ตอนนี้เขากลับยืนนิ่งอยู่บนพื้นได้แล้ว นี่หมายความว่าอย่างไร?

ก็หมายความว่าอู๋ฉีแอบนำยาที่นางให้ท่านลุงกับท่านพี่ไปใช้หมดแล้ว!

รนหาที่ตายแท้ๆ

อู๋ฉงรีบร้อยเอ่ยปาก “คุณหนูฉู่ แน่นอนว่าข้าเข้าใจเรื่องการขอขมาโทษ ข้าเลยให้คนเตรียมยาบำรุงร่างกายมาให้ แถมยังมีเงินอีกห้าสิบตำลึง”

เงินห้าสิบตำลึง?

นี่อู๋ฉงกำลังเล่นตลกอะไรอยู่

เซียวจวินยี่ก้าวขาออกมาอย่างเหลืออด ตอนนี้ในอกของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

“นายท่านอู๋ ทำไมท่านถึงควักเงินออกมาได้ตั้งห้าสิบตำลึง หลายปีมานี้ตระกูลอู๋ของท่านแอบควบคุมโรงยาในเมืองหลวงอยู่อย่างลับๆ แต่เมื่อใต้เท้าซูกับจิ่นจือไปเบิกยากลับโดนพวกตระกูลอู๋ของท่านดูถูกสารพัด แค่นี้ยังไม่พอ พวกท่านยังฉวยโอกาสขึ้นราคายาอีก เพียงสมุนไพรธรรมดาทั่วๆ ไปก็ยังต้องใช้เงินตั้งหนึ่งเหรียญ ราคาแพงลิบลิ่ว”

สีหน้าของอู๋ฉงเปลี่ยนไป เป็นตายอย่างไรเขาก็ไม่ยอมรับ

ไม่เคยไว้ใจได้เลยจริงๆ

“คุณหนูฉู่ การที่ลูกชายของข้าฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วกว่าปกติ อาจไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอย่างที่คิดก็ได้ไม่ใช่หรือ”

ฉู่เชียนหลีมองไปทางอู๋ฉง “นี่นายท่านอู๋คิดจะหัวหมองั้นหรือ”

“ข้าจะหัวหมอได้อย่างไร”

อู๋ฉงแค่นรอยยิ้มเย็นๆ ออกมา เมื่อนึกถึงประสิทธิภาพของยา ในใจของเขาก็เริ่มเกิดความคิดชั่วร้ายบางอย่างเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว

“ข้าขอเจรจากับคุณหนูฉู่สักหน่อย คนทุกคนต่างมีความเห็นแก่ตัวและความลับของตัวเองทั้งนั้น อย่างเช่นที่คุณหนูฉู่เรียนฝ่าบาทว่ายาหนิงลู่มีเพียงหนึ่งเม็ด แต่ผ่านไปเพียงชั่วพริบตาเดียว กลับพบว่าคุณหนูฉู่มียาที่มีประสิทธิภาพเสียยิ่งกว่ายาหนิงลู่เสียอีก นี่ไม่เรียกว่าความเห็นแก่ตัวหรือ หากฝ่าบาทรู้เรื่องนี้เข้า......”

“ฝ่าบาทรู้แล้วอย่างไรหรือ”

“พระทัยของฝ่าบาทยากที่จะคาดเดา หากฝ่าบาททรงรู้ว่าคุณหนูฉู่ตั้งใจปิดบัง จะต้องทรงไม่พอพระทัย ถึงตอนนั้นคุณหนูฉู่จะแก้ตัวว่าอย่างไร”

“แล้วยังไงต่อ”

“ดังนั้นวันนี้พวกเราถอยกันคนละก้าวดีกว่า ข้าจะไม่พูดเรื่องที่คุณหนูมียาที่ดีกว่าให้ใครรู้ แล้วคุณหนูก็เก็บยาเอาไว้แค่ 4 เม็ดดีหรือไม่”

สายตาของอู๋ฉงตอนนี้เต็มไปด้วยความละโมบ

เขาได้เห็นบาดแผลของอู๋ฉีด้วยตาตัวเอง ตอนแรกยังคิดว่าจะต้องใช้เวลารักษาอีกหลายเดือน ไม่น่าเชื่อว่าการกินยาเข้าไปเพียงสองเม็ดจะทำให้อาการดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ ของดีเช่นนี้ใครบ้างจะไม่อยากได้

ฉู่เชียนหลีจ้องเขม็งไปที่อู๋ฉง แววตาของนางปรากฏความมาดร้ายออกมา

“ข้านึกออกแล้ว ยาหนิงลู่กับยาคืนจิตต่างกันตรงไหน ยาหนิงลู่ช่วยขจัดพิษให้ร่างกายดังนั้งเมื่อกลืนเข้าไปแล้วจะต้องละลายทันที ส่วนยาคืนจิตนั้นมีคุณสมบัติในการเสริมปราณแท้ ดังนั้นจึงออกฤทธิ์ช้ากว่า ดังนั้นเมื่อกลืนลงไปแล้วจะต้องใช้เวลาถึงยี่สิบชั่วยามกว่าจะละลาย”

“อะไรนะ” อู๋ฉงตกใจ

“นั่นก็หมายความว่า หากตอนนี้ผ่าท้องอู๋ฉีแล้วเอายาสองเม็ดนั้นออกมาก็ยังทัน!”

ที่ผ่านมามีเพียงนางเท่านั้นที่ข่มขู่คนอื่น เจ้าอู๋ฉงนี่กล้าดีนัก!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอร้อยพิษสยบปฐพี